posttoday

ศรัณย์ คุ้งบรรพต เปิดกล่องความทรงจำ ‘ที่สุดของชีวิต’

03 กันยายน 2560

ในโลกแห่งการทำงาน โน้ต-ศรัณย์ คุ้งบรรพต คือผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ที่ในวัยเพียง 34 ปี

โดย พุสดี

ในโลกแห่งการทำงาน โน้ต-ศรัณย์ คุ้งบรรพต คือผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ที่ในวัยเพียง 34 ปี ก็สามารถดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสรรหาและว่าจ้างบุคลากรบริษัท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ส่วนในวงการดนตรี เขาคืออีกหนึ่งนักร้องหนุ่มมากความสามารถ ทีไม่เพียงแต่มี่รางวัลด้านการร้องเพลงการันตีพรสวรรค์และฝีมือในการร้องเพลงมากมายแต่ล่าสุดยังเพิ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยไปสร้างชื่อในเวทีการแข่งขันระดับโลกอย่าง WorldChampionship of Performing Artsหรือ WCOPA สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันทุกประเภทที่ลงชิงชัยมาครองได้สำเร็จ ถือเป็นอีกหนึ่งหลักไมล์สำคัญของชีวิตในการเป็นนักร้องที่ไม่รู้ลืม

แน่นอนว่าสัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟครั้งนี้ นอกจากโน้ตจะมาเปิดกล่องความทรงจำล่าสุดที่จนวันนี้หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่นึกถึงเขายังขนกล่องความทรงจำ “ที่สุดของชีวิต”มาร่วมแบ่งปัน รับรองว่าครบรส ทั้งลุ้น ทั้งมัน ทั้งฮา ดราม่านิดๆอ่านจบแล้วคุณอาจจะรู้สึกว่าอึ้งและทึ่งไปกับชีวิตของผู้ชายคนนี้

ศรัณย์ คุ้งบรรพต เปิดกล่องความทรงจำ ‘ที่สุดของชีวิต’

จากเด็กเรียนสู่สังเวียนนักร้อง

กล่องความทรงจำแรกที่โน้ตชวนทุกคนนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปเปิดพร้อมกัน คือ จุดเริ่มต้นที่พรหมลิขิตชักพาให้เขาตกหลุมรักการร้องเพลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

“สมัยเด็กผมค่อนข้างเป็นเด็กเรียนดี เรียนอยู่โรงเรียนที่ต่างจังหวัด สมัยก่อนเวลาครูจะเลือกนักเรียนไปทำกิจกรรมอะไรก็ตาม มักจะเลือกเด็กที่เรียนดี ผมเองก็อยู่ในกลุ่มนั้น ถึงจะร้องเพลงไม่เป็น แต่ครูก็เลือกให้ไปประกวดร้องเพลง (ยิ้ม) จุดเริ่มต้นบนถนนสายดนตรีของผมเลยเหมือนจับพลัดจับผลูเข้ามา ผมเองตอนนั้นอายุประมาณ 8 ขวบ ถึงจะร้องเพลงไม่เป็น แต่พอครูถามว่าสนใจไหม ก็เออออตามน้ำ ไปหาร้านแถวบ้านอัดเพลงเพื่อส่งประกวด ตอนนั้นผมเลือกเพลง ‘ต่อเวลา’ของพี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์” เล่ามาถึงตรงนี้อาจเพราะอารมณ์ศิลปินในตัวเริ่มคุกรุ่น โน้ตเลยถือโอกาสอินโทรเพลงต่อเวลาให้ได้ฟังเพลินๆ ก่อนจะเฉลยถึงเวทีที่เข้าประกวดในเวลานั้นว่าคือ เวทีของสยามกลการซึ่งหลายคนคุ้นหูกันอย่างดี เพราะแจ้งเกิดนักร้องคุณภาพมาแล้วมากมาย

