posttoday

เหตุเกิดที่นครปูเน่ ...อินเดีย

20 พฤศจิกายน 2559

เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระศาสนา ได้รับนิมนต์มานครมุมไบและเมืองปูเน่ รัฐมหาราษฎร์ อินเดีย

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระศาสนา ได้รับนิมนต์มานครมุมไบและเมืองปูเน่ รัฐมหาราษฎร์ อินเดียในระหว่างวันที่ ๑๔-๑๘ พ.ย. ๒๕๕๙ จากการได้มีโอกาสไปเยี่ยมวัดของศาสนาเชนหรือไชนะของนิคันถนาฏบุตร หรือศาสนามหาวีระที่เมืองปูเน่ นครไอทีที่รุ่งเรืองในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นเมืองที่มีอากาศดี มีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพื้นที่สีเขียว จึงได้มีโอกาสสนทนากับศรัทธาคนสำคัญของศาสนาเชน

ก่อนจะวิสัชนาในเรื่องดังกล่าว ให้นึกถึงเรื่องในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ทรงโต้ตอบกับสาวกพวกนิคันถนาฏบุตรศาสนาของนิครนถ์ทั้งหลาย ในครั้งที่ทรงเห็นนิครนถ์หมู่ใหญ่ บำเพ็ญตบะด้วยการยืนเป็นวัตรอยู่ข้างภูเขาอิสิคิลิในเขตพระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ ทรงตรัสถามบรรดานิครนถ์เหล่านั้นว่า ทำไมมายืนทนทุกข์ทรมานกันอยู่อย่างนี้ ดูเป็นความลำบากอย่างยิ่ง?

พวกนิครนถ์เหล่านั้นกราบทูลพระองค์ว่า “นิคันถนาฏบุตร ศาสดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ผู้รู้ ...ผู้เห็นสิ่งทั้งปวง ผู้มีญาณทัสนะในทุกอิริยาบถ ท่านได้สอนพวกเราว่า พวกเรามีบาปกรรมติดตัวมาแต่ปางก่อน พวกเราจะต้องสลัดบาปกรรมนี้เสีย ด้วยการบำเพ็ญตบะเช่นนี้ ไม่เป็นการทำกรรมเพิ่มขึ้นมาใหม่ กรรมเก่าชำระให้สิ้นไปด้วยการบำเพ็ญตบะ เมื่อทำได้อย่างนี้ก็จะมีอนวัสสวธรรมคือความที่ไม่มีอำนาจอะไรๆ มาบีบคั้น ไม่มีสิ่งใดมามีอำนาจเหนือพวกเราอีกต่อไป เมื่อไม่มีอะไรมามีอำนาจเหนือพวกเราอีกต่อไป เราก็มีกัมมักขยะ (ความสิ้นกรรม) เมื่อสิ้นกรรมก็ถึงความสิ้นทุกข์ (ทุกขักขยะ) เมื่อสิ้นทุกข์ก็ถึงความสิ้นเวทนา (เวทนากขยะ) ทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง จึงเป็นอันว่า เสื่อมสลายไปไม่มีเหลือ...”

พระพุทธเจ้าของเราได้ตรัสถามนิครนถ์เหล่านั้นว่า “ท่านทั้งหลายทราบหรือว่า เคยอยู่ในภพก่อน ท่านเคยทำบาปกรรมไว้ในภพก่อนหรือเคยทำกรรมอย่างนั้นอย่างนี้กี่อย่างในภพก่อนหรือทุกข์ของท่านทั้งหลายสลัดออกไปแล้วได้เท่าไหร่ เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายทราบวิธีการละหรือวิธีละบาปอกุศล หรือทราบวิธีทำกุศลให้ถึงพร้อมในบัดนี้หรือ”  พวกนิครนถ์ก็ได้แต่ตอบทุกคำถามว่า ไม่ทราบ ไม่ทราบ ไม่ทราบ ฯลฯ

เหตุเกิดที่นครปูเน่ ...อินเดีย

 

พระพุทธเจ้าได้ตรัสสรุปลงในประโยคสุดท้ายว่า น่าประหลาดใจอยู่ว่าถามอะไรๆ ท่านก็ไม่ทราบไปทั้งหมดดังนี้แล้ว มันก็จะมีแต่คนชั้นเลวที่มีมือเปื้อนเลือด เกิดในตระกูลต่ำเท่านั้นแหละที่จะมาบวชในสำนักนิครนถ์/ศาสนาเชน ฯลฯ

จริงๆ ในเรื่องดังกล่าวยังมีสาระยาวกว่านี้ แต่ก็จบตรงนี้ด้วยเพียงแค่ยกขึ้นมาเป็นธัมมานุสติ เป็นแนวทางในการตอบปัญหากับบุคคลที่มีศรัทธามั่นคงในไชนะ

หลายปัญหาได้ตอบไปแบบพุทธศาสตร์ หรือ Buddhist Science จนถึงปัญหาสำคัญข้อหนึ่งที่เป็นไปตามแนวความเชื่อของศาสนาเชนคือ เรื่องที่ผู้ถามกังขาว่าตนเองมีกรรมที่ไม่ดีอันต้องชดใช้ แต่กลับไม่ชดใช้ ด้วยการไปรับบุญกุศลและละสิ้นกรรมอกุศลนั้นเสีย เรื่องดังกล่าวมันไม่ใช่เป็นการปฏิเสธความจริงไปละหรือ จริงๆ แล้ว เราควรเปลื้องกรรมนั้นด้วยการรับผลแห่งกรรมนั้นๆ โดยตรง ไม่ควรหาวิธีการใดๆ มาใช้เพื่อการออกไปจากกรรมนั้นๆ

จึงใช้หลักที่ว่า เหนือบุญคือกรรม แต่เหนือกรรมคือวิปัสสนาญาณ เป็นแนวทางวิสัชนาจนจบข้อสงสัย นำมาสู่ความศรัทธาด้วยตัวอย่างที่ยกขึ้นประกอบการอธิบายธรรม

หลายปัญหาถูกวิสัชนาในค่ำคืนนั้นต่อเนื่องเป็นคืนที่ ๒ ณ เมืองปูเน่ ที่สุดแห่งปัญหาคือการให้ความเคารพในธรรมที่วิสัชนา นำมาสู่การปวารณาสร้างวัดพุทธศาสนาถวายเพื่อเป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐาน บนที่ดินในโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในกลางเมืองปูเน่ ท่ามกลางความดีใจของชาวพุทธในอินเดีย ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยในวันนี้ (๑๘ พ.ย. ๒๕๕๙)

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell