การช่วยเหลือเด็กๆ คือความสุข ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซมอน

ชีวิตสวยงามราวกับเทพนิยายของ ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก นางงามจักรวาลคนที่ 2 ของประเทศไทย ยังติดตราตรึงใจคนไทยไม่ลืมเลือน

โดย....วราภรณ์

 

ตำแหน่งทำให้เธอสามารถสานต่อโครงการด้านดูแลเด็กในนามมูลนิธิ “แองเจิล วิงส์ ฟาวเดชัน อินเตอร์เนชันแนล” เธอทำงานด้านการกุศลควบคู่กับการมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับ เฮิร์บ ไซมอน นักธุรกิจชาวอเมริกันผู้มั่งคั่ง พร้อมลูกน้อย 2 คน ฌอน ไซมอน วัย 6 ขวบ และสมาชิกคนล่าสุด โซฟี ไซมอน นางฟ้าตัวป้อมแก้มยุ้ยวัย 1 ขวบ และลูกบุญธรรมอีก 2 คน

เวลาผ่านไป 22 ปีแล้วหลังจากได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาล แต่ พี่ปุ๋ยภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซมอน ของเด็กๆ ก็ยังคงสานต่อมูลนิธิช่วยเหลือเด็กอย่างเหนียวแน่น อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งทูตสันถวไมตรีให้กับโครงการเกี่ยวกับผู้หญิงและเด็กภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยร่วมมือกับสหประชาชาติ ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ภรณ์ทิพย์เดินทางมาเมืองไทยนาน 2 อาทิตย์ พร้อมสามีและลูกๆ ทั้ง 4 คน เพื่อมอบ “ทุนการศึกษาเพื่อผลิตครูในบ้านเกิด” แก่นักศึกษาจำนวน 5 ทุน เนื่องจากเธอเห็นว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นหัวใจในการพัฒนาประเทศอันสำคัญ โดยนำร่องเริ่มที่เด็กๆ ในภาคใต้ก่อน แล้วค่อยขยายสู่ภาคอื่นๆ ของประเทศต่อไป

ปุ๋ยดูเหมือนห่างหายจากเมืองไทยไปนานนับ 6 เดือน แต่จริงๆ แล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเธอเดินทางมาเมืองไทยแล้ว แต่เป็นแบบส่วนตัวคนไทยจึงไม่ได้เห็นเธอบ่อยนัก เพื่อให้หายคิดถึงนางงามจักรวาลคนที่ 2 ของเมืองไทย มานั่งเป็นแขกให้สัมภาษณ์เอกซ์คลูซีฟถึงโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล วันนั้นเธอมีคิวอัดรายการ “สุริวิภา” เป็นครั้งแรก ที่จะออกอากาศวันศุกร์ที่ 3 ก.ย.นี้ พร้อมน้องฌอนในวัยเพียง 6 ขวบ แต่ก็เผยความหล่อออกมาให้คุณน้าคุณอาได้หลงใหล รวมทั้งน้องโซฟีคนสวยที่เพิ่งอายุครบ 1 ขวบไปเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมานี่เอง

อาจเรียกได้ว่าชีวิตครอบครัวของปุ๋ยสมบูรณ์แบบอย่างที่เธอฝัน โดยเฉพาะลูกสาวคนเล็กน่ารักเหลือเกิน ขณะที่อัดรายการน้องโซฟีพูดเจื้อยแจ้วเสียงดังเหมือนอยากอยู่ในวงสนทนาด้วย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไม่เคยเป็นแบบนี้ ปกติจะเงียบเรียบร้อย” คุณยายดาวรรณ (ซ่อนกลิ่น) เล่าแล้วยิ้ม พลางอุ้มโซฟีออกไปพักผ่อนจากอ้อมอกผู้เป็นแม่หลังน้องโซฟีโชว์ความน่ารักเสร็จ

นอกจากการช่วยเหลือเด็กๆ อีกแง่มุมหนึ่ง นางงามจักรวาลคนที่ 2 ของเมืองไทย เปิดเผยถึงความรักความอบอุ่นภายในครอบครัว และลูกน้อยคนใหม่ ที่คุณแม่พร้อมจะปลูกฝังให้เหมือนที่คุณแม่คนสวยทำมาโดยตลอด

สำหรับสมาชิกคนล่าสุด พี่ปุ๋ยเล่าด้วยรอยยิ้มและเอ็นดูว่า ลูกสาวหน้าเหมือนคุณยายมากหน้ากลมๆ เหมือนกันเลย

“ลูกๆ สองคนช่างพูด น้องฌอนไปโรงเรียนแล้ว น้องโซฟีอายุ 1 ขวบ และเป็นการมาเมืองไทยครั้งที่ 2 ของโซฟี ครั้งแรกมาตอนอายุ 6 เดือน” ชีวิตการเป็นคุณแม่ของภรณ์ทิพย์ก็เหมือนกับคุณแม่ทั่วๆ ไป เธอเลี้ยงลูกเอง ทำทุกอย่างเอง

“ปุ๋ยตื่นประมาณตีห้าครึ่ง จันทร์ถึงศุกร์ เพื่อป้อนนมลูกสาว ปลุกน้องฌอนไปโรงเรียน แต่ก่อนลูกชายไปโรงเรียนปุ๋ยจะเลือกเสื้อผ้าให้ แล้วก็พาไปอาบน้ำแล้วพาไปส่งโรงเรียน ก่อนนอนปุ๋ยจะพาลูกเข้านอนเอง แม้จะต้องไปงานกลับมาดึกๆ แต่ก่อนนอนปุ๋ยต้องขอเวลาอย่างน้อยๆ 15 นาที คุยกับลูก หอมลูก จูบลูก กอดกัน น้องฌอนชอบให้แม่ร้องเพลงกล่อมให้ฟังก่อนนอน สำหรับปุ๋ยกับสามี เราจะแบ่งหน้าที่ดูแลลูก เฮิร์บจะชอบนั่งดูทีวีกับลูก และลูกชายก็บอกว่ารักทั้งพ่อและแม่เท่าๆ กัน ...

