ไปรยา ลุนด์เบิร์ก ฝันอย่างมีกลยุทธ์
เธอสวย เธอเก่ง เธอใจดี ไม่มีคำนิยามใดที่บอกลักษณะของสาวสวยตรงหน้าอย่าง ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก ได้ดีเท่านี้อีกแล้ว
เรื่อง กองทรัพย์ ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล
เธอสวย เธอเก่ง เธอใจดี ไม่มีคำนิยามใดที่บอกลักษณะของสาวสวยตรงหน้าอย่าง ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก ได้ดีเท่านี้อีกแล้ว ปูอุทิศตัวเองเป็นอาสาสมัครของ UNHCR (ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามนานร่วม 3 ปี ได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ลี้ภัยทั้งจอร์แดน และในประเทศไทย ก่อนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเป็น ทูตสันถวไมตรีของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) คนแรกของเมืองไทยและคนแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุดกับคำกล่าวสุดซาบซึ้งในงานรำลึกวันผู้ลี้ภัยโลก 2560 ก็ทำให้หลายคนน้ำตาซึม
หลายคำถามเกิดขึ้นเมื่อจู่ๆ นักแสดงสาวก็ลุกขึ้นมาทำงานด้านอาสาสมัคร แต่จริงๆ แล้วปูทำงานมาหลายด้าน เธอทำงานให้ Operation Smile วัดพระบาทน้ำพุ และอัลฟ่า (ALFA) ทุกองค์กร เธอสมัครเข้าไปเองทั้งหมด สำหรับ UNHCR ก็เช่นเดียวกัน เธอรับรู้ข่าวสงครามและผู้ลี้ภัยทำให้ไม่รีรอที่จะมีส่วนร่วม
"จุดประกายความคิดเรื่องการมาช่วยเหลือสังคม เกิดจากการอ่านข่าวแล้วพบว่ามีสงครามในซีเรียเมื่อ 3 ปีก่อน ปูติดต่อ UNHCR ผ่านอีเมล และทำงานร่วมกันมาตลอด ปูค่อนข้างจริงจังกับการทำงานผู้ลี้ภัย เพราะนอกจากลดโลกร้อน ปูว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วตอนนี้ เพราะเรามีจำนวนผู้ลี้ภัยมากกว่า 65 ล้านคน และครึ่งหนึ่งคือเด็ก เขาไม่ได้รับการศึกษา หรือสิทธิความเป็นมนุษย์หรือได้รับโอกาสแบบที่ปูได้รับ จำนวนตัวเลขค่อนข้างใหญ่ เราไม่ได้รู้สึกว่านี่ไกลตัว เพราะท้ายแล้วถ้าเราไม่จัดการกับเรื่องนี้ รุ่นลูกรุ่นหลานจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เรื่องนี้ลึกซึ้งมากกว่าการจัดการกับผู้ลี้ภัย เพราะผู้ลี้ภัยเป็นผลรุนแรงโดยตรงจากสงคราม ในเชิงว่าถ้าเราสอนให้เรารักกันได้ อยู่ด้วยกันได้ และมีสันติภาพ ก็ไม่มีวิกฤตผู้ลี้ภัยแบบนี้"
เมื่อถามว่า เพราะอะไรปูถึงอินเรื่องนี้ขนาดนี้ เธอตอบพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยว่า ไม่รู้เหมือนกัน "ปูอินมาก คือเราทำงานให้ UNHCR ต้องทำด้วยใจ แต่ละคนที่มีส่วนร่วมต้องอินและต้องอยากทำจริงๆ เพราะว่ามันเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านการเมืองเยอะ ถ้าเรากลัวในความคิดเห็นของคน เราไม่สามารถช่วยเหลือผู้ลี้ภัยได้ เพราะไม่ว่าเราจะพูดอะไร เราอาจจะทำให้คนไม่พอใจได้ เพราะทุกคนมีความต่างด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปูเชื่อว่าต้องอาศัยคนที่อยากทำ และปูรักและชอบที่จะทำจริงๆ"
