posttoday

มหัศจรรย์แห่งธรรม มหัศจรรย์แห่งชีวิตแม่ชี 'ศันสนีย์ เสถียรสุต'

14 ธันวาคม 2552

โดย...ธัชอร คุณธรรม

โดย...ธัชอร คุณธรรม

ชีวิตเป็นเรื่องมหัศจรรย์ หากแต่ชีวิตที่ตั้งอยู่บนทางสายธรรมย่อมมหัศจรรย์กว่า เพราะเป็นชีวิตที่ไม่ได้มีอยู่เพื่อตนเองหรือแค่คนรอบข้างที่รักเท่านั้น แต่เป็นชีวิตที่มีอยู่เพื่อสังคมส่วนรวม เพื่อพุทธศาสนิกชน เพื่อชี้แนะแนวทางในการรู้เท่าทันทุกข์แก่ทุกคน ดังเช่นชีวิตของ “แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต”

ปฐมบทของชีวิต

แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต นามสกุลเดิม คือ “ปัญญศิริ” เป็นชาวบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา มีชื่อเล่นว่า “ตุ๊กตา” เป็นลูกสาวคนเล็กของพี่น้องจำนวน 2 คน เติบโตมาท่ามกลางญาติพี่น้องที่เป็นหญิงล้วน 5 คน

มหัศจรรย์แห่งธรรม มหัศจรรย์แห่งชีวิตแม่ชี 'ศันสนีย์ เสถียรสุต' แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

พออายุได้ 15 ปี ชีวิตก็มาถึงจุดเปลี่ยนเพราะสูญเสียมารดา ทำให้เธอตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนต่อระดับปริญญาตรีและได้เข้าสู่วงการนางแบบ เธอได้เป็นรองมิสออด๊าซควบคู่กับรางวัลนางงามบุคลิกภาพ เธอโลดแล่นเป็นดาวเด่นของสังคมจนได้พบรักกับหนุ่มใหญ่ เสถียร เสถียรสุต มหาเศรษฐีเจ้าของเพลินจิตอาเขต ซึ่งเป็นรักแรกและรักเดียวของน.ส.ศันสนีย์ แต่ความรักครั้งนี้กลับไม่สมหวัง เมื่อรู้ว่าฝ่ายชายที่รักมีครอบครัวอยู่แล้ว ความสุขปนทุกข์นี้ทำให้น.ส.ศันสนีย์ ตัดสินใจลาบวช ยุติความสัมพันธ์ ละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังเพื่อก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางธรรม

ในร่มธรรมนำทางชีวิตใหม่ แม่ชีเป็นลูกศิษย์หลายสำนักและมีครูบาอาจารย์ดังๆ หลายท่านชี้แนะ อาทิ พระครูภาวนาภิธาน แห่งวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ที่เป็นผู้ปูทางจนเกิดเสถียรธรรมสถานในปัจจุบัน, พระอาจารย์โพธิ์ เจ้าอาวาสแห่งสวนโมกขพลาราม, หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ, หลวงพ่อพุทธทาส, อุบาสิการัญจวน อินทรกำแหง, ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระธรรมปิฎก (ปัจจุบันได้แก่พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ. ปยุตฺโต) และมีกัลยาณมิตรทางธรรม ระดับผู้นำประเทศและผู้นำศาสนาจากทิเบต “องค์ดาไลลามะที่ 14” รวมไปถึงท่าน ติช นัท ฮันห์ พระชาวเวียดนาม

ภารกิจธรรม

ตลอดระยะกว่า 25 ปี แม่ชีศันสนีย์ได้ปฏิบัติภารกิจธรรมอันยิ่งใหญ่ที่กลายเป็นผลงานโดดเด่นทำให้ชื่อของแม่ชีเป็นที่รู้จักกันดี คือ การสร้าง “เสถียรธรรมสถาน” สถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งแต่ละปีมีผู้สนใจเข้าฟังธรรมหลายพันคน และ “บ้านสายสัมพันธ์” บ้านแห่งชีวิตใหม่ของผู้หญิงที่ประสบปัญหาชีวิตตั้งครรภ์ขณะยังไม่พร้อม

“เสถียรธรรมสถานเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่มีธรรมะเป็นหยดน้ำ ทำให้ชีวิตงอกงามได้ เมื่อใดก็ตามที่มีธรรมะ เมื่อนั้นชีวิตก็งอกงามได้ เช่นเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่มีหยดน้ำ เมื่อนั้นชีวิตก็ปรากฏขึ้นได้” แม่ชีศันสนีย์ กล่าว