...น้องฌอนชอบมาเมืองไทยมาก เขามักจะบอกว่าประเทศไทยคือพาราไดส์ของเขา กิจกรรมที่น้องฌอนชอบที่สุด คือ นั่งเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา เรื่องการสอนลูกปุ๋ยใช้ทั้งสองวัฒนธรรม เพราะลูกๆ จะใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกามากกว่า ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล ปุ๋ยชอบอธิบาย ปุ๋ยสอนให้ลูกรักกัน เคารพกัน ปุ๋ยมักสอนลูกเสมอว่าสิ่งที่ จะอยู่ตลอดไป คือ เราเป็นพี่น้องกัน เราต้องรักกันมากๆ ลูกๆ ทุกคนจึงสนิทกันมาก เราจะให้ความอบอุ่นกับลูกๆ พ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้า พ่อแม่สอนอะไรลูกๆ ต้องทำตาม เช่น การเคารพผู้ใหญ่ ปุ๋ยคิดว่าหน้าที่แม่เป็นอะไรที่สำคัญที่สุด เราในฐานะแม่ต้องปกป้องลูก อย่าทำให้ลูกเจ็บ ปุ๋ยจึงไม่เคยตีลูก แต่เวลาลูกดื้อปุ๋ยจะจับมือเขาแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาเขาแล้วบอกว่าอย่าทำ ลูกก็เชื่อ ครั้งหน้าถ้าลูกดื้อ เพียงเราจับมือเขา เขาจะเข้าใจและไม่ทำ หรือเวลาที่ลูกดื้อปุ๋ยจะดุเป็นภาษาไทย เขาจะเข้าใจแล้วก็เลิกดื้อ...

...สำหรับลูกแล้วเวลาสำคัญที่สุด เพื่อให้ลูกรู้ว่าเรามีความรักให้มากมายแค่ไหน รวมทั้งการเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้กับลูกด้วย ปุ๋ยเลี้ยงลูกแบบไทยอเมริกัน ให้อิสระแก่ลูกทางด้านความคิด แล้วปลูกฝังประเพณีดีๆ ของไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การไหว้ สำหรับปุ๋ยการมีครอบครัว เรื่องการจัดสรรเวลาเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพื่อหาความสมดุลให้ได้ ปุ๋ยจะใส่ใจกับวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดมากเป็นพิเศษ จะเป็นวันที่เรามีพ่อแม่ลูกอยู่ร่วมกัน ไปสวนสาธารณะ ไปสวนสัตว์ ไปล่องเรือ หรือไปในที่ต่างๆ ที่เรารู้สึกว่าจะดีกับลูกๆ และครอบครัวของเรา”

แม้เกิดมาในครอบครัวเศรษฐีผู้มั่งคั่ง แต่ภรณ์ทิพย์มักสอนให้ลูกๆ เรียนรู้ว่ากว่าที่พ่อแม่จะมีเช่นทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

“เพื่อนๆ เคยทักน้องฌอนว่า ฌอนโชคดีที่มีพ่อแม่รวย เงินทองเยอะแยะ ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด น้องฌอนจะบอกเลยว่า เงินพ่อ ไม่ใช่เงินฌอน เพราะปุ๋ยสอนลูกอยู่เสมอว่า โตขึ้นลูกต้องทำงาน เพราะเรามี 2 มือ 2 ขา เหมือนคนอื่นๆ ต้องทำงานให้เกิดประโยชน์ให้สังคม ปุ๋ยอยากให้ลูกทำงานผ่านความลำบาก ปุ๋ยจะเล่าให้ลูกฟังเสมอว่า ปุ๋ยโตมาก็ต้องทำงาน พ่อเขาก็สอนลูกแบบนี้เหมือนกัน น้องฌอนทุกวันนี้ก็ชอบบริการคนอื่น ช่วยเก็บโต๊ะ เขาจะถามปุ๋ยเสมอว่า ฌอนโตพอที่จะทำงานได้หรือยัง ปุ๋ยก็บอกว่ายัง ต้องรอไปก่อน”

แม้วันศุกร์ที่ผ่านมา ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ พร้อมครอบครัวบินกลับสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ทิ้งเด็กไทยและการช่วยเหลือ เพราะการช่วยเหลือเด็กคือความสุข แล้วเธอจะเลิกให้ทำไม “การช่วยเหลือเด็กเป็นหน้าที่ของทุกคน ทุกคนมีความสามารถที่จะทำได้ เพราะเด็กในวันนี้ก็คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ทุกวันนี้ชีวิตของปุ๋ยสมบูรณ์แล้ว เพราะลูกๆ ทั้ง 4 คน” พี่ปุ๋ยของเด็กๆ กล่าวทิ้งท้าย