ใครจะคิดว่าจากเด็กร้องเพลงไม่เป็น ไม่มีครูสอนร้องเพลง จะฝ่าด่านผู้แข่งขันทั่วประเทศหลายพันคน ผ่านเข้ารอบ 100 คน ได้มาร้องต่อหน้ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งโน็ตยอมรับแบบไม่กั๊กว่าร้องแบบไม่กดดัน เพราะต้นทุนความหวังต่ำมาก

“ตอนรอบ 100 คนผู้เข้าแข่งขันยังร้องเพลงเดิม แต่ร้องแบบไม่มีดนตรี อาจเพราะตื่นเวทีตื่นเต้นหรืออย่างไรไม่ทราบผมร้องๆ ไปปรากฏว่าสะอึกร้องขาดไปช่วงหนึ่ง ก็คิดในใจว่าคงตกรอบแล้ว ปรากฏว่าผมผ่านเข้ารอบ 60 คน รอบนี้ผมเลือกเพลง ‘พริกขี้หนู’ ของพี่เบิร์ดเหมือนเดิม ได้โชว์ทักษะทั้งร้องและเต้น มาถึงรอบนี้ กรรมการจะคัดเหลือ 20คน เพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งผมก็ผ่านเข้ารอบมาอีก ในรอบชิงชนะเลิศผมเลือกเพลง‘คิดถึง’ ของ หรั่ง ร็อคเคสตร้า ทั้งที่ตอนแรกคุณแม่อยากให้เปลี่ยน เพราะเห็นว่าไหนๆ ผมใช้เพลงพี่เบิร์ดมาตลอดาจะใช้เพลงพี่เบิร์ดต่อแต่ผมเตะหูเพลงนี้ แรกๆ ก็ยังหวั่นๆ นะ เพราะตอนซ้อมสะอึกทุกรอบ แต่พอขึ้นเวทีจริงกลับเป็นรอบเดียวที่ผมร้องได้โดยไม่สะดุดเลย และสุดท้ายเพลงนี้ก็ทำให้ผมคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้อย่างไม่คาดฝัน” โน้ต ย้อนภาพวันวานที่ยังกระจ่างชัดในความรงจำอย่างออกรส

“ผมยังจำวินาทีที่ประกาศผลได้ หลังจากประกาศรางวัลรองชนะเลิศไปหมดแล้ว ด้วยความเป็นเด็ก ผมชะโงกหน้าจากแถวออกไปดูว่าเหลือใครบ้าง พอเห็นคนที่เป็นตัวเก็ง ก็คิดว่าจากนี้ก็คงประกาศชื่อเขา แต่สุดท้ายกลับเป็นชื่อเรา ตอนนั้นผมสติหลุดนะ เดินออกไปรับรางวัลแบบงงๆ ยังถามตัวเองว่านี่เรื่องจริงหรือฝัน เพราะตอนแรกผมคุยกับพ่อไว้ว่า พอประกาศรางวัลเสร็จจะมีลูกโป่งลอยลงมา ผมจะนอนเล่นกับลูกโป่งให้สนุกเลย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำนะครับ เพราะพอชนะเขาให้โชว์เพลงอีกรอบปรากฏว่ารอบนี้ผมร้องแล้วสะดุดเหมือนตอนซ้อมเลย (หัวเราะ)”

อย่างไรก็ตาม โน้ตยอมรับว่าเวทีสยามกลการได้เปิดประตูแห่งโอกาสอีกหลายบานให้เด็กน้อยคนหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ และยังทำให้เขาได้รับโอกาสที่ลืมไม่ได้ในชีวิตนี้ นั่นคือการได้ร้องเพลงต่อหน้าพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

“ผมจำได้ว่าตอนอายุ 9 ขวบ ผมได้มีโอกาสร้องเพลงต่อหน้าพระพักตร์ในหลวงรัชกาลที่ 9ที่สวนอัมพร ผมจำไม่ลืมเลยชีวิตนี้ เพราะพระองค์ท่านทรงเมตตาถ่ายภาพผมด้วย”

