‘อารยา คงสุนทร’ ต้องมีเวลาเติมความสุขทางกายและใจ
“อารยา คงสุนทร” วัย 49 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) ที่ประกอบธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศครบวงจรทั้งทางทะเลและอากาศ
โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง
“อารยา คงสุนทร” วัย 49 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) ที่ประกอบธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศครบวงจรทั้งทางทะเลและอากาศ และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ประมาณกว่า 1 ปีมาแล้ว
ต้องถือว่าเธอเป็นผู้หญิงทำงานคนหนึ่งเลยทีเดียว หลังจากได้เงินระดมทุนจากตลาดทุนมาขยายงานต่างๆ ก็ยิ่งทำงานหนักมากขึ้นไปอีก จากที่ปกติทำงานตลอดวัน เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างตื่นตัว (แอ็กทีฟ) อยู่แล้วก็ตาม อาจเป็นเพราะตลอดชีวิตการทำงานเธออยู่แต่ในสายธุรกิจเดินเรือมาโดยตลอด
ทว่า จะยุ่งแค่ไหน ผูู้บริหารหญิงคนนี้ก็ยังมีเวลาไปเรียนต่อปริญญาโทการจัดการ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และเรียนปริญญาเอกเพื่อเรียนรู้การพัฒนาธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพียงเพราะคิดว่าทฤษฎีทุกอย่างสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานได้หมด และเธอก็สนับสนุนให้พนักงานมีการพัฒนาด้วยการอบรมและให้ความรู้อยู่เสมอ
จนวันหนึ่งหรือเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา เธอคิดได้ว่าเคยมีเวลาให้ตัวเองโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานบ้างหรือไม่ ซึ่งมีแค่เพียงช่วงเวลาที่ไปเที่ยวกับพี่น้องและสมาชิกครอบครัวแบบครอบครัวใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนั้นชีวิตก็มีแต่คำว่างานมาโดยตลอด
จากนั้นเธอก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญ หรือการดูแลตัวเองให้ดีกว่าเดิมได้แล้ว เพราะใช้ร่างกายในการทำงานมาเยอะมาก โดยตั้งหลักใหม่ในการใช้ชีวิตว่า จากนี้ไปต้องมีความสุขอย่างพอดีทั้งกายและใจไปพร้อมกัน หรืออยู่ในโหมด “Happy Moment”
ดังนั้น จึงเริ่มวิ่งออกกำลังกายบนลู่วิ่งภายใน 1 สัปดาห์ให้ได้ทั้งหมด 3 ครั้ง และอย่างน้อยให้วิ่งได้ครั้งละประมาณ 30 นาที และถ้าวันไหนที่ต้องมีงานออกไปข้างนอกหรือกินมื้อหนักไป ก็ต้องกลับมาวิ่งชดเชยกับสิ่งที่ได้กินเข้าไป เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดทุกข์จากสิ่งที่กินเข้าไป
ถึงวันนี้เวลาเครียดก็มักจะใช้เวลาไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และสิ่งที่ได้กลับมาคือความแอ็กทีฟ กระปรี้กระเปร่า และหลายครั้งก็สามารคิดหาทางแก้ไขปัญหาหรือทางออกได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้หยุดคิดถึงปัญหาที่มีอยู่ พอสมองได้หยุดตึงเครียด ร่างกายกลับมาฟิตแอนด์เฟิร์ม ทำให้มีเวลาแก้ไขปัญหาได้ดี ซึ่งช่วงหลังก็มักจะใช้เวลาในวันเสาร์สำหรับการเพิ่มความแอ็กทีฟให้กับตัวเองในการออกกำลังกายเป็นหลัก
นอกจากนั้น เธอยังเลือกที่จะออกกำลังกายด้วยการตีกอล์ฟอย่างน้อยก็ 2-3 ครั้ง/เดือน ไปครั้งหนึ่งก็ 5-6 ชั่วโมง หรือไม่ก็จะไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัว
สำหรับพื้นที่อีกมุมที่ถือว่าเป็นการทำให้เธอได้ว่างเว้นจากงานอย่างแท้จริง คือ ทุกปีจะต้องมีการวางแผนทริปครอบครัวไปเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่เป็นประจำ ที่ชอบไปกันมากคือประเทศนิวซีแลนด์ เพราะสมาชิกครอบครัวต่างก็ชอบในความเป็นธรรมชาติของประเทศนี้กันมาก
รวมทั้งธรรมชาติอย่างหนึ่งที่เธอให้ความสำคัญ นั่นคือ “ธรรมะ” ด้วยการทั้งเรียนและฝึกปฏิบัติการทำสมาธิอย่างจริงจังมาได้ประมาณ 10 ปี เพราะทำให้เกิดการ “รู้ตัว” ซึ่งเห็นผลได้จริงจากที่ก่อนหน้าที่ทำงานมาตลอด และมักจะมีความรู้สึกจมไปกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว หรือที่เรียกว่า “ฟุ้ง”
พอฟุ้งมากไปการปรุงแต่งคิดโน่นนี่นั่นไปเรื่อย ก็กลายเป็น “ทุกข์” ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และบางครั้งก็อาจมีผลกับคนที่อยู่รอบข้างไปโดยไม่รู้ตัว เราแค่เพียงเลือกมุมหรือช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อปฏิบัติสมาธิ เพราะเชื่อว่าหากใจมีทุกข์พอได้ฝึกปฏิบัติสมาธิจะทำให้เรารู้ตัว และทำให้ใจเรากลายเป็นสุขได้ไม่ยาก
“เมื่อก่อนที่ชีวิตมีแต่งานอย่างเดียว ทำให้เรารู้สึกว่ามีอีโก้และมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป และเกิดความไม่พอใจต่อสิ่งต่างๆ และตัวเองไม่รู้ตัว แต่เมื่อหมั่นฝึกทำปฏิบัติทำสมาธิทุกอย่างดีขึ้นโดยเฉพาะจิตใจ เพราะการอ่านธรรมะอย่างเดียวไม่ได้เกิดประโยชน์ เรื่องของสมาธิต้องนำไปสู่การลงมือปฏิบัติและฝึกปรืออย่างสม่ำเสมอ ก็ทำให้เราได้ผลที่ดีเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเมื่อเรารู้ตัวก็จะช่วยลดความมีอีโก้ของตัวเอง และนำไปสู่การมีเมตตาต่อสิ่งรอบข้างได้ง่าย และทำให้รู้จักการมีเหตุและมีผลมากขึ้น โดยเชื่อว่าถ้าเรามีเหตุผลในอดีตไว้ดีแล้ว ก็จะเกิดผลที่ดีในปัจจุบันและอนาคตด้วย” อารยา อธิบาย
ถือว่าพื้นที่ส่วนตัวของเธอคนนี้น่าจะพอเป็นตัวอย่างได้ดีว่า ชีวิตคนเรางานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ด้านหนึ่งเราก็ทำงานอย่างเต็มที่ตามบทบาทความรับผิดชอบ แต่ในอีกมุมเราก็ควรทำให้กายและใจเราเป็นสุขไปด้วย เสมือนเป็นสิ่งที่ต้องคู่ขนานไปด้วยกันของการดำเนินชีวิตจากนี้ไป เพราะบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่มากเกินไปด้านใดด้านหนึ่ง มีเพียงแต่คำว่า “พอดี”


