เอ็มม่า สโตน จากเด็กสาวไร้เดียงสา สู่ดาราแนวหน้าของวงการ
เอ็มม่า สโตน กับบทบาทที่ไม่ต่างจากชีวิตไล่หาความสำเร็จในฮอลลีวู้ด ในภาพยนตร์เรื่องใหม่ LA LA LAND
เอ็มม่า สโตน กับบทบาทที่ไม่ต่างจากชีวิตไล่หาความสำเร็จในฮอลลีวู้ด ในภาพยนตร์เรื่องใหม่ LA LA LAND
นักแสดงสาวที่มาพร้อมกับความน่ารักและความสามารถ ผู้เคยถูกเสนอเข้าชิงราววัลออสการ์ เอ็มม่า สโตน มารับบทนักแสดงสาวไล่หาความสำเร็จในฮอลลีวู้ด ใน LA LA LAND ภาพยนตร์เรื่องใหม่ การกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งที่สามสวย “ไรอัน กอสลิ่ง”และ “เอมม่า สโตน” การันตีคุณภาพโดย “ดาเมี่ยน ชาเซลล์” ผู้กำกับหนุ่มไฟแรงจากภาพยนตร์ 3 รางวัลออสการ์ Whiplash ครั้งนี้เขากลับมากับภาพยนตร์เพลงเรื่องใหม่ที่ทำให้จังหวะของเพลงก้องกังวาลเข้าไปในหัวใจของทุกคน
เรื่องราวของ เซบาสเตียน (ไรอัน กอสลิ่ง) หนุ่มนักเปียโนแจ๊ซที่ได้มีโอกาสพบรักกับ มีอา (เอ็มมา สโตน) นักแสดงสาวดาวรุ่ง แต่แล้วพวกเขาทั้งคู่กลับพบว่า ... การตั้งใจในการทำงานเพื่อไล่ตามความฝันของแต่ละฝ่าย ดูจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์เริ่มระหองระแหง และต่างฝ่ายต่างประคับประคองความรักของทั้งคู่เพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคให้จงได้
หนังออกมาเหมือนอย่างที่คุณคาดหวังไหม?
มันดีออกมาดีกว่าที่ฉันคิดไว้อีก ฉันว่าดาเมียนได้สร้างบางอย่างที่ไม่ได้ธรรมดาออกมา เขารู้ตัวว่าเขาทำอะไรอยู่ มันเยี่ยมมากที่ได้เห็นการทำงานของเขา
คุณเล่นเป็นใครในหนังเรื่องนี้ ?
ฉันเล่นเป็น มีอา สาวน้อยบาริสต้าที่ฝันอยากเป็นนักแสดง เธอถูกขับเคลื่อนด้วยบางอย่างที่เธอเองก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำเธอต้องการเป็นศิลปินในเมืองที่คนอื่นก็ต้องการเป็นแบบเธอเหมือนกัน เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างพิเศษในตัวเธอ แต่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันเข้าความรู้สึกเธอ การเป็นนักแสดงที่ต้องไปออดิชั่นครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากกว่านั้นคือฉันยังได้พาเธอเข้าสู่โลกแห่งเสียงเพลง ที่ที่คุณเดินไปตามถนนพร้อมร้องเพลงไปด้วย นั่นเป็นการท้าทายที่น่าสนุกมาก
ดูเหมือน มีอา จะคล้ายกับคุณพอสมควรนะ ?
แน่นอนค่ะ ฉันย่อมเข้าใจว่าการย้ายมา แอล.เอ.ไปออดิชั่นแล้วถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า มันเป็นยังไง การที่ทุ่มไปสุดตัว แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ฉันเลยว่าฉันเหมือนเธอในหลายๆ เรื่อง ฉันยังยกย่องเธอด้วยในด้านที่เธอสร้างงานขึ้นมาเองไม่ต้องขอให้ใครมาอนุญาติให้เธอทำอะไร ฉันไม่เคยเขียนอะไรให้ฉันเล่นเอง แล้วออกไปแสดงให้ใครดูเลย ฉันคิดว่ามันเจ๋งมาก ที่เธอเป็นนักเขียนด้วย
คุณจำความรู้สึกแรกตอนอ่านบทได้ไหม ?
ตอนฉันเจอ เดเมี่ยน ครั้งแรก เราไปกินมื้อเที่ยงกัน แล้วเราก็คุยกันเรื่องหนัง หลังจากนั้นเขาให้บทฉันมาอ่านฉันอ่านมันจนจบ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่งดงามมากตอนจบทำฉันน้ำตาไหลเลย ฉันว่าคนดูคงอินกับฉากจบมากแต่ฉันไม่บอกคุณหรอกว่ามันเป็นยังไง แต่สิ่งที่ ดาเมียน อธิบายไว้ในบท มันสมบูรณ์แบบกว่านั้นเสียอีก มันช่างงดงามเหมือนบทกวี คุณจะเข้าใจเมื่อได้ดู มันยิ่งใหญ่กว่าความรักในชีวิตจริงมากเพราะความรักจริงๆ มันยุ่งเหยิง ยากลำบาก ก็มนุษย์อ่ะนะจริงๆ ฉันอยากให้คนดูอ่านบทพร้อมดูหนังไปด้วย
แต่มันก็มีบางช่วงในบทที่เขียนว่า โอเค “เดี๋ยวตรงนี้เราจะบินขึ้นไปบนฟ้า” แล้วยังมีการออดิชั่นของฉันอีกการออดิชั่นของ มีอา ตามบทเขียนประมาณว่า“มีอาร้องเพลง เธอช่างเจิดจรัส”และนั่นคือทั้งหมดที่บรรยายไว้ ฉันก็แบบว่า “คุณอยากให้ฉันทำอะไรกันแน่?” “คุณคาดหวังอะไรกับคำว่า เจิดจรัส”แล้วเขาก็อธิบายภาพทั้งหมดให้ฉัน เปิดเพลงให้ฟัง เราคุยกันต่ออีกยาวเหมือนเขาอ่านพินัยกรรมให้ฉันฟังเลย ดาเมียน มีภาพในหัวชัดเจนมาก
มันยากไหม ?
