‘สำคัญที่ว่า เราจะสื่อสารอะไรออกไป’ ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ
“เล่นคอนเสิร์ตอยู่ทุกอาทิตย์ เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน หาไอเดียสำหรับทำเพลงใหม่ๆ แต่งเพลง เป็นสิ่งที่มี่ทำอยู่ตลอด”
โดย....มัลลิกา ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์
“เล่นคอนเสิร์ตอยู่ทุกอาทิตย์ เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน หาไอเดียสำหรับทำเพลงใหม่ๆ แต่งเพลง เป็นสิ่งที่มี่ทำอยู่ตลอด”
ปาล์มมี่ (อีฟ ปานเจริญ) เปิดกิจกรรมที่เธอทำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้จะทิ้งช่วงผลงานเพลงใหม่นานถึง 4 ปี แต่เธอไม่เคยว่างเว้นจากงานเพลง
ปาล์มมี่ เป็นนักร้องหญิงที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและแตกต่าง ไม่ว่าจะสไตล์การร้อง การแต่งตัว การใช้ชีวิต ที่แฟนเพลงยกให้เธอ เป็นแฟชั่นไอคอนแห่งยุค’90
ตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากงานเพลงแฟนๆ แทบไม่รู้เลยว่า ปาล์มมี่ทำอะไรอีกบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกก็เพราะเธอไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้มีธุรกิจที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ซุ่มทำนั้นนี่โน้น เพราะสิ่งเดียวที่ใจเธอถวิล อยากทำอยู่ทุกขณะคือ งานเพลง
“ธุรกิจไม่ถนัดเลย ถ้ารายได้ที่มีมานอกจากร้องเพลงก็จากค่าเช่าบ้าน ซึ่งเป็นความบังเอิญ เราซื้อบ้านหลังข้างๆ ไว้ แล้วก็มีคนมาเช่าระยะยาว ถ้าสิ่งนี้จะใกล้เคียงคำว่าธุรกิจ มี่ก็ทำอันนี้อันเดียว ลืมคิดถึงมันไปด้วยซ้ำ
มี่ไม่เคยลองทำธุรกิจ ไม่มีเวลาว่าง ไม่รู้จะเอาเวลาไหนไปทำ พอมีเวลาว่างก็เอามาใส่เรื่องเพลงเต็มที่ตลอดเวลา เล่นคอนเสิร์ต รายได้หลักตอนนี้ก็มาจากการทัวร์คอนเสิร์ต
นความโชคดีที่มี่มีเพลงที่อยู่ได้ระยะยาว มี่ยังใช้เพลงจากอัลบั้ม 1 2 3 ในการโชว์อยู่ เพลงมี่มากด้วยซ้ำ ต้องคัดออก แล้วเวลาโชว์ส่วนมากเล่นเพลงเร็ว นี่ก็เป็นเหตุผลที่มี่ไม่แต่งเพลงช้าเพิ่ม เพลงใหม่ก็ห่างมา 4 ปี ซึ่งก็เป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะการออกอัลบั้มหนึ่งใช้เวลาทัวร์ 2-3 ปี หยุดพักไป 1 ปี แล้วกลับมาทัวร์อีก 1 ปี ไม่ค่อยได้ห่างหายจากตรงนี้
มี่พูดในความโชคดีของตัวเอง ที่เกิดมาในยุคมีเพลงระยะหนึ่ง แม้มาถึงจุดวงการเพลงเปลี่ยน เพลงเราก็ยังขายได้ เราต้องออกไปข้างนอก ไปเล่นคอนเสิร์ตกับสิ่งที่เราลงทุน”
แม้การใช้ชีวิตของปาล์มมี่จะไม่หวือหวา ให้มีข่าวคราวออกมากระตุ้นกระแสให้ตัวเอง แต่เมื่อไรที่เธอขยับก็สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่วงการเพลงได้
