posttoday

ไปขอโทษโยมเดี๋ยวนี้

26 มีนาคม 2560

คนเราเมื่อจิตเป็นอกุศลก็คิดจะทำแต่เรื่องชั่วๆ พูดแต่เรื่องชั่วๆ หรือเรื่องอกุศล นั่นเอง เหมือนเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้

โดย...อารยชล

คนเราเมื่อจิตเป็นอกุศลก็คิดจะทำแต่เรื่องชั่วๆ พูดแต่เรื่องชั่วๆ หรือเรื่องอกุศล นั่นเอง เหมือนเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้

ย้อนไปสมัยพระพุทธเจ้า มีเศรษฐีท่านหนึ่งชื่อ “จิตตคหบดี” เป็นชาวเมืองมัจฉิกาสัณฑะ แคว้นมคธ พ่อเป็นเศรษฐี พอพ่อเสียชีวิตก็สืบทอดตำแหน่งเศรษฐีแทน

ก่อนมานับถือศาสนาพุทธท่านได้พบกับพระมหานามะ (หนึ่งในพระปัญจวัคคีย์) แล้วเกิดประทับใจเลื่อมใสศรัทธาในความสำรวมของพระเถระ จึงนิมนต์ไปฉันที่คฤหาสน์ของตนพร้อมสร้างวัดอัมพาฏการามถวายและนิมนต์ให้อยู่ประจำอีกด้วย

พอได้คบกับพระดีความเป็นคนดีก็ฉายออกมา

พระมหานามะได้แสดงธรรมให้คหบดีฟังอยู่เสมอจนวันหนึ่งก็ได้บรรลุอนาคามิผล หลังจากนั้นก็เอาใจใส่พิจารณาธรรมอยู่เนืองๆ จนแตกฉานมีความสามารถในการอธิบายธรรมได้ดีและลึกซึ้ง ซึ่งในเวลาต่อมาคหบดีได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นยอดอุบาสกธรรมกถึก แสดงธรรม อธิบายธรรมได้เป็นเลิศ

กิตติศัพท์หนึ่งของจิตตคหบดีที่ใครก็รู้จักดีคือเป็นคนใจบุญ เคยถวายทานสุดประณีตแด่ภิกษุสงฆ์ติดต่อกันนานครึ่งเดือน ทั้งเคยนำน้ำตาล น้ำผึ้ง น้ำอ้อย จำนวน 500 เล่มเกวียนไปถวายพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์

พระมหานามะอยู่วัดอัมพาฏการามอยู่ชั่วเวลาหนึ่งก็จาริกไปที่อื่น จากนั้นก็มีพระมาพำนักอยู่เรื่อยๆ แล้วจาริกไปที่อื่น แต่มีรูปหนึ่งชื่อ “พระสุธรรม” พำนักประจำไม่ได้ไปไหนจนนึกว่าตัวเองเป็น “สมภารวัด” แต่จิตตคหบดีก็อุปถัมภ์บำรุงอย่างดี

สำหรับพระสุธรรมนั้นยังเป็นปุถุชน แต่จิตตคหบดีเป็นพระอนาคามีที่ถือเพศฆราวาส ทว่าก็ยังแสดงความเคารพกราบไหว้พระที่เป็นปุถุชนเพราะเพศบรรพชิตเป็น “ธงชัยพระอรหันต์”

และแล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องจนได้ เมื่อพระอัครสาวกทั้งสอง (พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ) เดินทางผ่านมา คหบดีจึงนิมนต์ให้ทั้งสองท่านพำนักที่อัมพาฏการามและนิมนต์ฉันเช้าที่บ้านท่านด้วย พอนิมนต์อัครสาวกทั้งสองแล้วก็ไปนิมนต์พระสุธรรมในภายหลัง

พระสุธรรมถือตัวว่าเป็น “เจ้าวัด” และคิดว่าคหบดีเป็นโยมอุปัฏฐาก พอเห็นคหบดีให้ความสำคัญแก่พระอัครสาวกมากกว่าตนจึงไม่ยอมรับนิมนต์ แม้จิตตคหบดีจะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่รับ

เอ๊า ไม่รับก็ไม่เป็นไร คหบดีจึงสั่งให้คนตระเตรียมอาหารถวายพระอัครสาวกแต่เช้ามืด แต่พอเช้าๆ หน่อยก่อนที่พระอัครสาวกจะมาถึงบ้านพระสุธรรมก็โผล่หน้าไปถึงก่อนอย่างคนคุ้นเคย ดูโน่นนี่นั่นแล้วพูดขึ้นว่าอาหารที่โยมเตรียมถวายพระพรุ่งนี้ดีทุกอย่าง แต่ขาดอยู่อย่างเดียวที่ไม่ได้เตรียมถวาย

“ขาดอะไร พระคุณเจ้า” จิตตคหบดีถาม

“ขนมแดกงา!!”

“ขนมแดกงา” ถ้าฟังโดยไม่คิดอะไรมากก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร พระสุธรรมอาจคิดว่าในสำรับน่าจะมีขนมชนิดนี้ แต่การไม่เป็นอย่างนั้นพอคหบดีได้ยินก็รู้ว่าพระสุธรรมเหน็บแนมจึงทำทีออกอาการฉุนแรงเพื่อให้สำนึก (เข้าใจว่าขนมแดกงาในที่นี้น่ามีนัยสำคัญบางอย่างที่อาจเป็นปมด้อยของตระกูลที่ไม่อยากให้ใครพูดถึงก็ได้)

ทว่า พระสุธรรมไม่สำนึกแต่กลับโกรธคหบดีหนีจากวัดไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องจึงตำหนิพระสุธรรมแรงๆ และมีบัญชาให้กลับไปขอขมาหรือขอโทษจิตตคหบดี ภาษาพระเรียกถูกลง “ปฏิสารณียกรรม” (ให้ไปสำนึกผิดและขอโทษ)

ท่านจึงไปขอโทษแต่คหบดีไม่ยอมยกโทษให้ กลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าอีก คราวนี้พระพุทธเจ้าทรงให้ภิกษุอีกรูปหนึ่งเป็น “อนุทูต” พาพระสุธรรมไปขอขมาคหบดี แต่ก่อนส่งไปทรงแสดงธรรมให้พระสุธรรมฟังจนท่านบรรลุพระอรหัต หลังจากนั้นจึงเดินทางไปกับพระอนุทูตเพื่อขอขมาจิตตคหบดี คราวนี้คหบดียกโทษให้

อ้าว...ส่วนใครจะไปขมาใครก็ไปนะ อาตมาไม่เกี่ยว!!

ข่าวล่าสุด

แข้งไทยช็อก! นำ 2 ตุง กลับพลิกแพ้ เวียดนาม 2-3 แค่รองแชมป์ซีเกมส์