ชีวิตที่เหลือ : พิงค์ฟลอยด์

โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง ภาพ : AFP/EPA

แฟนของ “พิงค์ฟลอยด์” น่าจะเกิดอาการตะครั่นตะครออยากจะไปมีส่วนร่วมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งใน Pink Floyd Exhibition : Their Mortal Remains ซึ่งจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์วิคตอเรียแอนด์อัลเบิร์ต กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ถ้าไม่สามารถไปอยู่ตรงนั้นได้ ก็มาชมภาพและอ่านสตอรี่เกี่ยวกับนิทรรศการตรงนี้ก่อนก็ดี

เพื่อยกย่องเชิดชู พิงค์ฟลอยด์ หนึ่งในวงดนตรีผู้บุกเบิกและผู้ทรงอิทธิพลทางดนตรีในปัจจุบัน ทั้งยังเพื่อเฉลิมฉลอง 50 ปีของวงนับตั้งแต่มีซิงเกิ้ลแรก Arnold Layne ก่อนจะสร้างตัวให้กลายเป็นศิลปินชั้นนำซึ่งมีผลงานขายได้มากกว่า 200 ล้านชุดในเวลาต่อมา

พิงค์ฟลอยด์ คือ สุดยอดวงโพรเกรสซีฟร็อค เจ้าแห่งการคิดค้นทดลองและสร้างสรรค์ พวกเขาก่อร่างให้เกิดกระแสดนตรีไซคีเดลิค ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและความเข้าใจในแวดวงดนตรีตลอดกาล ทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในศิลปินร่วมสมัยที่สำคัญที่สุด

ก่อตั้งวงที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในทศวรรษ 1960 โดยมีสมาชิกคือ เดวิด กิลมอร์, โรเจอร์ วอเทอร์ส, ซิด บาร์เร็ตต์, ริชาร์ด ไรท์ และนิค เมสัน พวกเขาเป็นเจ้าของอัลบั้มขึ้นชั้นคลาสสิกอย่าง The Dark Side of the Moon, The Wall ฯลฯ เป็นเจ้าของเพลงที่ยังคงถูกเปิดฟังเสมอในปัจจุบัน รวมถึงเพลง Another Brick in the Wall, Comfortably Numb, Wish You Were Here เป็นต้น

นิทรรศการนี้จะเป็นการเดินทางไปกับภาพและเสียงสู่โลกอันเป็นเอกลักษณ์และแปลกตาของ พิงค์ฟลอยด์ นับตั้งแต่พวกเขาเปิดตัวในทศวรรษ 1960 จนถึงปัจจุบัน ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับบทเพลง งานออกแบบ เวที หนัง เทคโนโลยีเสียง ภาพถ่าย ฯลฯ ผ่านทางข้าวของที่เกี่ยวกับวงไม่น้อยกว่า 350 ชิ้น ในจำนวนนี้มีหลายชิ้นซึ่งไม่เคยออกแสดงที่ไหนมาก่อน นิทรรศการนี้เป็นการกลับมาร่วมทำงานด้วยกันอีกครั้งในรอบ 10 ปีของสมาชิกซึ่งเหลืออยู่ของ พิงค์ฟลอยด์ คือ เดวิด กิลมอร์, โรเจอร์ วอเทอร์ส และนิค เมสัน

นอกจากสร้างสรรค์ดนตรีแล้ว พิงค์ฟลอยด์  ยังได้สร้างภาพสัญลักษณ์ของป๊อปคัลเจอร์ระดับตำนาน อย่างเช่น ภาพหมูบินเหนือโรงงานไฟฟ้าแบตเตอร์ซีบนปกอัลบั้ม Animals ภาพปริซึ่มจากอัลบั้ม The Dark Side of the Moon ภาพวัวจาก Atom Heart Mother ภาพแอนิเมชั่นขบวนค้อน ประกอบเพลง Waiting For The Worms หรือจะเป็นหุ่นยางครูยักษ์ ทั้งหมดที่ว่านี้เป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการครั้งสำคัญของ พิงค์ฟลอยด์ ที่ลอนดอน

นิทรรศการของ พิงค์ฟลอยด์ ยังจะนำผู้ชมไปรู้จักกับบรรดาผู้บุกเบิกที่เคยทำงานร่วมกับวง อย่างเช่น สตอร์ม ธอร์เกอร์สัน (ช่างภาพ กราฟฟิกดีไซเนอร์ และผู้กำกับมิวสิควิดีโอซึ่งเป็นเพื่อนของ ซิด บาร์เรตต์ และโรเจอร์ วอเทอร์ส มาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยม) รวมทั้ง ออเบรย์ โพเวลล์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Hipgnosis กับสตอร์ม ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องการสร้างสรรค์ปกอัลบั้มระดับตำนานจากทศวรรษ 1970 หรือจะเป็นนักวาดภาพเสียดสี เจอรัลด์ สการ์ฟ และผู้บุกเบิกงานแสงหลอนประสาทอย่าง ปีเตอร์ วินน์-วิลสัน

ในงานมีภาพปกหน้า-หลังของอัลบั้มวงพิงค์ฟลอยด์ ไม่ว่าจะ Wish You Were Here ซึ่งเป็นภาพถ่ายของ สตอร์ม ธอร์เกอร์สัน รวมถึงภาพโดย ออเบรย์ โพเวลล์ นอกจากนี้ยังมีภาพจากอัลบั้มเพลง Ummagumma และอื่นๆ ส่วนหนึ่งของนิทรรศการคือ ห้อง Down The Rabbit Hole ที่มีตู้โทรศัพท์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก ยูเอฟโอ-คลับไซคีเดลิค ชื่อดังในลอนดอน รวมทั้งภาพวาด Untitled ผลงานจากปี 1965 ซึ่งมีชื่อเสียงของจิตรกรชาวอังกฤษ-บริดเจ็ต ไรลีย์ พิมพ์อยู่บนกระจกอะครีลิก

นิทรรศการมีภาพมิวสิควิดีโอเพลงต่างๆ อย่างเช่น Learning To Fly ฯลฯ ให้ได้ชม พร้อมกับแบบจำลอง Lightbulb ซึ่งประกอบในอาร์ตเวิร์กของอัลบั้ม Delicate Sound of Thunder ตั้งไว้เคียงจอ ชิ้นงานศิลปะ “หัวโลหะ” ขนาดใหญ่อย่างที่เห็นจากปกอัลบั้ม The Division Bell

นิทรรศการ The Pink Floyd Exhibition : Their Mortal Remains เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.เรื่อยไปถึงเดือน ต.ค. ค่าเข้าชม 20-24 ปอนด์ รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.vam.ac.uk