นาตาชา คัมพุช จำเลย ความรัก โศกนาฏกรรม
นาตาชา คัมพุช หญิงสาวชาวออสเตรีย วัย 22 ปี ซึ่งถูกโวล์ฟกัง พริโคลพิล ชายวัย 35 ปี ลักพาตัวไปตั้งแต่ตอนเธออายุได้ 10 ขวบ มาวันนี้เธอก็พร้อมที่จะเปิดเผยโฉมหน้า บอกเล่าเรื่องราวสู่สาธารณชน....
นาตาชา คัมพุช หญิงสาวชาวออสเตรีย วัย 22 ปี ซึ่งถูกโวล์ฟกัง พริโคลพิล ชายวัย 35 ปี ลักพาตัวไปตั้งแต่ตอนเธออายุได้ 10 ขวบ มาวันนี้เธอก็พร้อมที่จะเปิดเผยโฉมหน้า บอกเล่าเรื่องราวสู่สาธารณชน....
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ
ลําพังขึ้นชื่อว่า “ถูกลักพาตัว” ก็เป็นประสบการณ์ที่เลวร้าย และส่งผลกระทบกระเทือนสภาพจิตใจมากพออยู่แล้ว ทว่ายิ่งถูกลักพาตัวด้วยบุคคลซึ่งจิตไม่ปกติ ถูกทรมานด้วยสารพัดวิธี และถูกจองจำปิดกั้นอิสรภาพยาวนานถึง 8 ปี ก็คงจะเป็นเรื่องยากยิ่งนักที่คนคนนั้นจะสามารถกลับคืนสู่วิถีชีวิตปกติ และมีความสุขแบบเดิมได้
บุคคลคนหนึ่งที่เคยต้องตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนั้น อย่าง นาตาชา คัมพุช หญิงสาวชาวออสเตรีย วัย 22 ปี ซึ่งถูกโวล์ฟกัง พริโคลพิล ชายวัย 35 ปี ลักพาตัวไปตั้งแต่ตอนเธออายุได้ 10 ขวบ มาวันนี้เธอก็พร้อมที่จะเปิดเผยโฉมหน้า บอกเล่าเรื่องราวสู่สาธารณชน และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากที่เธอสามารถหนีรอดออกมาจากขุมนรกอันโหดร้ายได้เมื่อ 3 ปีก่อน
“ตอนนี้ฉันรู้สึกเข้มแข็งมากพอที่จะเล่าเรื่องราวการถูกลักพาตัวทั้งหมดของฉันให้ทุกคนได้รับรู้เป็นครั้งแรก” นาตาชา คัมพุช ระบุ ระหว่างงานเปิดตัวหนังสือบอกเล่าเรื่องราวการลักพาตัวของเธอที่ชื่อ “3,096 วัน” เมื่อไม่กี่วันก่อน
ในหนังสือเล่มนี้ คัมพุชได้ถ่ายทอดเรื่องราวความทุกข์ทรมาน และประสบการณ์อันขมขื่นที่เธอได้รับตลอดระยะเวลา 8 ปี คัมพุช เล่าว่าระหว่างที่ถูกลักพาตัว เธอถูกขังให้อยู่ภายในห้องใต้ดิน ซึ่งไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดมากไปกว่าเตียงนอน โถส้วม และอ่างล้างหน้า
ตลอดระยะเวลาที่เธออาศัยอยู่ร่วมกับพริโคลพิล เธอจะได้ยินได้ฟังแต่คำขู่เข็ญบังคับ เป็นต้นว่า “ถ้าเธอหนี ฉันจะฆ่าเธอ และจะฆ่าทุกคนที่เธอไปหา” หรือ “ถ้าเธอไม่เป็นเด็กดี ฉันจะมัดเธอเอาไว้”
พริโคลพิลพยายามจะบอกกับคัมพุชว่า พ่อแม่ของเธอปฏิเสธที่จะจ่ายเงินค่าไถ่ เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้เธอกลับไปอยู่ด้วยแล้ว
“พ่อแม่ไม่รักเธออีกต่อไป พวกเขามีความสุขที่ได้อยู่โดยปราศจากเธอ”
หลายครั้งหลายครา พริโคลพิลบังคับให้คัมพุชทำในสิ่งที่เธอไม่เต็มใจจะกระทำ เขาบังคับคัมพุชให้เรียกเขาว่าท่านลอร์ด บังคับให้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าเขา บังคับให้คัมพุชโกนศีรษะ รวมทั้งเปลื้องผ้าครึ่งท่อนบนระหว่างดูแลทำงานบ้าน