เหตุผลของความเชื่อของปู อาจเชื่อมโยงกับความรักที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง "ปูเชื่อและมีความหวังในเรื่องนี้ โดยหวังจริงๆ ว่า รุ่นของเราจะสอนรุ่นลูกรุ่นหลานในเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยเฉพาะประเทศไทยเราควรจะดูซีเรียเป็นบทเรียน เราควรจะรักกันและไม่มีความขัดแย้ง เพราะเราเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์มีศาสนาที่ดีงาม หลายศาสนาที่อยู่ร่วมกัน มีพระมหากษัตริย์ มีวัฒนธรรมที่สวยงาม ปูหวังว่าการทำงานของเราจะทำให้รุ่นลูกรุ่นหลานเห็นว่าผู้ลี้ภัยเป็นผลโดยตรงของความขัดแย้ง และเราต้องอยู่ด้วยกันอย่างสันติภาพโดยไม่มีความขัดแย้ง"
ปูบอกกับเราว่า งานอาสาสมัครเติมเต็มชีวิตของเธอ ได้ดีที่สุด เพราะด้วยอาชีพของเธอตั้งไว้เพราะสังคม มีคนซื้อสินค้าที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์ มีคนดูหนังที่เธอเล่น และอื่นๆ หากเธอไม่คืนอะไรกลับให้สังคมบ้าง เท่ากับว่าเธอได้รับ ทุกอย่างมาฟรี แต่หาคุณค่าของตัวเองไม่เจอ นี่เองทำให้ เธอค่อนข้างจริงจังกับการทำงานเพื่อสังคมเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ตกค้างในใจ
"ปูเชื่อว่าชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่อรับใช้เพื่อนมนุษย์ เราเกิดมาทำไมถ้าไม่ได้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ไม่ได้ทำอะไรคืนกลับให้สังคมหรือครอบครัว ปูพูดเลยว่าชื่อเสียงที่ได้มา ท้ายแล้วเราเอามาแข่งขันกันไปวันๆ ไม่มีค่านะ เราเกิดมาเป็นบุคคลที่ได้รับโอกาสมากกว่าคนอื่น ปูเป็นคนหนึ่งที่โชคดีกว่าคนอื่นๆ คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายถ้าปูไม่คืนกลับให้สังคม เพราะสังคมได้ให้อะไรปูเยอะมาก แต่ในทางกลับกันปูให้อะไรกับสังคมนอกจากภาษี" แววตาและน้ำเสียงที่จริงจัง ทำให้คนฟังเชื่อได้จริงว่าเธออินกับงานอาสาสมัครแค่ไหน
ความฝันอีกขั้นหนึ่งของปู ไปรยา คืออยากพัฒนาประเทศ เธอไม่ได้หวังว่าจะลงรับเลือกตั้ง แต่เธอหวังเหลือเกินว่าอยากช่วยการศึกษาของเด็กในประเทศไทย
"วันหนึ่งปูอยากจะช่วยรัฐบาลไทยในการช่วยบริจาคช่วยสร้างโรงเรียนในพื้นที่กันดาร เพราะปูรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งในการมีทางเลือก และได้รับโอกาสในการศึกษา"
