ต้องไม่หยุดแค่ซีเกมส์
เวลาที่มีมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาคหรือโลกมาแข่งขันกัน
โดย ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย
ต้องไม่หยุดแค่ซีเกมส์
เวลาที่มีมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาคหรือโลกมาแข่งขันกัน ก็ได้เวลาที่คนดูจะมีอารมณ์ร่วมกันอีกครั้ง อย่างที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เห็นจะเป็น “ซีเกมส์”
“ซีเกมส์” กีฬาแห่งมวลมนุษยชาติของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย 2017 ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้ว และเป็นชัยชนะของเจ้าภาพที่สามารถคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองไปได้ตามความต้องการ
เห็นจากภาพข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ พบว่าชาติเจ้าภาพเฉลิมฉลองกันอย่างครึกครื้นท่ามกลางเสียงชื่นชมและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการจัดงาน
ในภาพรวมของซีเกมส์ครั้งล่าสุดนี้ ต้องยอมรับว่าทุกชาติพัฒนานักกีฬาของชาติตัวเองกันอย่างถ้วนหน้า เห็นชัดเจนที่สุดคงจะเป็นกรีฑา ซึ่งปกติที่ผ่านมาประเทศไทยจะครองความเป็นเจ้ามาตลอด แต่ปีนี้ปรากฏว่าเวียดนามมาแรงไล่บี้ไทยอย่างน่ากลัว
อย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบดีว่าซีเกมส์ 2017 ถูกจดจำในภาพไม่ค่อยดีมากนัก เพราะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าภาพใช้ความเป็นเจ้าภาพสร้างความได้เปรียบกับตัวเอง
กีฬาที่โดนอิทธิฤทธิ์ของเจ้าภาพส่วนใหญ่จะเป็นกีฬาจำพวกที่ตัดสินด้วยดุลพินิจของกรรมการ
เห็นชัดเจนที่สุดคงจะเป็นกรณีของเทควันโด "ณัฐวีร์ กล่อมพงษ์" นักกีฬาของไทย แพ้ให้กับ "โรไซมี บิน โรซาลี" จากมาเลเซีย แบบค้านสายตาคนดูทั้งประเทศ
ถึงขั้นที่โค้ชเชยองซุก ต้องออกมาบ่นว่าได้เหรียญยากกว่าเอเชียนเกมส์หรือโอลิมปิกเสียอีก
“ได้บอกกับนักกีฬาของไทยทุกคนแล้วว่า เรื่องการแข่งกับเจ้าภาพอันตรายมาก แต่แล้วเราก็ต้องมาเจอการตัดสินแบบนี้ ส่วนตัวแล้วยอมรับตรงๆ เลยว่าการมาแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้น่าจะได้เหรียญยากที่สุด ยากกว่าแข่งเอเชียนเกมส์ หรือแข่งโอลิมปิกเกมส์เสียอีก" โค้ชเช กล่าวแบบหัวเสีย
ไม่เว้นแม้แต่การแข่งขันฟุตบอลหญิงในนัดสุดท้ายที่ชี้ชะตาเหรียญทอง ก็ปรากฏว่าเจ้าภาพกำหนดเวลาไม่พร้อมกัน อันเป็นการผิดหลักสากลชัดเจน จนทำให้ไทยที่ต้องลงแข่งขันพลาดเหรียญทองไปอย่างน่าเสียดาย
ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามดูกีฬาซีเกมส์ตั้งแต่เด็กๆ ร่วมๆ 20 ปีได้แล้วมั้งครับ ทุกครั้งที่เห็นคือการชิงดีชิงเด่นในการเป็นเจ้าอาเซียนของชาติมหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือเวียดนาม
ยุคหนึ่งจำได้ว่าอินโดนีเซียครองความเป็นมหาอำนาจมาเป็นเวลานาน ด้วยทรัพยากรมนุษย์ที่มีมากกว่าใคร
แต่พอเริ่มมีปัญหาภายในประเทศ ผลงานด้านการกีฬาก็ตกลง ความเป็นเจ้าอาเซียนจึงโอนมาเป็นของไทยต่อเนื่อง จะมีที่พลาดตำแหน่งนี้ไปบ้าง แต่โดยรวมผลงานก็ยังดีอยู่
ทว่า มาระยะหลังนี้ดูแต่ละประเทศดูจะหมกมุ่นกับซีเกมส์น้อยกว่าเอเชียนเกมส์หรือโอลิมปิก ประเทศไหนเป็นเจ้าภาพก็ต้องทำทุกทางเพื่อให้เป็นเจ้าเหรียญทองให้ได้ เป็นวงจรแบบนี้มาหลายปี
ใจคอประเทศอาเซียนของเราจะแข่งกันอยู่แค่ 10-11 ประเทศเท่านั้นอย่างนั้นเหรอ เพราะผลงานของชาติอาเซียนในระดับเอเชียหรือโลกไม่ค่อยกระเตื้องเท่าไหร่นัก
ย้อนกลับไปเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ มีเพียงไทยชาติเดียวของอาเซียนที่ทำผลงานอยู่ 10 อันดับแรก โดยได้เหรียญทอง 12 เหรียญ
ต่างกับเจ้าเหรียญทองอย่างจีนที่ได้ไปถึง 151 เหรียญ หรือโอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิล ไทยก็เป็นประเทศในอาเซียนที่ทำผลงานได้ดีที่สุด โดยคว้าไป 2 เหรียญทอง
หรือหากมองไปถึงการแข่งขันฟุตบอลโลก ก็มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นในอาเซียนที่สามารถเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายเพื่อชิงตั๋วไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้จะมาอวยไทยกันเอง เพราะผมก็อยากเห็นมาตรฐานกีฬาของไทยหรืออาเซียนยกระดับไปถึงเอเชียหรือโลก ไม่ใช่แค่มาแข่งขันกันเองกันแบบเอาเป็นเอาตายอย่างที่เป็นอยู่
ชาติมหาอำนาจอย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยกระดับไปสู่เวทีโลกแล้ว
ดูตัวอย่างในกรณีของการเตะฟุตบอลอุ่นเครื่องตามโปรแกรมของฟีฟ่า พวกเขาวางคิวอุ่นเครื่องกับทีมในระดับยุโรป หรืออเมริกาใต้ น้อยครั้งที่จะจัดทีมมาเตะกับทีมในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาเซียน
คงถึงเวลาแล้วที่ชาติอาเซียนต้องมากำหนดวาระเรื่องซีเกมส์กันให้ชัดว่าจะเอายังไงกันแน่ ระหว่างการร่วมสร้างมาตรฐานสู่ระดับที่สูงกว่า หรือจะมุ่งแค่เอาชนะโดยไม่สนวิธีการ