กฎใหม่พรีเมียร์ลีก...พัฒนาหรือทำลาย?
ลีกสูงสุดของเมือง ผู้ดีปีนี้มีกฎใหม่เพิ่มเข้ามา โดยจะใช้ในเกมพรีเมียร์ลีกเท่านั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจึงมีทั้งฝ่าย "เห็นด้วย" และ "ไม่เห็นด้วย"....
ลีกสูงสุดของเมือง ผู้ดีปีนี้มีกฎใหม่เพิ่มเข้ามา โดยจะใช้ในเกมพรีเมียร์ลีกเท่านั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจึงมีทั้งฝ่าย "เห็นด้วย" และ "ไม่เห็นด้วย"....
โดย...กิตติศักดิ์ โมฆรัตน์
ตลาดซื้อขายนักเตะรอบแรกวายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อสิ้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ดูจะเงียบกว่าปีก่อนๆ โดยยอดเงินช็อปแข้งเสริมทัพต่ำสุดในรอบ 4 ปีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ การคว้านักเตะใหม่เข้าสู่ทีมก่อนเปิดฤดูกาล แต่ละสโมสรต้องพิจารณามากขึ้นกว่าเดิม เพราะลีกสูงสุดของเมือง ผู้ดีปีนี้มีกฎใหม่เพิ่มเข้ามา โดยจะใช้ในเกมพรีเมียร์ลีกเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับศึกฟุตบอลถ้วยต่างๆ ซึ่งขออธิบายโดยคร่าวๆ ดังนี้
- สโมสรสามารถลงทะเบียนผู้เล่นที่จะใช้สำหรับลุยศึกพรีเมียร์ลีกได้ 25 คน โดยในจำนวนนี้จะมีผู้เล่น "โฮมโกรว์น" อย่างน้อย 8 คน
- ผู้เล่นโฮมโกรว์นคืออะไร? ผู้เล่นโฮมโกรว์นก็คือผู้เล่นท้องถิ่น แต่ไม่เจาะจงว่าต้องเป็นชาวอังกฤษเท่านั้น โดยเป็นนักเตะสัญชาติใดก็ได้ แต่ต้องได้ฝึกซ้อมกับสโมสรที่ได้รับการรับรองโดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือสมาคมฟุตบอลเวลส์อย่างน้อย 36 เดือนหรือ 3 ปีก่อนจะอายุครบ 21 ปี ตัวอย่างเช่น เชส ฟาเบรกาส ที่เป็นชาวสเปน แต่ว่ามาอยู่กับอาร์เซนอลตั้งแต่อายุ 15 จึงนับเป็นหนึ่งในนักเตะโฮมโกรว์นของทีมปืนใหญ่
- สโมสรสามารถส่งผู้เล่นอายุไม่เกิน 21 ปีลงสนามได้โดยไม่มีข้อจำกัดและไม่จำเป็นต้องอยู่ในรายชื่อ 25 คนดังกล่าว เช่น เหล่าดาวรุ่งของแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็น คู่แฝดดาซิลวา, เฟเดริโก มาเคดา เป็นต้น
- ทีมไม่จำเป็นต้องมีแข้งโฮมโกรว์น ครบ 8 คน แต่หากมีไม่ครบ รายชื่อที่ นักเตะสามารถลงทะเบียนได้ก็จะลดลง เพราะแต่ละทีมจะมีผู้เล่นที่ไม่ใช่แข้งโฮมโกรว์นได้ไม่เกิน 17 คน ยกตัวอย่าง เชลซี ซึ่งมีผู้เล่นโฮมโกรว์นแค่ 4 คน (จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, แฟรงก์ แลมพาร์ด และรอสส์ เทิร์นบูล) บวกกับผู้เล่นที่ไม่ใช่โฮมโกรว์น 17 คน รวมรายชื่อทั้งหมดเป็น 21 คน ซึ่งนั่นหมายถึงจำนวนผู้เล่นที่น้อยกว่าทีมที่ส่งชื่อครบ 25 คน
