posttoday

พงศธร จอม สาลักษณ์

25 เมษายน 2560

"ชีวิตเหมือนการผจญภัยผ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เพียงแค่ของผมยังไม่มีตอนจบ"

"ชีวิตเหมือนการผจญภัยผ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เพียงแค่ของผมยังไม่มีตอนจบ"

ครั้งแรกของการเปิดใจคุยอย่างเป็นทางการหลังทายาทเกลือปรุงทิพย์ผันตัวเองเข้ามาชิมลางลุยธุรกิจอสังหาอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อเก๋ ฟินน์ ดิเวลลอปเม้นท์ ของ พงศธร จอม สาลักษณ์ - อดีตดีกรีหนุ่มนักเรียนนอกเนื้อหอมที่ใช้เกือบครึ่งชีวิตอยู่ต่างประเทศ อดีตที่ปรึกษาทางการเงินบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติสัญชาติอังกฤษ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ทายาทสาลักษณ์-ศรีเฟื่องฟุ้ง ในวันที่เข้าสู่ช่วงวัย 40 กว่าๆ กับชีวิตที่เขาบอกว่า เพิ่งเริ่มต้นขึ้น

หากย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว การไปเรียนในต่างประเทศสำหรับคนไทยไม่ใด้เป็นเรื่องที่ง่ายนัก แต่กลับเป็นโอกาสของเด็กผู้ชายวัย 8 ขวบคนหนึ่ง ที่ได้ไปเรียนที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยจะได้ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักคำ จนจบการศึกษาระดับปริญญาโท และเข้าทำงานในบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินระดับโลก ชีวิตกำลังไปได้ดี ทว่าโชคชะตาเล่นตลกให้เขาต้องกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัวที่เขาไม่เคยรู้จักเลย

พงศธร จอม สาลักษณ์ ในวัย 44 ปี วันนี้ เล่าให้เราฟังว่า คุณปู่ 'พระสุนทรวาจนา' (สุนทร สาลักษณ์) เคยรับราชการเป็นทูต ได้ส่งคุณพ่อ (ดุสิต สาลักษณ์) ไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ ก่อนกลับมาสร้างธุรกิจที่เมืองไทย พอถึงรุ่นเขา จึงเป็นธรรมเนียมที่จะถูกส่งไปเรียนในต่างประเทศเช่นกัน เพราะคุณพ่อ และคุณแม่ ดาราวัลย์ (ศรีเฟื่องฟุ้ง) สาลักษณ์ เชื่อว่าโรงเรียนในประเทศอังกฤษให้การศึกษาที่ดีที่สุดในขณะนั้น โดยเฉพาะการเรียนในโรงเรียนประจำ เด็กต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเอง มีความรับผิดชอบ ช่วยให้เด็กค้นหาความถนัดของตัวเอง และโรงเรียนจะให้การศึกษาเพื่อส่งเสริมทางด้านนั้นๆ

พงศธร จอม สาลักษณ์

ความที่คุณพ่อเป็นคนไทย และคุณแม่เป็นคนเชื้อสายจีน คุณจอมจึงได้รับการเลี้ยงดูแบบวัฒนธรรมผสมผสาน และปลูกฝังคำสั่งสอนแบบไทยจีน "คุณพ่อบอกกับผมเสมอว่า สิ่งที่พ่อจะทิ้งไว้ให้ ไม่ใช่มรดกที่เป็นทรัพย์สินมีค่าใดๆ แต่เป็น 'คำสั่งสอน และการศึกษา' เพราะสิ่งเหล่านี้จะอยู่กับตัว ไม่มีใครเอาไปได้ ส่วนคุณแม่มักเล่าว่า หากขยันทำงาน อดทน และเห็นคุณค่าของเงิน จะไม่มีวันอดตาย นั่นจึงเป็นสิ่งที่ผมเชื่อ และยึดถือมาโดยตลอด"

คุณจอมย้อนอดีตเล่าถึงสมัยเด็กๆ ที่อยู่อังกฤษเกือบ 30 ปี ว่า "ชีวิตครอบครัวคนไทยกับที่อังกฤษต่างกัน ตอนเราเด็กมีพี่เลี้ยงคอยดูแล พอถูกส่งไปโรงเรียนประจำที่อังกฤษตอน 8 ขวบ เราไปคนเดียว สภาพแวดล้อมสนับสนุนให้ทุกคนพึ่งพาตัวเอง มีวินัย มีอิสระ ผมว่า มันเป็นการสร้างความเป็นผู้นำให้เราตั้งแต่เล็ก แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยการแข่งขันมากมาย ดังนั้น การเอาตัวรอดเพื่อที่จะยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองสำคัญมาก"