แม่ชียังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในฐานะตัวแทนนำเสียงผู้หญิงไปสู่เวทีโลก โดยท่านเคยร่วมประชุมในงานผู้นำสตรีทางศาสนาและจิตวิญญาณเพื่อสันติภาพโลก ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2545 ทำให้แม่ชีได้พบเจอกับ วิคตอเรีย โฮลท์ สื่อมวลชนชาวอังกฤษที่ประทับใจในคำพูดที่แฝงแง่คิดทางธรรมของแม่ชีเป็นผลให้สนใจธรรมะอย่างจริงจังและนำเรื่องราวของแม่ชีไปเผยแพร่ในรูปแบบภาพยนตร์สารคดีเรื่อง A Walk of Wisdom อีกด้วย

ในวิถีแห่งธรรม แม่ชีเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทในการเผยแผ่ธรรมะให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ผู้คน

“ท่ามกลางความบีบรัดการใช้ชีวิตในสังคมที่สลับซับซ้อนมากขึ้นทุกที ให้ธรรมะนำหน้า แล้วแม่ก็จะเป็นตัวตนเล็กๆ เหมือนเดิม คนจะรู้จักแม่มาก ก็เพราะแม่ทำงานมาก แต่ตัวตนแม่ต้องเล็กลงนะ แล้วงานจะยิ่งใหญ่ นั่นคือเป้าหมาย และคือการอุทิศชีวิตของแม่” แม่ชีศันสนีย์ กล่าว

รางวัลแห่งเสียงอันศักดิ์สิทธิ์

ในปี 2548 แม่ชีศันสนีย์ได้รับรางวัล Spiritual Leadership Award จาก The Living Wellness Foundation ที่เมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งรางวัลนี้เป็นรางวัลที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อประกาศให้โลกได้รับรู้ถึงการทำงานด้านการพัฒนาจิตใจของผู้นำจิตวิญญาณและสันติภาพโลก โดยมีนัยเพื่อวิงวอนให้ชาวโลกหันมาสนับสนุนการก้าวย่างเดินทางถักทอสันติภาพของโลกร่วมกัน พร้อมทั้งมีเป้าประสงค์ที่จะหาทุนเพื่อสนับสนุนการทำงานของผู้ที่ได้รับรางวัล

“ข้าพเจ้าเชื่อว่า ถ้าเราเชื่อในกฎของกรรม เชื่อในกฎของธรรมชาติ ว่าทำอะไรได้อย่างนั้น รางวัลของการทำงานจริงๆ ก็ย่อมจะเป็นความสุขที่ได้จากการทำงาน ส่วนการได้รับรางวัลที่ผู้อื่นมอบให้ก็เป็นเหตุปัจจัยที่ควรอนุโมทนาในการทำงานอย่างมีความสุขของคนแต่ละคน เพราะฉะนั้นการให้รางวัลชีวิต ก็คือการรักษาความสุข สนุกอยู่ในงานของเรา และนั่นก็เท่ากับว่า เราได้รางวัลทุกวันอยู่แล้ว

และด้วยเหตุที่วิถีชีวิตอันจะได้มาซึ่งรางวัลนี้ คือ วิถีชีวิตของชาวพุทธ หน้าที่ของชาวพุทธคือการดูแลจิตใจ ขัดเกลากิเลสในจิตใจของเรา ให้เรารู้ตื่นและเบิกบานในขณะที่ทำหน้าที่ โลกกำลังต้องการวิถีชีวิตเยี่ยงนี้ เพราะปัญหาของโลกนี้นับวันจะทวีขึ้น การเริ่มต้นขัดเกลาตัวเองให้สามารถอยู่กับโลกนี้ได้อย่างสงบเย็นและเป็นประโยชน์ จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน” แม่ชีศันสนีย์ กล่าว

มหัศจรรย์แห่งธรรม

มหัศจรรย์แห่งธรรม มหัศจรรย์แห่งชีวิตแม่ชี 'ศันสนีย์ เสถียรสุต'

แม่ชีศันสนีย์ยังคงเดินหน้าเผยแผ่ธรรมะอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อกลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ได้ให้เกียรติมาบรรยายธรรมะในงาน “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” ที่บริษัท ซีพี ออลล์ ผู้บริหาร 711 จัดขึ้น โดยท่านบรรยายธรรมในหัวข้อ “มหัศจรรย์แห่งธรรม” ซึ่งได้รับความสนใจจากพุทธศาสนิกชนนับร้อยที่ตั้งใจมาฟังและร่วมปฏิบัติธรรม

