สถานกงสุลอังกฤษ ไปรษณีย์กลาง ทีซีดีซี
ช่วงที่ผ่านมามีการเปิดศูนย์ความรู้ด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ (TCDC) ในฐานะ Creative District และเป็นแลนด์มาร์คถาวร
โดย...โสภิตา สว่างเลิศกุล ภาพ : เฟซบุ๊ก 77PPP
ช่วงที่ผ่านมามีการเปิดศูนย์ความรู้ด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ (TCDC) ในฐานะ Creative District และเป็นแลนด์มาร์คถาวรในย่านประวัติศาสตร์อย่างบางรักด้วย โดยตั้งอยู่ที่อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5 ชั้นของอาคาร บนพื้นที่กว่า 9,000 ตารางเมตร
ไปรษณีย์กลาง บางรัก (General Post Office) มีสถาปัตยกรรมที่งดงามและเป็นหมุดหมายของยุคสมัย หยิบภาพเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊ก 77PPP มาขยายความต่อ นั่นคือภาพที่ตั้งของสถานกงสุลอังกฤษ พระนคร ปี 2408 ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งของอาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก และมี TCDC เป็นส่วนหนึ่งของตึกนี้
ภาพสถานกงสุลอังกฤษ (British Consulate) เป็นสถานที่แรกดั้งเดิมที่มีการปลูกสร้างเกิดขึ้นบนพื้นที่นี้ ถ่ายเมื่อราวปี ค.ศ. 1865 (ปี 2408) นำไฟล์ภาพมาจากห้องสมุดมหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา
เพราะฉะนั้นระบบไปรษณีย์ของไทยมีต้นกำเนิดที่มีความเกี่ยวข้องกับประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะมีการก่อตั้งไปรษณีย์ไทย การให้บริการไปรษณีย์ส่วนใหญ่นั้นจำกัดอยู่แต่สำหรับราชวงศ์ จนเมื่อปี 2401 อังกฤษจึงได้ก่อตั้งไปรษณีย์กงสุลอังกฤษขึ้นเพื่อบริการรับส่งไปรษณีย์ เนื่องจากมีความต้องการจากบรรดาผู้ที่มาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และมีการเซ็นสนธิสัญญากันระหว่างอังกฤษและสยาม
สยามเองก็ได้เริ่มขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการไปรษณีย์ และเข้าร่วมสหภาพไปรษณีย์สากลในที่สุด ซึ่งนำมาสู่การปิดบริการของไปรษณีย์กงสุลอังกฤษในปี 2428 จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นและการขยายการบริการออกไป ทำให้มีการย้ายไปรษณีย์ไทยจากใกล้ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและถนนเจริญกรุงมายังอาคารสถานทูตอังกฤษเดิม และในปี 2483 มีการปรับปรุงอาคารครั้งใหญ่จนกลายมาเป็นอาคารที่มีความสง่างามในปัจจุบัน
อาคารไปรษณีย์กลางออกแบบโดยนายหมิว จิตรเสน อภัยวงศ์ และพระสาโรชรัตนนิมมานก์ และแสดงให้เห็นถึงสไตล์ Brutalism ที่เด่นชัดมาจนถึงปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่มีการก่อสร้างอาคารไปรษณีย์กลางนั้นเป็นช่วงเวลาที่วงการสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากสถาปนิกชาวอิตาลีและเยอรมัน ดังนั้นอาคารไปรษณีย์กลางจึงถูกแต่งเติมให้มีด้านหน้าที่ใหญ่โต เป็นเหมือนกล่องขนาดใหญ่ และรูปแกะสลักครุฑที่ดูแข็งแรง
สำหรับสถาปัตยกรรมแนว Brutalism เป็นสไตล์หนึ่งในงานสถาปัตย์ที่เกิดในช่วงทศวรรษที่ 50-70 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากงานจันดีการ์ของ Le Corbusier งานสไตล์นี้ส่วนใหญ่เน้นที่รูปทรงเรขาคณิต สเกลใหญ่ๆ มีรายละเอียดที่ซ้ำๆ โชว์พื้นผิวธรรมชาติของวัสดุ ถ้าเป็นอาคารคอนกรีตก็จะโชว์คอนกรีตเปลือย ถ้าเป็นตึกกระจกก็จะมีแต่กระจกไปเลย งานประเภท Brutalism ได้ลดความนิยมลงไปหลังยุคทศวรรษที่ 70 เพราะด้วยสาเหตุหลายๆ ประการ ไม่ว่ารูปทรงที่แปลกประหลาดดูไม่เข้ากับสภาพแวดล้อม บางตึกจะดูเหมือนยานอวกาศซะด้วยซ้ำ หรือการเลือกใช้วัสดุเช่นคอนกรีตเปลือยในสภาพอากาศชื้น เมื่อเวลาผ่านไปตึกจะดูโทรมซะมากกว่าสวย รวมถึงเส้นที่บางมากจนขาดระหว่างงานถูกๆ สุกเอาเผากิน กับงานที่ผ่านการคิดและออกแบบมาดีแล้ว