สิ่งที่จะทำให้ความหวังสำเร็จ เธอมีแผนที่จะต้องเดินตาม "เราอยากพัฒนาประเทศชาติ เราต้องทำยังไง เราต้องมีกระบอกเสียงที่เสียงดังที่สุด กระบอกเสียงมาด้วยชื่อเสียง ชื่อเสียงแค่ประเทศไทยมันไม่พอ อยากจะช่วยเหลือและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและสร้างความภาคภูมิใจที่สุดต้องทำยังไง ปูได้คำตอบว่าต้องมีชื่อเสียงระดับโลก และวิธีเดียวที่ทำได้คือฮอลลีวู้ด" ปูเล่าสเต็ปความฝันของตัวเอง
ปูซุ่มเดินตามฝันเงียบๆ มาเป็นปีๆ หางานในไทยเพื่อให้มีเงินไปเดินตามความฝันในนิวยอร์ก "ปูกล้าพูดหลังจากที่พยายามมาเป็นปีๆ ว่าเส้นของของเราในฮอลลีวู้ดไม่ง่ายเลย เพราะเราไม่ได้เป็นประเทศมหาอำนาจเหมือนจีนหรืออินเดีย เราเป็นประเทศไทย เรามีวัฒนธรรมที่สวย มีนักแสดงที่เก่ง แต่เราต้องสู้เพื่ออยู่ในจุดนั้น เพราะประชากรของจีนและอินเดียมีเยอะกว่า เขามีแรงดึงฮอลลีวู้ดได้มากกว่า เราต้องอาศัยความสามารถ อาศัยข่าว อาศัยดึงจุดเด่น เดินพรมแดง อาศัยเรื่องราวที่จะทำให้คนสนใจ เพื่อที่จะให้เขาเห็นเรา
ปูสู้ตายเลย ตอนนี้ปูเก็บเงินอดออมมาก บินชั้นประหยัดไม่เคยบินชั้นธุรกิจเลยมาหนึ่งปีแล้ว นั่งเครื่องบิน 24 ชั่วโมงเพื่อไปอเมริกา ยอมเสียค่าตั๋วถูกๆ เพื่อให้เราได้บินไป กลับบ่อยขึ้นเพื่อให้เราได้งานนี้ ถ้าเราไม่รักขนาดนี้ปูจะไม่ทุ่มขนาดนี้ ปูทุ่มสุดหัวใจทั้งเงินทั้งใจ นอกจากงาน UN นะ ถึงขนาดว่าช่วงหนึ่งความรักเรายังมีปัญหาเล็กน้อยเพราะทุ่มเกิน" เธอหัวเราะเบาๆ หลังจากโล่งใจในปัญหารักที่เคลียร์เรียบร้อยแล้ว
"ตอนนี้ปูบินทุกสองอาทิตย์ ตอนนี้เดินหน้าแคสต์งาน มีหนังติดต่อมาตอนนี้ 3 เรื่อง อยู่ในช่วงเวลาคุยอยู่และคิดว่าจะได้เล่นหนึ่งเรื่องแน่นอน ปูอยากเล่นหนังอินดี้ก่อนจะไปเล่นหนังบล็อกบัสเตอร์ เพราะปูรู้สึกว่าดาราเอเชียถ้าเล่นหนังใหญ่ขนาดนั้นจะได้รับแต่บทเซ็กซี่ ถ้าเราอยากจะพิสูจน์ฝีมือก็รับหนังอินดี้ หนังอาร์ตเพื่อพิสูจน์ฝีมือก่อน
เพราะเป้าหมายของปู การไปเมืองนอก ไม่ได้ไปเพื่อที่จะมาสร้างกระแสในประเทศไทย ปูไปเมืองนอกเพราะปูอยากเล่นหนัง ปูอยากทำให้พ่อแม่ภูมิใจ อยากเป็นคนที่สามารถพูดอย่างภาคภูมิใจได้ว่าเราเป็นนักแสดงเต็มตัวที่โน่น และปูก็ให้เวลากับตัวเองสำหรับการทำงานในต่างประเทศแค่ 2 ปีกว่า ถ้าทำไม่ได้ปูก็จะมีครอบครัวและเดินหน้าทำงานการกุศลต่อไปนี่คือสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว"
ถามว่าการทำงานอาสาสมัครของปูมีเป้าหมายยังไง เธอตอบว่า ไม่มีเป้าหมายของการช่วยเหลือ "ปูอยากทำงานตรงนี้ทั้งชีวิต จนสิ้นลมหายใจ และหวังว่าตอนแก่จะได้ทำงานให้กับรัฐบาลไทย นี่เป็นความฝันปูเลยนะ" n