posttoday

กรุงเทพฯ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว (รึยัง)

29 เมษายน 2560

เวลาผมได้พบปะกับญาติพี่น้อง คนรู้จัก ที่มาจากต่างจังหวัดแถบบ้านเกิดของผมที่ปักษ์ใต้

โดย...เสกสรร โรจนเมธากุล

เวลาผมได้พบปะกับญาติพี่น้อง คนรู้จัก ที่มาจากต่างจังหวัดแถบบ้านเกิดของผมที่ปักษ์ใต้

คำถามหนึ่งที่เขาชอบถามผม คือ “ขับรถในกรุงเทพฯ กับที่ต่างจังหวัด อย่างไหนยากง่ายกว่ากัน”

ผมก็ตอบอย่างมั่นใจทุกครั้ง ยังไง ขับที่ต่างจังหวัด (ในเขตชนบท) ก็ง่ายกว่าหลายเท่าครับ เหตุผลง่ายๆ ของผม ก็คือ ถนนในต่างจังหวัดมีรถราน้อยกว่ากรุงเทพฯ รถราแออัดติดขัด ยังไงก็ขับยากกว่า

ยกเว้นพ่อของผมคนนึง พ่อผมแสดงทัศนะว่า ขับรถในกรุงเทพฯ น่าจะง่ายกว่า ก็เพราะรถมากนี่แหละ เขาจึงขับกันอย่างเคร่งครัดต่อวินัยจราจร จะเลี้ยวจะเปลี่ยนเลนจะอะไรก็ทำอย่างมีระเบียบแบบแผน ไม่เหมือนคนต่างจังหวัด ติดนิสัยเอาสบายเข้าว่า ขับๆ อยู่อาจนึกอยากจะเลี้ยว อยากจอด อยากกลับรถตรงไหนก็ทำได้ทันที ถือว่ารถน้อย

มุมนี้ก็มีส่วนถูกครับ แต่ต้องบอกด้วยว่าพ่อของผมก็ไม่เคยมีประสบการณ์การขับรถในกรุงเทพฯ เลย (ฮา) ผมก็ฟังหูไว้หู และก็ยังเชื่อในมุมมองของตัวเองอยู่ดี เพราะมีตัวอย่างให้เห็นมาก ญาติพี่น้องหลายคนนึกสนุก อยากขับรถจากปักษ์ใต้ขึ้นมาเที่ยวกรุงเทพฯ สักครั้ง ปรากฏว่า ไม่ทันไรหลงทางตั้งแต่ยังไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ ดี

ตัวอย่างที่คลาสสิกที่สุด ก็ประเภทเข้าช่องทางด่วนของถนนเเล้วไม่รู้ว่าต้องออกทางขนานตรงไหน หรือขับๆ อยู่ เอ้า!ดันเข้าเลนยูเทิร์นไปแล้วซะงั้น หนักกว่านั้นคือ มาค่ำๆ มืดๆ ขับหลงขึ้นทางด่วนไปซะยังงั้น ผัวเมียถึงขั้นทะเลาะกันก็มีเพราะผัวพาหลงทางเสียเวลาอยู่เป็นนมนาน แต่ก็เอามาเป็นเรื่องเล่าสนุกสนานเฮฮากันภายหลัง

นี่แค่เป็นเหตุผลอย่างน้อยที่ผมบอกว่าขับในกรุงเทพฯ มันยาก 1.รถมาก (รถติด)2.ถนนมาก รายละเอียดยิบย่อย ตามแต่ละถนนก็มากมายไม่เหมือนกัน จะไปไหนมาไหนแต่ละทีก็ต้องวางแผนเส้นทาง และ
อย่าลืมเผื่อเวลา คน ตจว.เพิ่งมากรุงเทพฯ พูดกันว่า อยู่กรุงเทพฯ จะขับรถไปธุระที่ไหนวันหนึ่งไปได้สักสองที่ก็นับว่าดี

สำหรับประสบการณ์การใช้รถของผม ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เพิ่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ก็ต้องเรียนรู้กรุงเทพฯ ด้วยการขึ้นรถเมล์ก่อน จะไปไหนก็ดูป้ายข้างรถเมล์เอา ก่อนจะจำหมายเลขสายต่างๆ ก็มักจะขึ้นรถเมล์ร้อนเพราะราคาถูกดี ตอนนั้นรัฐบาลเพิ่งเริ่มโครงการ “รถเมล์ฟรี เพื่อประชาชน”จะไปเที่ยวแถวสนามหลวงก็รอขึ้นรถฟรีเอาเสียเวลาไม่ใช่น้อย

ปีถัดมา นึกอยากผจญภัยท้องถนนกรุงเทพฯ ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ขอยืมจักรยานของรุ่นพี่ที่คณะ ปั่นออกจากหอพักตั้งแต่เช้ามืด ตอนนั้นแค่ได้ถีบจักรยานก็รู้สึกลิงโลดใจมาก อิสระอยู่ที่ปลายเท้า ปั่นผ่านย่านเก่าหัวลำโพง เยาวราช ไปตะวันขึ้นที่ท่าเตียน ริมกำแพงพระบรมมหาราชวังแค่นั้นก็รู้สึกเปิดหูเปิดตา เรียนรู้โลก (กทม.)ขึ้นมากมายก่ายกอง