"สมัยก่อนค่าเงินบาท และปอนด์ต่างกันมาก และการได้รับโอกาสไปเรียนที่นั่นทำให้ผมระลึกอยู่เสมอว่า เป็นความเสียสละของคุณพ่อ และคุณแม่ ทำให้ผมเห็นคุณค่าของเงิน และตั้งมั่นว่า จะทำให้คุณพ่อ และคุณแม่ภูมิใจ ที่นู่น การแข่งขันสูงมาก ต้องแข่งกับเด็กคนอื่นๆ พอโตมาก็แข่งกับคนทำงานอีก บางคนบอกว่า นามสกุลที่มีคนรู้จัก จะทำอะไรก็ง่ายขึ้น ผมว่า ไม่จริงเลย ที่อังกฤษ มันช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลยจริงๆ ทุกคนเท่ากันหมด ผมเรียนหนังสือ ผมเล่นกีฬา ผมทำทุกอย่าง แล้วผมตั้งใจจนทำได้ดี ที่ยากสุด คือ แข่งกับตัวเอง แข่งกับเป้าหมายของตัวเอง ผมจะทำอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ เพราะโอกาสเรามีแล้ว ในอนาคตจะไม่สามารถมานึกเสียดายได้เลย"

คุณจอมใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษจนจบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ และปริญญาโท สาขาการเงิน และมีโอกาสเข้าไปทำงานเป็นที่ปรึกษาการเงินการลงทุน หรือ Investment Banking ที่สถาบันการเงินแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียง "ผมพยายามที่จะทำงานทุกงานให้ออกมาให้ดีที่สุด ด้วยความตั้งใจ ความพยายาม และพรสวรรค์ที่มีอย่างสุดความสามารถ" ต่อมาคุณจอมได้ไปทำงานที่สิงคโปร์ อีก 5 ปี และฮ่องกง อีก 4 ปี ระหว่างนั้นได้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดหักเหของชีวิต เพราะคุณพ่อล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งจวบจนวันที่คุณพ่อได้จากไป เหลือแต่คุณแม่กับพี่สาว นั่นเป็นเหตุผลที่คุณจอมตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทย ในวัยกลาง 30 เพื่อทำหน้าที่บางส่วนแทนคุณพ่อ

"มีคนบอกว่ากลับมาบ้านก็มีธุรกิจอยู่แล้ว สบายออก แต่สำหรับผมตอนนั้น การกลับบ้านเป็นสิ่งใหม่ ผมอยู่เมืองนอกจนเหมือนเป็นคนต่างชาติไปแล้ว พอถึงเวลากลับไทย เรียกว่า ต้องเริ่มใหม่ทุกอย่าง ต้องเข้าไปเรียนรู้ธุรกิจเกลือ หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม 'ปรุงทิพย์' จากคนที่ไม่เคยรู้เรื่องเกลือเลย ก็ต้องมาทำความเข้าใจอุตสาหกรรมนี้ เข้าไปดูทุกขั้นตอน มันท้าทายมาก แต่นั่นกลายเป็นเป้าใหม่ของผมที่ต้องทำให้ได้ ทุกวันนี้ ธุรกิจไปได้ดี และผมตั้งใจจะทำให้ดีขึ้นไปอีก ผมเชื่อว่า ผมยังมีความสามารถ และความตั้งใจที่อยากจะมีธุรกิจของตัวเองที่สะท้อนถึงความเป็นตัวผม อยากพิสูจน์กับตัวเองว่าเราเก่งพอที่จะทำธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ามาศึกษาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง"

พงศธร จอม สาลักษณ์

"คนชอบคิดว่า ตระกูลดัง มีธุรกิจมากมายอยู่แล้วจะไปทำอะไรได้อีก ไม่ครับ..นั่นเป็นสิ่งที่คุณตา คุณพ่อสร้างมา ถึงเวลาที่ผมจะต้องสร้างเอง" ประสบการณ์ในช่วงการทำงานที่ต่างประเทศทำให้คุณจอมได้พบปะกับนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของโลก ได้เห็นวิธีที่เขาทำธุรกิจ และสิ่งหนึ่งที่โดนใจเขา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

