posttoday

2 มาดามส์ เลี้ยงลูกด้วยการเดินทาง

31 ธันวาคม 2559

ครอบครัวตัวอย่างด้านการท่องเที่ยว ต้องยกให้ครอบครัว สิมะพิเชฐ ที่ได้แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยวแบบครอบครัวลงในเพจ

โดย...รอนแรม ภาพ... 2Madames.com

ครอบครัวตัวอย่างด้านการท่องเที่ยว ต้องยกให้ครอบครัว สิมะพิเชฐ ที่ได้แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยวแบบครอบครัวลงในเพจ “2Madames.com เที่ยวและไลฟ์สไตส์แบบครอบครัว” และเว็บไซต์ www.2madames.com ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน ได้แก่ พ่ออิน-อินทราวุฒิ แม่แอน-กนกพร สิมะพิเชฐ รวมทั้งน้องเกรซ น้องกาย ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกบ้านกล้าพาลูกออกไปท่องโลก

และนี่คือบทสนทนา “ถาม-ตอบ” ของคุณพ่อคุณแม่ลูกสองที่กล้าพาเจ้าตัวเล็กออกเดินทาง

ความสัมพันธ์ในครอบครัว

แม่แอน : ครอบครัวเรามีฐานะปานกลางที่ต้องทำงาน มีภาระ ไม่ต่างไปจากครอบครัวอื่น แต่มุมที่ต่างออกไปคงเป็นด้านการดำเนินชีวิต

2 มาดามส์   เลี้ยงลูกด้วยการเดินทาง

 

พ่ออิน : อย่างหลายครอบครัวในยุคนี้ที่มีแนวคิดแบบวัตถุดิบ อยากมีบ้านหลังใหญ่ๆ ถึงจะมีความสุข แต่สำหรับเราแล้วสิ่งเหล่านั้นคือสิ่งอำนวยความสะดวกเท่านั้นเอง เพราะไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าครอบครัวที่มีฐานะดีจะมีครอบครัวที่อบอุ่น เราเลยกลับมานั่งทบทวนว่า แท้จริงแล้วความสุขคืออะไร สุดท้ายเราก็รู้ว่าความสุขไม่ได้วัดจากขนาดของบ้าน ราคาของรถยนต์ แต่ความสุขวัดจากความอบอุ่นของบ้านต่างหาก

แม่แอน : เราจึงให้ความสำคัญกับการใช้เวลาร่วมกันมากๆ ผ่านกิจกรรมที่เราชื่นชอบนั่นคือ การท่องเที่ยว เพราะเวลาที่เราได้เดินทางพร้อมๆ กัน พ่อแม่จะได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกันกับลูกๆ และสามีภรรยาอย่างเราจะได้ใช้ความสุขร่วมกันด้วย น้องเกรซ (ลูกสาวคนโต) น้องกาย (ลูกชายคนเล็ก) เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่อย่างใกล้ชิด ซึ่งในมุมของแม่คิดว่าการได้เลี้ยงลูกด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะนอกจากเราจะได้ดูแลลูกทางด้านร่างกายแล้ว เรายังมีโอกาสได้อบรมสั่งสอน ซึ่งแอนคิดว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่จะทำให้ลูกเติบโตมาเป็นคนดีได้

พ่ออิน : สำหรับผมการเลี้ยงลูกต้องจ่ายแพง แต่ว่าไม่ใช่เรื่องค่าใช้จ่าย เพราะสิ่งที่แพงที่สุดคือ เวลา พ่อแม่ต้องให้เวลากับลูกให้มากที่สุด เด็กๆ เข้าใจนะว่าเราไม่ได้ว่างตลอดเวลา แต่สิ่งที่เขาต้องการคือเวลาคุณภาพ ซึ่งเรามีให้เขาในทุกๆ วัน

2 มาดามส์   เลี้ยงลูกด้วยการเดินทาง

 

ทำไมถึงอยากทำเพจ 2Madames

พ่ออิน : ตั้งแต่ผมกับแอนเป็นแฟนกันเราก็ชอบการเดินทาง ผมชอบถ่ายรูป แอนชอบเดินทาง เคยฝันกันไว้ว่าจะเดินทางไปรอบโลก เราสองคนตัดสินใจออกเดินทางด้วยตัวเอง โดยศึกษาข้อมูลจากหนังสือบ้าง จากอินเทอร์เน็ตบ้าง และออกเดินทางจริง หลังจากกลับมาแล้วสิ่งที่เราได้กลับมาด้วยคือ ข้อมูลการเดินทางกับประสบการณ์จริง ซึ่งเราคิดว่า ไม่ควรทิ้งมันไป เราควรนำมาแบ่งปันต่อเพื่อคนที่อยากไปเที่ยวด้วยตนเองบ้าง และอีกส่วนหนึ่งมันยังเป็นการบันทึกความทรงจำที่เหมือนมีไทม์แมชีนย้อนกลับไป