ศรัณย์ คุ้งบรรพต เปิดกล่องความทรงจำ ‘ที่สุดของชีวิต’

หนึ่งในนักร้องแห่งวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ

อีกหนึ่งความทรงจำที่โน๊ตบอกว่าชั่วชวีตินี้ไม่ลืม คือ การได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ หรือ Royal Bangkok SymphonyOrchestra (RBSO) มายาวนานถึง 15 ปี

“ผมได้เข้าร่วมวงตอนเรียนอยู่ปี 1 สารภาพตรงๆ ว่าตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้จักวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพเท่าไร คิดว่าแค่มาร้องเพลง แต่ปรากฏว่ามาวันแรกเจอศิลปินระดับเทพๆ ทั้ง ธนพรแวกประยูร, ธีรนัยน์ ณ หนองคาย คอนดักเตอร์ระดับตำนาน ศิลปินแห่งชาติ วงดนตรี ที่มีเครื่องดินตรีหลายสิบชิ้น โจทย์เพลงที่ได้ก็ไม่ใช่เพลงที่คุ้น ตอนนั้นรู้แต่ว่ากดดันมาก ผมเอาแต่ฟังเพลงเพื่อจำเนื้อร้องให้ได้ ฟังจนหลับไปเลยก็มี จำได้ว่าตอนนั้นงานแรกที่ผมมีโอกาสร่วมร้องเพลง คือ ‘คอนเสิร์ต 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ’ ซึ่งเป็นการแสดงดนตรีโดยวง
ดุริยางค์สากลและการขับร้องประสานเสียงเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสเจริญพระชนมายุครบ 50 พรรษา”

โน้ตบอกว่าการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ RBSOถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชีวิตการเป็นนักร้อง “เป็นอีกหนึ่งห้องเรียนที่ทำให้ผมได้เรียนรู้และลดอีโก้ของตัวเอง ไม่ใช่ว่าเป็นนักร้องนำแล้วจะร้องอย่างไรก็ได้ แต่ต้องรู้จักทำงานเป็นทีม ยิ่งร้องกับวงใหญ่แบบนี้ บางครั้งนักร้องก็เป็นเพียงแค่เรื่องดนตรีชิ้นหนึ่งบนเวทีเท่านั้น เพราะบนเวทีทุกคนล้วนมีความหมายมีความสำคัญ”

“ผมพอแล้วสำหรับการแข่งขันร้องเพลง”

เล่ามาถึงตรงนี้ ทำให้คลายข้อสงสัยถึงความรักที่เขามีต่อเสียงเพลงทีละข้อ และไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ทั้งที่วันนี้เขาได้สวมบทบาทผู้บริหารระดับสูงขององค์กรใหญ่ แต่เขายังคงสานต่อความฝันด้านการร้องเพลงอยู่เสมอ ล่าสุดเขาทำความฝันของตัวเองสำเร็จไปอีกข้อ ด้วย
การคว้า 14 เหรียญรางวัลจากเวที WorldChampionships of Performing Arts ครั้งที่ 21ซึ่งจัดขึ้นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 

“ผมตัดสินใจพาตัวเองเข้าสู่สนามแข่งอีกครั้งเพราะผมผ่านเวทีระดับประเทศมาแล้ว จากเวทีสยามกลการตอนเด็ก 10 ปีให้หลังผมกลับสู่เวทีการประกวดอกี ครงั้ ในเวทเี ดมิ และไดร้ บั รางวลันักร้องดีเด่นแห่งประเทศไทย (KPN Award 2001)จากน้นั ลองไปแข่งระดับเอเชียได้รางวัลนักร้องหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในงาน Shanghai MusicFestival 2002 ครั้งนี้เลยอยากเพิ่มดีกรีความท้าทายไปพิสูจน์ฝีมือในเวทีระดับโลก ผมสมัครไปแข่ง10 กว่าประเภท เตรียมตัวโหดมาก ตั้งแต่การเลือกเพลง ฝึกซ้อม จัดหาเสื้อผ้า”