คัมพุชเล่าว่า พฤติกรรมการบังคับขู่เข็ญ กดขี่ข่มเหง และการปฏิบัติราวกับเธอเป็นทาสผู้ใช้แรงงาน เป็นสาเหตุให้เธอพยายามจะฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้งหลายหน
ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งในวันพิเศษ หรือโอกาสพิเศษที่พริโคลพิลพยายามจะทำดีกับคัมพุช ทว่าความเป็นคนที่ไม่ค่อยจะปกติของพริโคลพิล ก็ยังทำให้เธอต้องเจ็บตัว และเผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
ในวันก่อนวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 18 ปีของเธอ พริโคลพิลตัดสินใจที่จะพาเธอออกไปเล่นสกี ในระหว่างที่เขาคิดคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการเดินทางไปเล่นสกีอยู่นั้น คัมพุชก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ดีๆ พริโคลพิลร้องตะโกนออกมาว่า
“เธอมันก็แค่พวกที่หาประโยชน์จากความเมตตาของฉัน เธอไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันเลย ไม่เลย”
ด้วยความน้อยอกน้อยใจคัมพุชก็ตอบกลับพริโคลพิลไปว่า เธอไม่ต้องการจะไปเล่นสกีกับเขาแล้ว
คำตอบของคัมพุชทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก พริโคลพิลหันไปคว้าเอาชะแลงที่ใช้งัดเปิดประตูห้องใต้ดินฟาดเต็มแรงลงที่ต้นขาของคัมพุชเลือดไหลซึมออกเป็นทางยาว และในที่สุดแล้วเธอก็ต้องยอมไปเล่นสกีกับเขา
ถึงแม้ว่าประสบการณ์การถูกจองจำ และกีดกั้นอิสรภาพยาวนานกว่า 8 ปีของ นาตาชา คัมพุช จะขมขื่นหรือเลวร้าย|สักเพียงใด ทว่าความรู้สึกของหญิงสาวชาวออสเตรียผู้นี้ที่มีต่อผู้ที่ลักพาตัวเธอมานั้นก็สร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคนได้ไม่น้อย
ถ้อยคำจากการให้สัมภาษณ์ของคัมพุชกับเดลีเมล หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ชื่อดังของอังกฤษ สะท้อนให้เห็นความห่วงหาอาทรและเยื่อใยแห่งสายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโวล์ฟกัง พริโคลพิล เอาไว้อย่างซับซ้อน
คัมพุช เล่าว่า ความสัมพันธ์ที่เธอมีกับ พริโคลพิลไม่ได้ชัดเจนเป็นสีขาวหรือสีดำเพียงสีใดสีหนึ่ง ประสบการณ์ตลอดระยะเวลาที่เธออยู่กับพริโคลพิลดูจะเป็นสีเทาๆ ซึ่งต้องผ่านทั้งเรื่องดีและร้าย
เธอเล่าให้ฟังว่า ไม่ว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใดๆ เธอก็ไม่เคยปล่อยให้ตนเองเกิดความรู้สึกเกลียดชังพริโคลพิลขึ้นใจเลยสักครั้ง ทั้งนี้ให้เหตุผลว่า เพราะความรู้สึกขมขื่นเช่นนั้นจะยิ่งไปบั่นทอนชีวิตซึ่งต้องผ่านพ้นไปในแต่ละวันของเธอ
คัมพุช ระบุว่า คนทั่วไปมักจะมองเรื่องนี้อย่างง่ายๆ โดยมองว่าโลกนี้มีคนอยู่สองประเภท คือ คนดีกับปีศาจ และพวกเขาก็มองว่าพริโคลพิลเป็นปีศาจ
“ในสายตาของพวกเขา พริโคลพิลคือปีศาจร้าย แต่ฉันเชื่อเสมอว่าไม่มีใครในโลกนี้เกิดมาเป็นแบบนั้น”