นอกจากนี้ ข้อมูลในเพจและในเว็บไซต์ทูมาดามส์ยังเป็นประโยชน์ให้ผู้อื่น และเป็นแรงบันดาลใจให้ครอบครัวอื่นออกเดินทาง เพราะเราทำให้ดูแล้วว่าการพาเด็กไปเที่ยวไม่ใช่เรื่องยาก และเราก็ดีใจเสมอๆ ที่เห็นหลายครอบครัวเดินทางตามเรา

ข้อดีของการพาลูกเที่ยว

แม่แอน : หลายๆ คนคงมีคำถามอยู่ในใจว่า โลกของเด็กแต่ละคนกว้างเท่ากันจริงหรือเปล่า ซึ่งแอนคิดว่าไม่น่าเท่ากัน เพราะเด็กที่อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ เช่น รั้วบ้าน รั้วโรงเรียน กับเด็กอีกคนที่ได้เดินทางอยู่ตลอดเวลา เด็กที่ได้เจออะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ น่าจะมีโลกที่กว้างกว่าเด็กในวัยเดียวกัน การพาเด็กออกเดินทางจะทำให้เขาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รอบตัว มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มีมากกว่าตำราเรียน อย่างเรื่องหูอื้อบนเครื่องบิน ถ้าไม่เจอกับตัวเอง ถ้าไม่เคยลองเคลียร์หูดูสักครั้งหนึ่ง ก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าเด็กควรทำยังไง และเด็กๆ ยังมีโอกาสได้ฝึกความอดทนด้วย อย่างการรอคิวในสวนสนุกนานๆ เขาจะรู้จักการอดทนรอคอย การเข้าคิว หรือแม้กระทั่งการนั่งเครื่องบิน เด็กทุกคนย่อมเบื่อ แต่เราจะสอนลูกยังไงให้เขาเล่นโดยไม่รบกวนคนอื่น เด็กๆ ก็จะได้ฝึกความอดทนตรงนี้ ซึ่งเราพาน้องเกรซกับน้องกายเดินทางตั้งแต่อายุได้ 1 เดือน

2 มาดามส์   เลี้ยงลูกด้วยการเดินทาง

 

พัฒนาการของลูกเมื่อได้ท่องเที่ยว

พ่ออิน : เราอยากให้ลูกๆ เป็นคนเก่ง แต่เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ความรู้ ไม่สำคัญเท่า ทักษะ อย่างความรู้ที่ร่ำเรียนมาในโรงเรียน ถ้าเด็กไม่ใช้นานๆ ก็ลืม ต่างจากทักษะที่จะอยู่กับตัวเราไปตลอดชีวิต การเดินทางก็คือการสร้างทักษะ เวลาเราเดินทางเราจะได้ฝึกทักษะเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทักษะการเอาตัวรอด ทักษะการหาข้อมูล ที่เห็นชัดคือ การที่เราได้ออกเดินทางไปเจอผู้คนหลากหลาย ทั้งต่างภาษาต่างวัฒนธรรม มันเป็นการฝึกทักษะทางสังคมไปในตัว ซึ่งน้องเกรซน้องกายได้เจอผู้คนเยอะมาก พวกเขาจะมีทักษะทางสังคมสูงกว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน เขาจะเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย และยอมรับความแตกต่างได้เยอะมาก โดยบางทีเราไม่ต้องสอนด้วยซ้ำ

เทคนิคการพาลูกเที่ยว

พ่ออิน : การเที่ยวแบบครอบครัวจะมีลักษณะของตัวเอง อย่างแรกคือ การเที่ยวแบบครอบครัวต้องเผื่อเวลา เพราะบางทีอาจเกิดเหตุการณ์ที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น น้องเข้าห้องน้ำ น้องนอนกลางวัน ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แต่ไปเที่ยวแบบช้าๆ ยืดหยุ่นแผนการเดินทาง ซึ่งเราจะสามารถมีความสุขในแบบของเราเอง

แม่แอน : ส่วนเรื่องเทคนิคการเดินทางมีหลายเรื่องมาก แต่ที่พ่อแม่มักเป็นกังวลน่าจะเป็นเรื่อง เด็กร้องโวยวายบนเครื่องบิน โดยส่วนตัวแอนก็ไม่ชอบหรอกเนอะ ที่ต้องนั่งเครื่องกับเด็กที่ร้องอยู่ตลอด ซึ่งสาเหตุที่เด็กร้องไห้ส่วนใหญ่เป็นเพราะหูอื้อและเคลียร์หูไม่เป็น แถมต้องนั่งอุดอู้ในเก้าอี้โดยสารแคบๆ เป็นเวลานาน คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องงัดสารพัดวิธีมาจัดการ อย่างแอนจะปล่อยให้น้องวิ่งเล่นอยู่หน้าเกต ให้เขาปล่อยพลังกันเต็มที่ พอถึงเวลาขึ้นเครื่องก็จะขึ้นเป็นคนท้ายๆ และก่อนเครื่องบินจะเทกออฟ แอนจะให้ลูกกินนมเพื่อช่วยให้เขาเคลียร์หูไปในตัว