การแข่งขันคร้้งนี้ แน่นอนว่าเป็นอีกคร้งั ที่โน้ตลืมไม่ลง เพราะยังไม่ทันลงสนามแค่เดินทางไปถึงสหรัฐ 3 วันก่อนการแข่งขันก็เกิดป่วย โชคดีที่หายป่วยทัน แต่ความท้าทายก็ยังถาโถม เมื่อพบว่าทุกรายการที่ลงไปจะแข่งจะเกิดขึ้นในบ่ายวันเดียวนั่นหมายความว่าเขาต้องตั้งสติ
มั่น ทำให้เต็มที่ เพราะแต่ละโชว์มีเวลาแค่ 1 นาที เรียกว่าขึ้นเวทีแล้วต้องฮุกให้เข้าเป้าทันที

“อารมณ์วันนั้นเหมือนเป็นไบโพลาร์เลยครับเพราะต้องสวมบทบาทหลายบุคลิกมาก บางทีเพิ่งขึ้น มาร้องเพลงแนวรักชาติ จากนั้นมาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ขึ้นมาอีกทีเป็นแนวป๊อป สลับไปเป็นอาร์แอนด์บี วันนั้นมีพลังเท่าไรเรียกว่าปล่อยสุดจริงๆ หมดพลังคือทำดีที่สุด บอกตัวเองว่าถ้าแพ้หรือไม่ได้เหรียญก็ไม่เสียใจ เหมือนกับทหารที่ตายในสนามรบก็ไม่เสียดาย เพราะเต็มที่สุดๆ คู่แข่งก็เก่งมากๆ ถึงแพ้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าทำผิดพลาดหรือไม่เต็มที่ แต่ถือว่าเราแพ้ให้กับคนที่เก่งจริงๆ”

ทว่าหลังจากประกาศผลปรากฏว่าโน้ตที่มาด้วยใจ มีแพชชั่นเป็นแรงขับดัน กลับคว้าใจกรรมการมาครองได้สำเร็จ กวาดมาได้ถึง 6เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดงที่สำคัญโน้ตไม่พลาดเหรียญรางวัลเลยแม้แต่การแข่งขันเดียวที่ได้ลงสมัครไป แถมยังได้โล่
รางวัลคะแนนสูงสุดในประเภทเพลงป๊อป เพลงบรอดเวย์ และเพลงกอสเปลอีกด้วย

“หลังจากวันที่แข่งเสร็จ ผมไม่มีเสียงพูดเลยนะครับ สำหรับผมนี่เป็นการแข่งขันที่ดุเด็ดเผ็ดมันมาก เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ จากนี้ไปผมคิดว่าจะไม่ลงแข่งขันร้องเพลงอีกแล้วครับ เหมือนว่าเรามาสุดแล้ว เวทีระดับโลกก็มาแล้ว แต่ผมจะไม่ทิ้งการร้องเพลงแน่นอน การร้องเพลงยังเป็นอีกโลกที่ผมหลงรัก การร้องเพลงทำให้ผมรู้สึกมีพลังบางอย่างบอกไม่ถูก ต้องสัมผัสเอง”

ศรัณย์ คุ้งบรรพต เปิดกล่องความทรงจำ ‘ที่สุดของชีวิต’

38 ชั่วโมงแห่งการรอคอยบนเครื่องบิน

เต็มอิ่มกับกล่องความทรงจำที่มีแต่เรื่องราวชวนยิ้มแล้ว โน้ตเลือกหยิบอีกหนึ่งความทรงจำที่ลืมไม่ลงและชวนให้คิดถึงมาเล่า หลังจากได้มีโอกาสเดินทางไปสหรัฐอีกครั้ง