ล่าสุดกับผลงานเพลงใหม่ ชื่อสั้น กระชับ “นวด” แต่ให้ความรู้สึกอารมณ์ดี๊ดี ที่มาจัดระเบียบความรักให้เข้าเส้นเข้าทาง พร้อมกับการย้ายมาอยู่บ้านใหม่ จีนี่ เรกคอร์ดส
“ซิงเกิ้ลใหม่อยากให้เป็นอะไรที่ทุกคนจับต้องได้ ไม่อยากให้ออกไปแล้วเครียด เลยเลือกเพลง นวด มาเป็นเพลงเปิดตัวเพราะเป็นมุมสนุก ยังเป็นแนวป๊อปร็อกเหมือนเดิม เครื่องดนตรีง่ายมาก 3 ชิ้นเอง กลอง กีตาร์ เบส อยากให้ซิมพลีที่สุด
ไอเดียเพลงนี้ก็ได้มาจากตอนไปนวด เราปวดตรงไหน ก็มีการกดจุด คลายเส้น แต่ความรักเมื่อมันเจ็บปวด ไม่มีจุดไหนที่แก้ได้ หายได้ มี่ก็เอามาผสานกันเป็นเรื่องเดียวกัน ให้เป็นเพลงสนุก เราใช้เป็นเพอร์ฟอร์แมนซ์บนเวทีได้ อยากได้กีตาร์เสียงเป็นดนตรีไทยหน่อย อยากใส่เสียงหักกระดูก อยากขีดแต้มสีสัน ให้เพลงฟังสนุกขึ้น”
การทำงานเพลงของปาล์มมี่ อยู่ในทุกจังหวะการใช้ชีวิตของเธอ สิ่งที่เธอร้องออกไป สิ่งที่เธอสื่อสาร คือตัวตน คือความจริงใจ
“เมื่อก่อนทัวร์ไปด้วยคิดงานไปด้วยไม่ได้ ต้องอยู่ในคอกคนเดียว เมื่อก่อนบังคับกับตัวเองมากเกินไป อย่าเหยียบเรือสองแคมในเวลาเดียวกันมันจะไม่ดี แต่เดี๋ยวนี้ทุกอย่างผ่อนคลาย วันนี้ทัวร์ วันรุ่งขึ้นพักผ่อน ทำเพลงต่อ
ตอนนี้ท่องเที่ยวก็ได้ไอเดียทำเพลง ไปคอนเสิร์ตก็ได้ไอเดีย เวลาไปทัวร์ต่างจังหวัด มี่ชอบไปก่อน 1 วัน ไปเที่ยวไปใช้ชีวิตก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยทำงาน บางทีก็นั่งรถไปจากกรุงเทพฯ ผ่านอะไรน่าสนใจก็แวะเที่ยว เป็นวิถีที่มี่ชอบมาก แล้วไอเดียเพลงมันก็มาของมันเอง
ตอนไปเคนยา ไปดูสัตว์อพยพ ได้ขึ้นบอลลูน ซึ่งปกติมี่ไม่ค่อยชอบอยู่ในที่รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่พอขึ้นปุ๊บ มองลงมาเห็น รู้สึกเราอยู่ในดินแดนที่ยิ่งใหญ่ มีสัตว์จำนวนมากอพยพ มีพ่อแม่ลูก ดูแลกัน ก็ได้เนื้อเพลงกลับมาท่อนหนึ่ง เป็นซิงเกิ้ลที่ 2
การทำงานของมี่ในชุดนี้แต่งทำนองเองค่อนข้างเยอะ แล้วหาคนมาช่วยเขียนเนื้อ แรงบันดาลใจก็เกิดขึ้นในทุกๆ วัน ตั้งแต่การทำงานเพลงชุดแรก ตอนนั้นเราเด็ก ยังไม่รู้วิธีการทำเพลง แต่ทางค่ายก็ดึงทุกอย่างที่เป็นเราออกมา ชอบแนวเพลงแบบไหน ไลน์กีตาร์แบบไหน มุมมองความรักเราเป็นยังไง คือเราเข้ามาอยู่ในกระบวนการเขียนเพลงอยู่ตลอดเวลา คำนี้ไม่ใช่เรา เป็นเราจะไม่ใช้คำแบบนี้ ก็แก้ไขกัน เรานั่งอยู่ตรงกลางแล้วมีนักแต่งเพลง 5 คนมาฟังเรื่องที่เราอยากเล่า
