การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง บอกอะไรได้มากกว่าที่คิด
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง หรือ Electroencephalogram (EEG)
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง หรือ Electroencephalogram (EEG) เป็นการตรวจเฉพาะทางประสาทวิทยาชนิดหนึ่งที่ช่วยให้แพทย์สามารถระบุตำแหน่งต่างๆ ของสมองที่ส่งผลให้การทำงานของสมองผิดปกติ โดยดูจากบันทึกคลื่นไฟฟ้าของสมองที่มีลักษณะเฉพาะ หรือมีความเปลี่ยนแปลงไปซึ่งแสดงผลออกมาในรูปของกราฟที่แพทย์จะสามารถแปลผลได้
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองมีประโยชน์มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการวินิจฉัยและรักษาโรคลมชัก ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในระบบประสาท โดยเกิดจากการมีพยาธิสภาพขึ้นที่ผิวสมองทำให้ผู้ป่วยมีอาการชักเกร็งเฉพาะที่หรือชักหมดสติทั้งตัว โรคลมชักเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และในประเทศไทยพบผู้ป่วยลมชักสะสมประมาณ 3.5-5 แสนคน โดยปัจจุบันยังมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคนี้อยู่ ทำให้หลายครั้งการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่ความจริงแล้ว ผู้ป่วยโรคลมชักมากกว่าร้อยละ 75 สามารถมีชีวิตปกติได้หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองกับโรคลมชัก
ในคนปกติ คลื่นสมองจะมีความถี่ของคลื่นประมาณ 8-12 รอบ/วินาที ส่วนผู้ที่สมองเสียหาย ความถี่ของคลื่นไฟฟ้าสมองจะต่ำ เช่น ประมาณ 4 รอบ/วินาทีหรือน้อยกว่า ซึ่งแพทย์สามารถแปลผลได้ว่า มีกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้นในสมองน้อยมากจนสมองทำงานช้าลงเรื่อยๆ เมื่อใดก็ตามที่เป็นคลื่นสมองเป็นเส้นเรียบสนิท ก็หมายความถึงการที่สมองตายแล้วนั่นเอง
ผู้ป่วยโรคลมชักจะมีคลื่นไฟฟ้าสมองถี่ เร็ว แหลม และสูงเนื่องจากความผกผันของกระแสไฟฟ้าในสมอง รูปแบบของกราฟคลื่นสมองที่ออกมาเป็นตัวช่วยชี้ชัดได้ว่าผู้ป่วยนั้นเป็นโรคลมชักจริงหรือไม่ ซึ่งนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
ประโยชน์ของการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง
- วินิจฉัยและติดตามผลการรักษาโรคลมชัก ช่วยแยกชนิดของอาการชักได้ว่าเกิดจากโรคลมชักจริงๆ หรือเป็นการชักปลอม (แกล้งชัก)
- ช่วยวินิจฉัยโรคทางสมองและระบุความผิดปกติของพยาธิสภาพในสมอง เช่น เนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคติดเชื้อของระบบประสาท และภาวะบาดเจ็บในสมอง
- ประเมินระดับการตื่นของสมองในผู้ป่วยที่มีภาวะซึม สับสน หมดสติ หรือสงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีอาการชักที่ไม่มีการกระตุกเกร็งให้เห็น
- ช่วยแพทย์วินิจฉัยภาวะสมองตายเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการวินิจฉัยร่วมกับอาการแสดงและการตรวจทางห้องปฏิบัติการต่างๆ เป็นต้นว่า เมื่อผู้ป่วยมีความรู้สึกตัวลดลง การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองช่วยบอกได้ว่าภาวะดังกล่าวมีสาเหตุมาจากสมองเอง หรือเป็นผลกระทบจากภาวะอื่นๆ ในร่างกาย อาทิ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะเกลือโซเดียมต่ำซึ่งเป็นกลุ่มอาการทางสมองที่เกิดจากความผิดปกติทางเมตาบอลิก (Metabolic Encephalopathy) ที่ส่งผลให้สมองทำงานน้อยลง หรือเกิดจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายผิดปกติ อาทิ ผู้ที่มีภาวะผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ตับ ไต ไม่ทำงาน เป็นต้น
- ช่วยวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องกับการหลับ การเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้า ขณะนอนหลับ มีส่วนช่วยในการวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น โรคง่วงหลับ (Narcolepsy)
- ช่วยแยกผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชว่าเกิดจากความผิดปกติของจิตใจ พยาธิสภาพที่ผิดปกติในสมอง หรือเกิดจากโรคลมชัก
ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองเป็นกระบวนการวัดกระแสไฟฟ้าผ่านขั้วไฟฟ้าซึ่งวางบนหนังศีรษะ มีความปลอดภัยสูงและไม่เจ็บปวด โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ก่อนทำการตรวจแพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับการตรวจสระผมมาเพื่อลดความมันบนหนังศีรษะ
- ก่อนจะติด Electrode เข้ากับหนังศีรษะ จะมีการใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดหนังศีรษะอีกครั้งและทาครีมที่มีคุณสมบัติเป็นสื่อนำไฟฟ้า ทำให้ตัวรับกระแสไฟฟ้าวัดคลื่นไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น
- วางขั้วไฟฟ้าบนหนังศีรษะในแต่ละตำแหน่งจนครบและต่อสายเข้าไปที่เครื่อง
- ทำการบันทึกภาพคลื่นไฟฟ้าสมองโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยบันทึกและประมวลผล
-กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ในขณะที่ทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง แพทย์จะติดตามดูกิจกรรมของสมองแบบ real-time และบันทึกไว้ ในกรณีที่คลื่นสมองไม่ชัดเจน แพทย์อาจต้องพิสูจน์ด้วยการกระตุ้นสมองเพื่อให้ความผิดปกติที่ซ่อนอยู่แสดงออกมา อาทิ
- ใช้แสงไฟกะพริบ เปิดปิดเป็นจังหวะด้วยความถี่ที่แตกต่างกัน เพื่อดูว่าคลื่นสมองเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
- ให้ผู้เข้ารับการตรวจหายใจแรงลึกและเร็วเพื่อให้เลือดเป็นด่างซึ่งจะก่อให้เกิดการหดตัวของหลอดเลือดและเลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง เกิดภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว ซึ่งถ้าสมองมีความผิดปกติ คลื่นไฟฟ้าสมองก็จะแสดงออกมาหรืออาการชักก็จะเกิดขึ้น
- ให้ผู้เข้ารับการตรวจอดนอนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติว่ามีอาการชักภายหลังจากอดนอน หรือผู้ที่มีอาการชักชัดเจนแต่ตรวจไม่พบความผิดปกติของคลื่นสมองในช่วงตื่น เพราะคลื่นไฟฟ้าสมองที่ผิดปกติ อาจเห็นได้เฉพาะเวลาที่ผู้ป่วยหลับเท่านั้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์โรคระบบประสาท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อาคารบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล คลินิก ชั้น 19 โทรศัพท์ 02-667-2000 โทรสาร 02-667-2525 นัดแพทย์ 02-667-1555


