มันก็จะง่วงหน่อยๆ แต่ ‘ญี่ปุ่น’ มากๆ

โดย...แหนง-ดู

เมื่อเด็กมัธยมธรรมดาครอบครองพลังเหนือมนุษย์ ภารกิจเพื่อเปลี่ยนโลกจึงเริ่มขึ้น...!

ด้วยคำโปรยบนโปสเตอร์หนังก็มีพลังดึงดูดไม่น้อย โดยเฉพาะกับคนชอบงานจากญี่ปุ่น ซึ่งพักหลังๆ นี้ก็มีหนังจากแดนปลาดิบมาลงโรงฉายให้ชมกันอิ่มเอม ก่อนจะถึงเวลาของ Sagrada Reset

จากไลท์โนเวลขายดีจากญี่ปุ่น (แปลเป็นไทยแล้วโดย สนพ.เอ็นเธอร์บุ๊คส์ ใช้ชื่อว่า Sakrada Reset ซากุราดะ รีเซ็ท ภารกิจฆ่าเวลา) เคยนำไปสร้างเป็นแอนิเมชั่น ก่อนจะถึงเวอร์ชั่นคนแสดงหรือไลฟ์แอ็กชั่น Sagrada Reset (ซากราดะ รีเซ็ท เมืองมหัศจรรย์ คนเปลี่ยนเวลา) ผลงานการกำกับของ โยชิฮิโระ ฟุกะกาวา นำแสดงโดย ยูอินะ คุโรชิมะ ชูเฮ โนมูระ และยูนะ ทาอิระ หนังเรื่องนี้แบ่งออกเป็น 2 ภาค โดยภาคแรกนั้นฉายแล้วในบ้านเรา

เป็นอีกหนึ่งหนังญี่ปุ่นที่เรื่อง “กาลเวลา” มาเป็นแก่นแกนในการนำเสนอเนื้อหาของหนังพูดถึงเมืองซากุระดะ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้มีพลังพิเศษ ไม่ว่าจะ ฮารุกิ มิโซระ (ยูอินะ คุโร
ชิมะ) สาวน้อยที่สามารถรีเซตโลกให้กลับไปเมื่อ 3 วันก่อนได้ ส่วน อาซาอิ เค (ชูเฮ โนมูระ) มีความสามารถในการเก็บรักษาความทรงจำ เขายังทำงานให้กับหน่วยงานซึ่งดูแลผู้มีพลังพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ผิดที่ผิดทาง เพราะความผิดพลาดในการใช้พลังเมื่อครั้งอดีตทำให้ ฮารุกิ กับอาซาอิ ร่วมมือกันกลับไปเพื่อช่วยชีวิตคนคนหนึ่งด้วยพลังพิเศษของพวกเขา ทั้งคู่มีภารกิจซึ่งได้รับมอบหมายมาให้ปฏิบัติเพื่อให้สำเร็จลุล่วง โดยในแต่ภารกิจส่งผลต่อโลก

สร้างโดยโชว์เกท บริษัทซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วจาก Ju-on : The Final Curse, Ju-on : The Beginning of the End ฯลฯ ผลงานการกำกับและเขียนบทโดย โยชิฮิโระ ฟกะกาวา ผู้กำกับจาก Teacher And Stray Cat (กลับบ้านเถอะนะ ...เจ้าเหมียว)

“ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังย้อนเวลา และ Back to the Future เป็นหนังโปรดของผม มันเหมือนกับเบสิกของการเล่าเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการรีเซตเวลา และเรื่องซากราดะก็ใช้หลักการเดียวกันคือ เราต้องการที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรบางอย่างที่มันผิดพลาดในอดีต แต่การรีเซตเวลาของซากราดะนั้น มีกฎเกณฑ์ที่ไม่สามารถทำให้ตัวละครนึกจะย้อนเวลาไปช่วงไหนก็ได้ เพราะพลังการรีเซตเวลาของฮารุกินั้น สามารถย้อนไปได้ไกลที่สุดเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น และหลังจากรีเซตแล้ว เธอจะไม่สามารถรีเซตได้อีกเป็นเวลา 1 วัน นั่นหมายความว่า เธอจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะทำการรีเซต เพราะมันไม่สามารถย้อนกลับไปได้ทุกครั้งได้อย่างที่ใจต้องการ” ผู้กำกับกล่าว

ส่วนโปรดิวเซอร์คือ  เคอิ ฮารุนะ บอกว่า “ผมเชื่อว่ามันมีหลายเหตุผลมากๆ ว่าทำไมนิยายเรื่องนี้ถึงกลายเป็นนิยายยอดฮิตและก็กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทุกคนต้องเทใจ เหตุผลหลักผมเชื่อว่า มันเป็นเรื่องราวของวัยรุ่น ที่ทุกคนจับต้องได้ มันมีเรื่องราวของความรัก พระเอกที่หล่อ ฉลาด เป็นผู้นำ นางเอกที่แอบชอบพระเอก ยกย่องพระเอกเหมือนกับรุ่นน้องที่แอบหลงรักรุ่นพี่ มันคือเรื่องเบสิกง่ายๆ ที่เราพบเจอได้ในโลกยุคปัจจุบัน ความรักอันบริสุทธิ์ เจตนาที่ดี มันคือมนตร์เสน่ห์ของโลกแห่งซากราดะ”

แม้จะมาสายแฟนตาซี แต่ Sagrada Reset ก็เป็นหนังที่มีความ “ญี่ปุ่น” อย่างแข็งแรง ด้วยพล็อตเรื่องนั้น Sagrada Reset น่าจะมีสีสันสนุกสนาน แต่หนังนำเสนอในอารมณ์ที่ค่อนข้างจะเอื่อยไปสักหน่อย ความตื่นตาตื่นใจที่คาดหวังจากพลังพิเศษซึ่งตัวละครมีก็ไม่ได้เป็นไปอย่างวาดภาพไว้ล่วงหน้านัก หนังให้ความสำคัญกับเรื่องราวความรักความผูกพันมีสีสันแบบหนังรักวัยรุ่นผสมอยู่บ้าง ทั้งยังมีปมซับซ้อนให้ขบคิด พร้อมด้วยการหักมุม ด้วยตัวละครที่เต็มไปด้วยผู้มีพลังวิเศษทำให้นึกถึงงานจากฝั่งตะวันตก อาทิ Avengers, Guardians of the Galaxy หรือ X-Men ประมาณนั้น ด้วยบรรดานักแสดงที่หน้าตาน่ารักน่าชม ก็ทำให้หายง่วงได้อยู่เหมือนกัน

เอาเป็นว่า ...จะรอดูภาค 2