พ่ออิน : เด็กที่เดินทางใหม่ๆ พ่อแม่ควรเล่าเรื่องแผนการเดินทางล่วงหน้าให้น้องฟัง เช่น เดือนหน้าเราจะไปญี่ปุ่น นั่งเครื่องบิน 7 ชั่วโมงนะ ถ้าหนูเบื่อต้องทำแบบนี้ๆ สมมติเหตุการณ์ให้เขาฟัง เพื่อให้เขาเกิดการยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้นเวลาเดินทางจริง

แม่แอน : หรือเรื่องอาหารการกิน พวกเราจะชอบเลือกโรงแรมที่มีครัวเพื่อที่จะได้ทำอาหารไทยให้ลูกกิน และการทำอาหารเองยังเป็นเทคนิคประหยัดเงินในการเดินทางด้วย

พ่ออิน : ส่วนสถานที่ที่จะไปก็สำคัญมากสำหรับลูกมาก อันดับแรกเราต้องเลือกที่ที่เด็กชอบ เช่น สวนสัตว์ สวนสนุก ทำให้เขามีความสุขที่ได้เดินทาง และเมื่อลูกมีความสุขแล้ว พ่อแม่อย่างเราก็มีความสุขไปด้วย

2 มาดามส์   เลี้ยงลูกด้วยการเดินทาง

 

ทริปแรกของครอบครัว

แม่แอน : ทริปแรกตอนนั้นเรายังเที่ยวกันไม่เก่ง เป็นช่วงที่น้องเกรซออกเดือนได้ไม่นาน เราก็ไปเที่ยวทะเลระยองกัน ซึ่งตอนนั้นแอนขนของเด็กไปเยอะมาก ทั้งผ้าปูรองที่นอน เครื่องนึ่งขวดนม สารพัดอย่างเหมือนย้ายบ้าน แต่พอมาถึงยุคน้องกาย เราเดินทางจนแก่กล้า มีประสบการณ์แล้วก็ทำให้รู้ว่า มีแค่นมขวดเดียวก็พอ

พ่ออิน : ส่วนทริปต่างประเทศครั้งแรก เราพาน้องเกรซไปมาเก๊า ตอนนั้นน้องยังไม่เดิน และเป็นครั้งแรกของน้องหลายอย่าง ไปต่างประเทศครั้งแรก เจออากาศหนาวครั้งแรก ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้เขาอาจจะลืม แต่อย่างหนึ่งที่จะไม่ลืมคือ ความสัมพันธ์ ความใกล้ชิด และความรักที่ได้อยู่กับครอบครัว มันเป็นสิ่งที่จะติดตัวเขาไปตลอดแม้ว่าจะจำไม่ได้ก็ตาม

ทริปสนุกๆ

พ่ออิน : ครอบครัวของเราเดินทางปีละมากกว่า 40 ทริป สนุกทุกทริป ซึ่งถ้าให้ยกตัวอย่าง คงต้องพูดถึงทริปนิวซีแลนด์ ตอนนั้นเราเลือกขับรถบ้าน นอนบนรถ ใช้ชีวิตบนรถ พอเจอทะเลสาบสวยๆ ก็จอดรถนอนกันตรงนั้น ทำอาหารกินเอง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับครอบครัว และอีกทริปคือ นิวยอร์ก ที่เพิ่งกลับมาเมื่อเดือนตุลาฯ เราจองเรือดิสนีย์ครุยส์ อยู่บนนั้น 7 วันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนเรือแห่งความฝัน เพราะมีการ์ตูนเดินเล่น มีคิดส์คลับ มีสวนน้ำบนดาดฟ้า มีโชว์ดิสนีย์ทุกวัน เป็นช่วงเวลาที่เราทั้งสี่คนมีความสุขมากๆ อีกทริปหนึ่ง

ปัจจุบันน้องเกรซอายุ 8 ขวบ น้องกายอายุ 5 ขวบ โดยทุกวันหยุดและปิดเทอมอินและแอนจะพาลูกๆ ออกจากบ้านไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ เสมอ ตามสโลแกนที่ว่า “รักใครให้พาไปเที่ยว” เพราะการท่องเที่ยวคือการบอกรัก และการสร้างช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันแบบไม่มีวันหมดอายุ

ข่าวล่าสุด

ชี้จุด วิ่งฟรี มอเตอร์เวย์ M6 บางปะอิน - นครราชสีมา ต้องไปจุดไหน?