ข้อความตอนหนึ่งในหนังสือ 3,096 วันของเธอ ระบุไว้ว่า เธอรู้สึกว่าชีวิตเป็นอิสระอีกครั้ง หลังจากทราบข่าวการฆ่าตัวตายของผู้ที่ลักพาตัวเธอไป อย่างไรก็ตามเมื่อเราเดินทางลึกลงไปที่ก้นบึ้งของความรู้สึกของคัมพุช ก็กลับพบว่าแท้ที่จริงเรื่องราวดังกล่าวอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เมื่อคัมพุชถูกถามว่า เธอรู้สึกอย่างไรเมื่อทราบว่าพริโคลพิลตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง เธอก็ยอมรับว่า เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอต้องสูญเสียคนใกล้ชิดในชีวิตไป และเธอก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เหมือนกัน
“ที่เขาต้องตายก็เป็นเพราะฉัน ถ้าฉันไม่หนีออกมาเขาก็คงไม่ตาย”
เมื่อถูกถามว่า เธอรู้สึกรักพริโคลพิลหรือไม่ คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นเสียงแห่งความเงียบอยู่นานสองนาน ก่อนจะตอบว่า
“ฉันคิดว่าการให้อภัยก็เป็นความรักรูปแบบหนึ่ง”
และเมื่อคัมพุชถูกถามย้ำว่า เธอคิดถึงเขาบ้างหรือไม่ เสียงเงียบก็เกิดขึ้นอีกพักใหญ่ก่อนเธอจะเปล่งวาจาออกมาว่า
“คำถามนี้ค่อนข้างจะส่วนตัวมากเกินไป ฉันขอไม่ตอบก็แล้วกัน”
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ลักพาตัวกับผู้ที่ถูก|ลักพาตัว ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างซับซ้อนเช่นนี้ บรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า คืออาการของโรคสตอกโฮล์ม ซินโดรม อาการทางจิตชนิดหนึ่งที่คนร้ายและเชลยอยู่ร่วมกันในสถานที่จำกัดระยะเวลาหนึ่ง จนเชลยเกิดความเห็นใจ และความรู้สึกในแง่ดีต่อตัวคนร้าย
ขณะที่คัมพุช เธอไม่เห็นด้วยกับการลงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เธอไม่เชื่อว่าโรคดังกล่าวจะมีอยู่จริง
“คนอื่นไม่ต้องการจะรับรู้รับฟังในสิ่งที่ฉันเคยประสบพบมาแล้ว ก็จะพูดกันแต่เพียงว่า ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าฉันป่วยหรือฉันผิดปกติ”
ประสบการณ์อันขมขื่นตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ประทับติดแน่นอยู่ในจิตใจของคัมพุชอาจจะทำให้เธอประสบกับความยากลำบากในการกลับมาดำเนินชีวิตให้เป็นปกติ และทำให้เธอลังเล หรือไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามบางคำถาม เนื่องจากเกรงจะทำให้เธอกลายเป็นคนแปลกประหลาดในสายตาของคนอื่นๆ
ทว่า มีอยู่คำถามหนึ่งที่เธอเต็มใจอยากจะตอบคำถาม และอธิบายคำตอบของเธออย่างยืดยาวที่สุด นั่นก็คือคำถามที่ว่า เพราะเหตุใดเธอถึงเลือกปลูกต้นกระบองเพชรเป็นงานอดิเรก
ทันทีที่สิ้นเสียงคำถาม คัมพุชก็ได้ให้คำตอบที่กินใจ และเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกว่า
“เพราะกระบองเพชรไม่ต้องการน้ำมาก สามารถป้องกันตัวเองด้วยหนามอันแหลมคม ชอบแสงอาทิตย์ แต่ก็สามารถทนทานอากาศเย็นได้ กระบองเพชรมีความสุขกับอิสรภาพของตัวเอง และยอมรับได้กับทุกสภาพการดูแล และเมื่อออกดอกก็สวยงามมาก”
ไม่น่าเชื่อว่า คำตอบนี้ของคัมพุชจะพลางทำให้เราหวนนึกถึงชะตากรรมการถูกจองจำของเธอได้อย่างน่าแปลกใจ...