สถาปัตยกรรมแนว Brutalism ที่อาจเรียกเป็นไทยว่า สถาปัตยกรรมแนวดิบกร้าว ซึ่ง Brutalism จัดเป็นกระแส (Movement) ย่อยๆ กลุ่มหนึ่งของ Modern Architecture เหตุที่สถาปัตยกรรมแนว Brutalism นิยมในประเทศคอมมิวนิสต์ เพราะว่าไม่เน้นการตกแต่ง เน้นสัจจะบริสุทธิ์ โชว์ความดิบกระด้างของวัสดุโดยเฉพาะหิน คอนกรีต ทำให้อาคารดูบึกบึน เข้มแข็งถมึงทึง ดูมีอำนาจ อีกทั้งเน้นการวางผังแบบสมมาตร (Symmetrical Balance) แสดงถึงการแผ่กระจายอำนาจที่เท่าเทียม ภาพลักษณ์เลยไปกันได้กับพวกสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ที่มองว่ามีแต่งานศิลปะเพื่อเชิดชูสนองอำนาจการปกครองเท่านั้นที่อนุญาตให้ทำได้ ก็เลยเกิดภาพลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบคอมมิวนิสต์ขึ้นมาซ้อนกับรูปแบบของพวก Brutalism
เมื่อไปค้นเอกสารอ้างอิง ประวัติสมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ จากข่าวโฆษณาการ ฉบับที่ 5 ประจำเดือน ส.ค. 2483 มีบทความที่ชื่อ "ประวัติไปรษณีย์และตำนานแสตมป์ไทย" โดย พ.ต.อ.นพ.พิพัฒน์ ชูวรเวช ได้บันทึกไว้ว่า
ผู้รับเหมาก่อสร้างคือ นายดั่นบังหยิน สร้างตึกกลางและตึกประธาน เป็นนายอิ้ว บริษัท ง่วนเลี่ยงไถ่ ฐานรากนายดั่นบังหยินเป็นผู้สร้าง เริ่มสร้างเมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2478 สร้างเสร็จส่งมอบงานเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2482 รวมเวลาก่อสร้าง 3 ปี 5 เดือน หรือ 1,259 วันพอดี การตกแต่ง มีนายเอช.เกอร์สัน นายยี.แบคเกอร์ ทำประตูหน้าต่าง น่าจะบอกให้ทราบเป็นความรู้เรื่องราคาขณะนั้นว่านักก่อสร้างทำโครงการไม่โกงกิน
นายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กล่าวไว้ดังมีราคาดังนี้ ราคาค่าก่อสร้างตึกนี้คิดเป็นเงินตามรายการต่อไปนี้ 1.ตึกประธานด้านหน้า 467,469 บาท 2.ตึกกลาง 157,135 บาท 3.ตึกท้าย 56,053 บาท 4.ค่าเครื่องตกแต่งต่างๆ 300,132 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 976,967 บาท
โดยมีเกร็ดเล่าต่อมากันว่า มีผู้ถามนายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรี ในการแสดงปาฐกถา เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2506 ว่า ในสมัยที่มีการ "คอร์รัปชั่น" การก่อสร้าง ที่เรียกกันล้อๆ ว่า "กินหินกินปูน" คือ ขณะที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏว่ากรุงเทพฯ โดนทิ้งระเบิดสถานที่สำคัญหลายแห่ง แต่กรมไปรษณีย์โทรเลขที่เรียกกันว่า ไปรษณีย์กลาง ซึ่งเป็นตึกใหญ่โตสูงตระหง่านที่สุดในย่านสุรวงศ์สี่พระยานั้น ฝ่ายสัมพันธมิตรจงใจทิ้งระเบิดลงมาหลายครั้ง แต่ไม่ถูกเลย พลาดไปบ้าง ระเบิดด้านบ้าง ลูกหนึ่งตกลงไปฝังด้านหน้าก็ปรากฏว่าด้านไม่ระเบิด ถึงบางคนเล่าลือว่ามีคนเห็นครุฑ 2 ตัวหน้าตึกบินขึ้นไปปัดระเบิด
จึงมีผู้ไปถามนายควง อภัยวงศ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างขึ้น (สมัยเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข ปี 2478-2484) ว่าลงของดีอะไรไว้หรือไม่อย่างไร นายควง ก็ตอบ (ลงในหนังสือพิมพ์) ว่า