พรีเมียร์ลีกนำกฎนี้มาใช้โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการให้แต่ละสโมสรมีการปั้นนักเตะขึ้นมาเอง แทนที่จะไปทุ่มเงินซื้อนักเตะ รวมทั้งเปิดโอกาสให้แข้งดาวรุ่งได้ลงสนามมากขึ้น ซึ่งกฎดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการซื้อ-ขายนักเตะในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลที่ผ่านมา
ตัวอย่างเช่น ลิเวอร์พูล ที่มี ดีเอโก คาวาเลียรี นายทวารชาวแซมบาเป็น ผู้รักษาประตูสำรองอยู่แล้ว แต่ยังไปคว้า แบรด โจนส์ มาจากมิดเดิลสโบรช์ เพราะว่านายด่านวัย 28 ปีรายนี้มีคุณสมบัติเป็นแข้งโฮมโกรว์น แต่คาวาเลียรีนั้นไม่ใช่ จึง ถูกปล่อยให้ไปเฝ้าเสากับเซเซนา ในศึก เซเรีย อา อิตาลี
ขณะที่ แมนฯ ซิตี ไร้ปัญหาเรื่องแข้งโฮมโกรว์น แต่การซื้อนักเตะมาเยอะแยะมากมาย ทำให้เกิดปัญหาทีมมีขนาดใหญ่เกินไป จนต้องปล่อยผู้เล่นรวมแล้วนับ 10 ราย มีทั้งขายขาดและให้ทีมอื่นยืมไปใช้งาน เนื่องจากพรีเมียร์ลีกกำหนดรายชื่อลงทะเบียนได้แค่ 25 คน
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาของกฎ ที่จะต้องมีฝ่ายที่ "เห็นด้วย" และ "ไม่เห็นด้วย"
เวย์น รูนีย์ กองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชูมือสนับสนุนกฎดังกล่าวอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู หลังจากที่เขาเคยได้รับโอกาสจากอะคาเดมีของเอฟเวอร์ตัน ก่อนจะกลายมาเป็นหัวหอกหมายเลข 1 ของเมืองผู้ดีในทุกวันนี้
"ผมคิดว่ากฎใหม่นี้มีความสำคัญมาก ในฐานะที่ตัวผมเองมาจากอะคาเดมีของสโมสร ผมอยากเห็นผู้เล่นดาวรุ่งก้าวขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ เพราะพวกเขาจะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตของทีมชาติอังกฤษและพรีเมียร์ลีก สำหรับตัวผมแล้ว ผมรับได้กับกฎนี้ เพราะมันจะช่วยให้ลีกมีความน่าสนใจขึ้น โดยเฉพาะในตลาดซื้อขายนักเตะ"
ขณะเดียวกัน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซนอล และ แฮร์รี เรดแนปป์ นายใหญ่สเปอร์ส กลับมองตรงกันข้าม โดยเชื่อว่านักเตะดาวรุ่งจะพลาดการได้เรียนรู้ทักษะจากนักเตะชั้นยอด และไม่เกี่ยวกับการปิดกั้นโอกาสของแข้งดาวรุ่ง เพราะถ้าฝีเท้าดีจริง อย่างไรก็ต้องสอดแทรกลงสนามได้อยู่แล้ว
"กฎใหม่จะสร้างหายนะให้กับประเทศนี้เลยนะ มันน่าตลกสิ้นดี ในความคิดของผม ถ้าคุณเป็นนักเตะฝีเท้าดี คุณก็ต้องอยากเล่นร่วมกับผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม ถ้าคุณเป็นนักดนตรีที่ฝีมือดี คุณย่อมอยากเล่นกับวงออร์เคสตราที่เต็มไปด้วยนักดนตรีที่ สุดยอดเช่นกัน มันยากที่จะเข้าใจว่าพรีเมียร์ลีกคิดอะไรอยู่ เพราะแทนที่คุณจะถามว่า เราจะทำให้ลีกนั้นยอดเยี่ยมขึ้นได้อย่างไร แต่คุณกลับทำให้ลีกมันเล็กลงเสียอย่างนั้น" เวนเกอร์ กล่าว