ยากซิ มันเป็นบทบาทที่ท้าทายที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพของฉัน ฉันต้องแสดงเป็นตัวละครที่ยึดติดกับเป้าหมายในชีวิตและความรู้สึกของตัวเอง แต่ยังต้องหลุดเข้าไปในบทเพลงแห่งจินตนาการได้ทันทีที่ต้องการ เพื่อให้ผสานสองสิ่งนี้ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว ฉันต้องอาศัยทักษะนักแสดงบรอดเวย์เหมือนตอนที่รับบทเป็น แซลลี่ โบวเลส ใน Cabaret มาตีความใหม่
แล้วคุณต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง ?
ฉันฝึกเต้นเยอะมาก ฝึกร้องเพลงเยอะมาก เรียนตัวต่อตัวกับครู ไปบ้านที่ปรึกษาด้านดนตรีของเรื่อง เขามีสตูดิโออยู่ในบ้าน อัดเพลงเตรียมไว้ แต่ส่วนใหญ่ในเรื่องฉันร้องสด นักแสดงต้องร้องสดในฉาก เพื่อที่สื่ออารมณ์ให้สมจริง ณ ขณะนั้น มันยากมาก แต่ฉันคิดว่านี่เป็นวิธีที่เหมาะสมสุดแล้ว ฉันเพิ่งแสดง Cabaret จบ ฉันได้เห็นว่าการแสดงสดนั่นเพิ่มอะไรบางอย่างลงไป ไม่ว่าคุณจะเสียงหาย หรือร้องเพี้ยนไปหน่อยก็ตาม มันคือสิ่งที่แทนกันไม่ได้ที่เพิ่มรสชาติให้ผลงาน
แล้วฉันยังต้องดูหนังเพลงคลาสสิคอีกหลายเรื่อง Singing in the rain คือเรื่องแรกที่ฉันได้ดู ประมาณ 1 เดือนก่อนการซ้อม ฉันดูอีกรอบ มันสร้างแรงบันดาลใจได้มากทีเดียวแล้วคุณก็ตระหนักได้ว่า ฉากเต้นทั้งหลายนั้นถ่ายกันแค่เทคเดียวซึ่งนั่นแปลว่าพวกเขาทำงานกันหนักขนาดไหน ฉันก็แบบ “เอาล่ะ ฟังนะพวก งานนี้หนักแน่”“แต่เอาหนะ เห็นมั้ยว่าพวกเขาทำอะไร” “ก็แค่ โดนัลด์ โอคอนเนอร์ ร้อง Make ‘Em Laugh เอง“มันน่าตื่นเต้นมากที่ได้ทำอะไรแบบนี้
ทำงานกับ ไรอัน กอสลิ่ง อีกแล้ว เขาเป็นเพื่อนร่วมงานแบบไหนกัน?
เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่เยี่ยมมาก นั่นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการทำหนังเรื่องนี้คือการได้กลับมาร่วมงานกับ ไรอัน อีกครั้ง เพราะเขาทำให้ทุกอย่างง่ายทำงานกับเขาสนุกทุกครั้ง มันผ่อนคลายและเขายังฉลาดมีไอเดียดีๆ เสริมตัวละคร และเนื้อเรื่องเขาทำให้กระบวนการทั้งหมดดีขึ้น เช่นตอนที่เราต้องเรียนเต้นด้วยกันมันตลกดี เพราะเรารู้จักกันมานานมากมันเลยยากที่ต้องกลั้นขำมั นเป็นประสบการณ์เชื่อมสัมพันธ์ที่ดีมากฉันคิดว่าสำหรับเราทุกคนล้วนรู้สึกเหมือนเป็นทีมใหญ่
ฉัน ไรอัน และ แมนดี้ มัวร์ นักออกแบบท่าเต้น เราเจอหน้ากันเกือบทุกวันตลอด 3 เดือน เราเหมือนมีเป็นฐานๆ ฐานพวกนี้ตั้งอยู่ในโปรดัคชั่นออฟฟิศมันมี ชฐานเต้นที่ประดับด้วยไฟคริสมาสต์ ช มีฐานเปียโนของไรอันที่ซึ่งเขาเรียนเปียโน แล้วก็ห้องแต่งตัว ทุกอย่างอยู่ในที่เดียว
LA LA LAND นครดารา เข้าฉาย 12 มกราคม 2560 (เปิดรอบพิเศษ 29 ธันวาคม 2559)