มหัศจรรย์แห่งธรรมที่แม่ชีกล่าวถึงนั้นเป็นการกล่าวถึงการใช้ชีวิตให้เป็น ใช้ชีวิตอย่างไรให้เป็นสุข ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีอิสระ ใช้ชีวิตอย่างไรให้ปราศจากความทุกข์ โดยแม่ชีศันสนีย์ได้กล่าวไว้ว่า

“ทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น ทุกคนมีชีวิตและชีวิตก็เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา มันเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์และเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้ชีวิตของเรามีความก้าวหน้าและเข้มแข็งขึ้น ปัญหาทุกปัญหาในชีวิตทำให้เราเติบโตได้ในวันนี้ เราจะต้องมาเรียนรู้เรื่องของการตามดูความคิดในจิตใจของเรา ที่มีความพร้อมในการที่จะเผชิญกับสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ แต่เราสามารถมีชีวิตที่ไม่ทุกข์ได้กับสิ่งนั้น” แม่ชีศันสนีย์ กล่าว

การใช้ชีวิตให้อยู่ในโลกนี้ได้อย่างไม่เป็นทุกข์ ถ้ามีชีวิตแล้วใช้ชีวิตเป็นก็จะปราศจากความทุกข์ ชีวิตของเราก็จะศักดิ์สิทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์นั้น หมายถึง สิ่งนั้นถ้ามีแล้วใช้ เช่น ธรรมะ เมื่อมีธรรมะในจิตใจแล้วนำธรรมะไปใช้จริงปฏิบัติจริงก็จะไม่ทุกข์ ทุกข์ที่มีให้เห็นแต่ถ้าไม่คลุกคลีก็จะไม่ทุกข์ ถ้ามีปัจจุบันขณะที่รู้ทันทุกข์ก็จะมีอิสระจากความทุกข์ ถ้าปฏิบัติจริงก็จะเห็นผลจริงแล้วก็จะรู้ทันทุกข์ ปุถุชนทั่วไปที่ไม่รู้ทันทุกข์จะเกิดการ “กระทบ กระเทือน กระแทก”

“เราสามารถกระทบได้แต่จะต้องไม่กระเทือน ชีวิตถ้ามีเรื่องราวเข้ามากระทบชีวิตก็จะแกร่งขึ้น แข็งแรงขึ้น และจะช่วยทำให้มีชีวิตบนโลกได้ง่ายขึ้น โลก คือ ปัจจุบันที่กำลังเรียนรู้ ผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น และกาย แต่กับใจนั้นเมื่อใจสัมผัสกับอารมณ์ ถ้าหลงอารมณ์ก็คือหลงโลก ถ้าเข้าใจอารมณ์ก็คือเข้าใจโลก ให้กระทบได้แต่จะต้องไม่กระเทือนและจะไม่กระแทก”

แม่ชีบอกว่าความมหัศจรรย์แห่งธรรมก็คือการรู้ทันความทุกข์ ซึ่งถ้าใครทำได้ก็จะเข้าใจตัวเองและเข้าใจผู้อื่น อยู่ในสังคมโลกได้อย่างเข้าใจความจริง ถ้าเกิดเรื่องแล้วเรื่องจบแต่ตัวเราไม่จบก็จะจมอยู่กับความทุกข์และคร่ำครวญกับความทุกข์ ชีวิตก็จะไม่ประเสริฐ ชีวิตจะไม่มีมหัศจรรย์แห่งธรรม

“เราต้องอยู่กับโลกอย่างเป็นอริยชน คือ ชนที่ประเสริฐ ไม่ว่าโลกจะอยู่อย่างไร เราต้องเข้าใจโลกแต่ไม่เป็นทุกข์ ชีวิตของเราจะน่ามหัศจรรย์มาก ถ้ากระทบแล้วไม่กระเทือน จิตใจก็จะสงบ ร่มเย็นและเป็นสุข”

แม่ชีศันสนีย์ได้กล่าวทิ้งท้ายให้ข้อคิดว่า มนุษย์ทุกคนจะต้องมีเป้าหมายของชีวิต ชาวพุทธเรามีนิพพานเป็นเป้าหมาย มีอริยมรรคเป็นหนทาง ถ้าเดินอยู่บนหนทางก็จะพบกับความ “มหัศจรรย์ของชีวิต”

ข่าวล่าสุด

Yindii เปลี่ยนอาหารขายไม่หมด หมุนรายได้คืนธุรกิจ 78 ล้านบาท