อย่างเพลงที่แสดงความเป็นมี่ที่เห็นชัดที่สุด คือ Stay พื้นที่ส่วนตัว ขอไปคนเดียว อยากร้องดังๆ การจะมีเพลงสักชุดหนึ่งจะพูดเรื่องไหนบ้าง มี่เห็นวิธีการทำงานแบบนี้และเราก็ยึดมาตลอด เราจะร้องอะไรออกจากปากเราต้องรู้สึกกับมัน
จนวันหนึ่งเมื่อเราทำเพลงเองได้ เราได้ลงมือทำมันเยอะขึ้นๆ จนควบคุมมันเองทั้งหมด มี่ว่ามันสำคัญมากว่าเราสื่อสารอะไรออกไป อย่างมี่จะร้องเพลงคัฟเวอร์สักครั้งหนึ่งในชีวิต ยังต้องคิด เพลงของคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ เรามีความเชื่อมโยงอะไรไหม เราพูดเราอินหรือเปล่า เราต้องรู้สึกกับเพลงนี้ ไม่ใช่แกล้งทำไป ตรงนี้สำคัญมาก มันทำให้เรามีความสุข สนุกกับเพลงของเราอยู่ตลอด ทุกวันนี้มี่ยังร้องเพลง กลัว กุญแจที่หายไป ยังร้องด้วยความรู้สึกอยู่ว่า วันนั้นเราร้องอะไรไปในเพลงนี้ มีเรื่องราวอะไร”
ปาล์มมี่เป็นศิลปินที่เกิดในยุคที่ทำผลงานเพลงออกมาเป็นอัลบั้ม แต่เมื่อยุคสมัยการทำเพลง-คนฟังเปลี่ยนไป การทำอัลบั้มในยุคนี้เป็นไปได้ยาก
“ซิงเกิ้ลที่ 2 มี่พูดถึงความเป็นจิตวิญญาณ มีพลังในการต่อสู้ จังหวะก็เข้มข้น มีความเป็นไทย มีเสียงแคนเข้ามาผสมด้วย ก็ให้เพลงนวด ทำงานสัก 3-5 เดือนก่อน ค่อยปล่อย ดังนั้นก็เห็นปลายทางการเป็นอัลบั้มแล้ว สิบเพลง มี่อยากให้ดีมากๆ ทุกเพลง แฟนเพลงจะรอไหวไหม
เราโตมากับการทำอัลบั้ม ทำเพลงก็มองเป็นภาพรวม แต่ในความเป็นซิงเกิ้ลเราคิดอะไรใหม่ได้ตลอด ไม่ต้องควบคุมโทนทั้งอัลบั้ม วันนี้เราอยากได้แบบนี้ อีก 3 เดือนเราอาจชอบอิเล็กทรอนิกส์มาก แต่มี่ก็ชอบผลงานคนอื่นที่สื่อสารในเรื่องเดียวกัน ในเรื่องนี้ก็คิดไม่ตก ว่าจำเป็นไหม ที่เราต้องคุมโทนเพลง เพราะคนเรามีความซับซ้อน หลายความรู้สึกเหลือเกิน”
วิถีชีวิต แนวคิดแบบปาล์มมี่นั้นก็แสนเรียบง่าย และจริงใจ สื่อสารตรงไปตรงมา เช่นเดียวกับทุกบทเพลงของเธอ ใช้แค่ “ใจ” และ “ความรู้สึก” นำพา เพื่อไปพบกับ “ความสุข”
“มี่ยังมองทุกอย่างเหมือนเดิม ทำอะไรก็จริงจัง ยังยึดหลักการนี้อยู่ ตอนนี้ยังมีความสุขกับการทัวร์คอนเสิร์ต ก็มีคิดนะ อยากหยุด แต่ก็เริ่มทำเพลงใหม่อยู่ดี ต่อให้อยากต่อต้านมัน เพลงก็ลอยมาในอากาศให้เราอยากทำ บางทีก็อยากหาอย่างอื่นทำเพื่อความรู้ให้ตัวเอง แต่ก็ยังไม่ได้คิดเลยว่าอะไร
มี่ยังทำงานเพลงอย่างเดียว แลกไปเถอะ วัดกันง่ายๆ วัดกันเรื่องนี้พอ ให้ไปนั่งฝืนทำอะไรแล้วเราไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร สู้เอาเวลามาทำอะไรที่เรามีความสุขดีกว่า มี่ก็ทำงานเพลงมา 16 ปีแล้ว ไม่ได้มองอะไรยาวๆ คิดแค่เราอยากทำงานเพลง ไม่ได้มองว่าจุดสูงสุดของชีวิตอยู่ตรงไหน มี่คิดว่า เพลงที่มี่ทำสร้างความบันเทิง มีคุณค่าก็เพียงพอแล้ว”
และนี่แหละ คือ “ปาล์มมี่”