“ผมทำงานอยู่ที่กรุงศรีฯ มา 7 ปีวันหนึ่ง บริษัทมีโครงการ ‘GlobalRotate Program’ ส่งพนักงานไปทำงานที่ต่างประเทศผมเห็นว่าน่าสนใจจึงสมัครเข้าร่วม และได้รับเลือกเป็นตัวแทนไปทำงานที่สหรัฐ 1ปี ทุกอย่างเหมอืนจะราบรื่น จนกระทั่งวันเดินทาง เที่ยวบินของผมต้องเดินทางไปเปลี่ยนเครื่องที่อาบูดาบี ปรากฏว่าหลังจากเปลยี่นเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปสหรัฐ ระหว่างรอเครื่องขึ้นมีประกาศจากสายการบินว่าจะเล่อืนเวลาเดินทางไป 45นาที ตอนนั้นผมและผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากนั้นมีการประกาศเลื่อนเวลาออกไปเรื่อยๆ ทีละชั่วโมง จนผ่านไปถึงชั่วโมงที่3 ก็เริ่มไม่มีประกาศ ทุกคนได้แต่รออย่างรู้ชะตา”

ความคลุมเครือที่เกิดขึ้นทำให้โดยสารบนเครื่องเลยทนไม่ไหว ในเวลานั้นแม้โน้ตจะยังรับมือกับสถานการณ์ได้ดี แต่ผู้โดยสารคนอื่นกับไม่เป็นเช่นนั้น

“สถานการณ์บนเครื่องตอนนั้นอลหม่านพอควร เด็กร้อง ผู้โดยสารโวยวาย ผมเองโชคดีที่เปิดโรมมิ่งเลยสามารถส่งข้อความบอกให้เพื่อนที่มารอรับที่สนามบินกลับบ้านไปก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าเครื่องจะออกได้ตอนไหน ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมเปิดดูหนังที่มีแทบทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่ไม่อยากดู อย่าง TItanic และ War for the Planetof the Apes เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหายนะที่เกิดขึ้นกับสหรัฐ แต่สุดท้ายก็ต้องทนดูจนจบ”

12 ชั่วโมงเต็มๆ ที่โน้ตได้แต่นั่งรออยู่บนเครื่องบินที่จอดนิ่งๆ ไม่ไปไหน ท่ามกลางเสียงบน่ และโวยวายของเพอื่ นรว่ มชะตากรรม ทสี่ ดุเมื่อเครื่องขึ้นได้ กว่าจะไปถึงจุดหมายต้องใช้เวลาถึง 38 ชั่วโมง นับเป็นการเดินทางอันแสนหฤโหดแต่ก็ยังไม่โหดร้ายเท่าเมื่อเครื่องร่อนลงแตะสนามบินมีประกาศยังไม่ให้ผู้โดยสารลงเครื่อง พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมาบนเครื่อง และรวบตัวผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะก่อการร้ายลงไป

“หลังจากลงจากเครื่อง ผมถึงได้รู้ว่าเรื่องราวความโกลาหลของเที่ยวบินของเรา กลายเป็นข่าวตามสถานีท้องถิ่นของเขา ที่สำคัญเครื่องบินลำข้างที่ขึ้นไม่ได้เหมือนกัน มีคนตายบนนั้นด้วย ผมเองพอผ่านวิกฤตนั้นมาได้ ขากลับเลยตัดสินใจเปลี่ยนตั๋วไปใช้สายการบินอื่น และ
บอกลาสายการบินนั้นมาจนบัดนี้ ทุกวันนี้เวลาจะมาสหรัฐทุกครั้ง เพื่อนก็ยังแซวเรื่องนี้อยู่เลย”โน้ตเล่าถึงอีกหนึ่งเหตุการณ์ระทึกที่ไม่มีวันลืมของชีวิตเป็นการส่งท้าย

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”