หลังเรียนจบ เริ่มทำงานไม่กี่เดือน ผมซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองมาคันหนึ่ง ใช้ทำงานเต็มที่ เรียนรู้ชีวิตบนท้องถนนกรุงเทพฯก็คราวนี้ เรียกได้ว่าเกือบสองปีที่ขับมอเตอร์ไซค์ ไปมันทั่วทุกหัวระแหง เรียกว่าจำได้กระทั่งหลุม รอยเผยอของฝาท่อระบายน้ำว่าอยู่ตรงไหนของถนนบ้าง เบรกไม่ทันเคยเกือบชนท้ายรถกระบะก็มี มอเตอร์ไซค์สอนให้รู้ทุกซอกมุมของถนนกรุงเทพฯ

ข้อดีมากของการใช้มอเตอร์ไซค์ใน กทม. คือเดินทางไปได้ทุกที่ ทำเวลาได้ ไม่ต้องเผชิญรถติดเหมือนรถยนต์ เพราะถึงรถจะติดมาก มอเตอร์ไซค์ก็พอจะเคลื่อนที่ไปได้แต่ผมก็พบด้วยว่า มันเต็มไปด้วยความอันตรายเหมือนกัน

ด้วยความที่ท้องถนนหนาแน่น การขับมอเตอร์ไซค์ซอกแซกไปตามช่องว่างระหว่างรถยนต์ ต้องใช้ทักษะสูงมากในการประคองรถและประเมินสถานการณ์รอบด้าน อยู่ๆ เกิดมีรถเปลี่ยนเลนขึ้นมากะทันหัน เราก็อาจชนล้มคว่ำเอาได้ง่ายๆ

กรุงเทพฯ ไม่เหมือนเมืองอื่นๆมอเตอร์ไซค์เหมือนจะวิ่งบนถนนได้ทุกเลนแถมยังลงอุโมงค์ ขึ้นสะพานข้ามแยกก็ได้(แม้จะผิดกฎหมาย) แต่เคยไปเห็นที่เซี่ยงไฮ้ เขากันเลนสำหรับมอเตอร์ไซค์และจักรยานให้ใช้เลนนอกสุดติดฟุตปาทเท่านั้น แบบนี้ผมว่าปลอดภัยกว่ามาก

สุดท้ายเเล้ว โชคชะตาผันเปลี่ยน ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ส่วนตัวใน กทม.ได้เกือบ 3 ปีเเล้ว ทุกวันนี้ผมขับรถไปทำงาน ด้วยลักษณะงานที่ต้องไปโน่นนี่เฉลี่ยวันละ 2 แห่ง ถ้านึกดูดีๆ มันก็ไม่ได้สะดวกขนาดนั้น แต่อาศัยความเคยชินกับเส้นทางต่างๆ ที่สะสมมาตอนเคยขับมอเตอร์ไซค์ และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในการใช้รถใช้ถนน จึงทำให้เลือกใช้รถส่วนตัวเป็นพาหนะหลักในการเดินทาง

ว่ากันว่า ในปัญหาเชิงโครงสร้าง ก็ยอมรับครับ ใช้รถส่วนตัวเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทุกวันนี้กรุงเทพฯ เป็นเมืองรถติดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่จะให้ทำไงได้เมื่อพินิจดูเงื่อนไขรอบด้านในชีวิตเเล้ว มันจำเป็นต้องใช้

บ้านอยู่ชานเมืองตะวันตก อยู่ลึกในซอยเกือบ 2 กิโลเมตร เข้ามาทำงานในเขตเมือง ระยะทางอย่างน้อยที่สุดวันละ 16 กิโลเมตร แถมต้องเดินทางไปจุดอื่นอีกในระหว่างวัน บวกกับต้องพกพาอุปกรณ์สัมภาระในการทำงานอีกหลายอย่าง ใช้รถตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่โอเคที่สุด

อดีต รมต.คมนาคม ผู้แข็งแกร่งสมัยรัฐบาลก่อนนู้น เสนอไอเดียชัด ปฏิรูประบบคมนาคมใน กทม.ต้องแก้ที่รถเมล์ ให้เป็นขนส่งสาธารณะที่สะดวกที่สุด

ผมเห็นด้วยเต็มประตู ถ้าคนใช้รถส่วนตัวน้อย หันมาใช้รถเมล์ที่สะดวกสบายแล้ว การจราจรใน กทม.ก็คงคล่องตัวขึ้น แถมในอนาคตยังจะมีรถไฟฟ้าอีก 10 สายทั่วเมือง

ผมก็รอให้วันนั้นมาถึงไวๆ

ข่าวล่าสุด

ยุคทอง YouTube Podcast เดือนเดียวยอดชมบนทีวีพุ่ง 700 ล้านชั่วโมง