posttoday

มาลัย ชูพินิจ

16 เมษายน 2560

มาลัย ชูพินิจ เป็นนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์คนสำคัญของไทย นิยมเรียกกันทั่วไปว่า ครูมาลัย

โดย...พริบพันดาว

มาลัย ชูพินิจ เป็นนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์คนสำคัญของไทย นิยมเรียกกันทั่วไปว่า ครูมาลัย ใช้นามปากกา แม่อนงค์ น้อย อินทนนท์ นายฉันทนา เป็นต้น

 ผลงานทุกประเภทของมาลัย ชูพินิจ ได้รับการยอมรับนับถือจากทุกวงการ เกียรติยศก่อนเสียชีวิต คือการได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2505

 ในหนังสือ “ในโลกวรรณกรรมของ มาลัย ชูพินิจ วาระครบรอบ 100 ปี” ได้เขียนถึง มาลัย ชูพินิจ อย่างละเอียดรวบรัดว่า หนึ่งศตวรรษของการเป็นนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพราะต่างก็ต้องเขียนหนังสือเหมือนกัน นักหนังสือพิมพ์ต่างกับนักเขียนโดยเขียนบทความและวิเคราะห์ด้วยข้อเท็จจริง ขณะที่นักเขียนใช้จินตนาการมากกว่า

มาลัย ชูพินิจ

 แต่อย่างไรก็ตาม มาลัย ชูพินิจ ได้นำสองอย่างมาประยุกต์ด้วยกันอย่างไม่มีใครเหมือน สะท้อนให้เห็นได้จากข้อเขียนของมาลัย ที่ใช้ภาษาได้อย่างสละสลวยอย่างนักเขียน แต่เนื้อเรื่องและเค้าโครงได้มาจากข้อเท็จจริงจากวิญญาณนักหนังสือพิมพ์ ทำให้ข้อเขียนของมาลัยแต่ละเรื่องมักสะท้อนความเป็นจริง ไม่ใช่เพ้อฝันเพียงอย่างเดียว จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม มาลัย ชูพินิจ สามารถเขียนเรื่องราวได้หลากหลายและมีข้อเขียนเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่ไม่มีใครเหมือน

 ดั่งที่ สด กูรมะโรหิต นักเขียนนามอุโฆษในยุคนั้นได้กล่าวไว้ว่า

“มาลัย ชูพินิจ สามารถจะเขียนหนังสือได้ทั้งฉบับ โดยไม่ต้องอาศัยผู้อื่น นับว่ามีอัจฉริยภาพที่น้อยคนจะทำได้ดีเหมือน”

มาลัย ชูพินิจ

เมื่อหยิบวิทยานิพนธ์ “แนวคิดด้านการเมืองและสังคมกับลักษณะความเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่สะท้อนจากงานเขียนของมาลัย ชูพินิจ” ของ ชนิตร์นัยน์ ณ บางช้าง ที่ศึกษาแนวคิดด้านการเมืองและสังคมของมาลัย ชูพินิจ นักหนังสือพิมพ์คนหนึ่งของเมืองไทยที่อยู่ในยุคเผด็จการทหาร รวมทั้งศึกษาปัจจัยที่ทำให้มาลัย ชูพินิจ มีคุณลักษณะนักหนังสือพิมพ์เช่นนั้น

 ผลการวิจัยพบว่า มาลัย ชูพินิจ เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีแนวคิดด้านการเมืองในการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเน้นเสรีภาพของคนในสังคมที่ไม่ขัดต่อเสรีภาพของผู้อื่น ในยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ 2475 และยุคเผด็จการทหารจอมพล ป.พิบูลสงคราม และจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

ในช่วงเวลาต่อมาในยุคดังกล่าวนี้มาลัยเน้นเสรีภาพและประชาธิปไตย แต่เมื่อไม่สามารถเป็นประชาธิปไตยได้เต็มที่ มาลัยก็เน้นการทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองเป็นสำคัญ โดยใช้แนวคิดด้านสังคมที่เน้นให้คนอยู่ร่วมกันอย่างเป็นปกติสุข อันได้แก่ ความมีน้ำใจ ความอดทน ความซื่อสัตย์สุจริต ความยืดหยุ่น เป็นต้น อีกทั้งชี้แนะให้คนได้รู้รักษาสิ่งแวดล้อมและเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ซึ่งออกมาในรูปการอนุรักษ์ธรรมชาติ

มาลัย ชูพินิจ

 สำหรับปัจจัยที่มีผลหล่อหลอมความคิดของมาลัย ชูพินิจ ให้เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ยึดมั่นอุดมการณ์และไม่ยอมขายอุดมการณ์ให้ใคร แม้จะถูกบีบคั้นใดๆ มาลัยก็จะหาทางออกโดยหลีกเลี่ยงหรือหลีกหนีไปชั่วคราว จะไม่ทนอยู่ท่ามกลางการถูกบีบคั้นแนวคิดทางการเมืองและสังคม

 ดังเห็นได้ชัดจากการลาออกจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่เขาไม่สามารถจะสนองตอบนโยบายอันไม่ถูกต้องหรือไปขัดผลประโยชน์ของนายทุน โดยการไปทำไร่ถั่วเหลืองที่หัวหิน การทำสวนมะพร้าวที่พนังตักชุมพร

 ปัจจัยที่มีผลต่อแนวคิดของมาลัยนั้น ได้แก่ มิตรสหายและสภาพแวดล้อม สถานการณ์ทางการเมืองและสังคม อิทธิพลแนวคิดจากหนังสือและข้อเขียนต่างประเทศ การดำเนินชีวิตและครอบครัว การศึกษาและประสบการณ์ อุปนิสัยส่วนตัว ซึ่งอุปนิสัยส่วนตัวของเขาเป็นพื้นฐานสำคัญที่เกิดปัจจัยอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะความยืดหยุ่น ความรักเพื่อน ความใจเย็น ความซื่อสัตย์สุจริต เหล่านี้ทำให้มาลัย ชูพินิจ เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีอุดมการณ์และจรรยาบรรณ

มาลัย ชูพินิจ

 ผลงานที่มีชื่อเสียงของมาลัย ชูพินิจ มีดังนี้ ชั่วฟ้าดินสลาย ทุ่งมหาราช แผ่นดินของเรา เมืองนิมิตร ล่องไพร ฯลฯ ชีวิตของมาลัย ชูพินิจ เป็นวิถีชีวิตการทำงานอย่างแท้จริง และได้เคยกล่าวถึงตัวเองไว้ว่า

 “นักเขียนเล็กๆ คนหนึ่ง ซึ่งทั้งเนื้อทั้งตัวมีสมบัติติดกายอยู่ชิ้นเดียว คืองาน 12-18 ชั่วโมง ในหนึ่งวัน 7 วัน ในหนึ่งสัปดาห์ และ 52 สัปดาห์ ในหนึ่งปี ทำนองเดียวกับข้าพเจ้าเริ่มต้นเมื่อ 20 ปีมาแล้ว”

ประสบการณ์การทำงานและการต่อสู้ชีวิตด้วยความอดทนเข้มแข็ง และเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ของ มาลัย ชูพินิจ มักแสดงออกในงานเขียนเสมอ เช่น ชีวิตคือการต่อสู้ ชีวิตที่มีคุณค่าคือชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งถือเป็นหลักในการครองชีวิตของนักประพันธ์ผู้นี้

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"