"ผมเริ่มมองสินทรัพย์ของครอบครัวที่พอจะหยิบจับมาต่อยอด มาสร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้ ก็มาติดใจที่ดินเปล่าบริเวณหาดเทียน เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 117 ไร่ กับหน้าหาดที่ยาวถึง 380 เมตร ประกอบกับผมเป็นคนที่ชอบทะเล ชอบการดำน้ำ แล่นเรือ จึงได้ลองศึกษาตลาด วางแผน และความเป็นไปได้ ใช้ความรู้ด้านการลงทุนมาเป็นประโยชน์ กาทีมงาน เดินทางขึ้นลงกรุงเทพฯ เกาะเต่าอยู่ 3-4 ปี จึงเกิดเป็นโครงการลักชัวรี่ไพรเวท วิลล่า ภายใต้ชื่อ หาดเทียน บีช รีสอร์ท เราเริ่มทำในขณะที่เกาะเต่ายังไม่มีอะไรเลย เรียกว่า เราเป็นเจ้าแรกที่เข้าไปทำตรงนี้ ไปบุกตลาดไฮเอนด์อย่างจริงจัง จนปัจจุบันธุรกิจนี้ไปได้ดีเลยทีเดียว ตอนแรกมีวิลล่าทั้งหมด 70 หลัง ผมเพิ่งเปิดเฟสสองเมื่อ 2 ปีก่อน ชื่อ เดอะ บีช คลับ มีห้องที่เห็นวิวทะเล 74 ห้อง รวมเพ้นท์เฮ้าท์ มีโรงเรียนสอนดำน้ำ มีสปา และมีร้านอาหาร" สิ่งหนึ่งที่เขามองเห็นหลังจากคร่ำหวอดอยู่ในวงการโรงแรม คือ เขายังอยากทำอย่างอื่นอีก! ฟังจบถึงขั้นต้องถามว่า ทำไม? คุณจอมเล่าว่า "ทุกอย่าง คือ ประสบการณ์ สร้างอะไรใหม่ๆ ให้เราเสมอ ผมชอบการเรียนรู้ ชอบความท้าทาย เหมือนการออกเดินทางไปผจญภัยครั้งใหม่ เพียงแค่ผมโชคดี ที่ได้ไปผจญภัยหลายรอบเท่านั้นเอง" ขอถามต่ออีกนิดว่า ไม่เหนื่อยเหรอ เขาตอบว่า "ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ โดยไม่ต้องเหนื่อย อยากได้อะไร เราก็ต้องลงมือทำก่อน" ซึ่งตอนนี้คุณจอมก็กำลังง่วนกับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบว์แดง ชื่อ ฟินน์ คอนโดมิเนียมลักชัวรี่ใจกลางสุขุมวิท 31 ทีมงานถึงกับอึ้งในความสามารถของเขา จนต้องถามว่า เอาเวลาที่ไหนไปบริหาร

"ผมยังดูงานที่ปรุงทิพย์อยู่ครับ แต่นั่นลงตัวแล้ว ที่หาดเทียนก็ลงตัว ผมพอมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีก! แต่ทุกอย่างผมทำด้วย passion และ determination ผมว่า สองอย่างนี้มันสำคัญมาก และผมเชื่อว่า มันเป็น key success ของผมเลย"

ก่อนจะจบบทสนทนาในวันนี้ เราได้ถามคุณจอมว่า คุณจอมคิดว่า ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วหรือยัง? คำตอบที่ได้มา คือ "ยังนะ ผมว่า เพิ่งเริ่มต้นเอง (ยิ้ม!) ผมชอบเรียกว่า ประสบการณ์มากกว่า เหมือนตอนไปอังกฤษ นั่นคือ ประสบการณ์ ตอนกลับมาเมืองไทย นั่นก็ประสบการณ์ มาเรียนรู้ธุรกิจครอบครัว ก็ประสบการณ์ ทำรีสอร์ท ก็ประสบการณ์ใหม่อีก ทุกๆ ประสบการณ์ เหมือนตอนใหม่ในชีวิตผม การผจญภัยของผมยังไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนหนังสือที่ยังไม่มีตอนจบ และผมยังอยากเขียนตอนใหม่เพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เท่าที่ลมหายใจยังมีอยู่"

แล้ววันนี้อะไรคือ ความสุขของคุณจอม "การได้ทำในสิ่งที่เรารัก เพื่อคนที่เรารักและประสบความสำเร็จ การมีอิสระในการทำงานและการใช้ชีวิต ได้เติมเต็มชีวิตด้วยการเดินทางท่องเที่ยวผจญภัย ได้มีเวลาให้ภรรยา และลูกชายวัย 5 ขวบ รวมถึงพี่น้อง ครอบครัวโดยเฉพาะคุณแม่ ผมยึดแนวทางของคุณพ่อดุสิต สาลักษณ์ ที่ให้ไว้ คือ ให้คำสั่งสอน และการศึกษาที่ดีที่สุดกับลูก เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะสามารถออกไปผจญภัย เขียนหนังสือชีวิตของเขาเอง และภูมิใจกับมัน"

ข่าวล่าสุด

เลิกวนลูป! ส่อง 3 เป้าหมายยอดนิยมที่คนไทยตั้งไว้ทุกต้นปี เป็นจริงได้อย่างไร?