อินทรีแดง (ขอ) ผงาดจอ

อินทรีแดงจะทวีความเข้มขลังด้านเนื้อหายังไง โรม ฤทธิไกร จะโปรยเสน่ห์ใส่แฟนๆ มากแค่ไหน อดใจไว้รอชมกันอย่างเต็มตาดีกว่า 7 ต.ค.

เรื่อง วิชช์ญะ ยุติ / ภาพ ณัฏฐ์ฐิติ อำไพวรรณ 

ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า แบตแมน ซูเปอร์แมน สไปเดอร์แมน ชักจะอึ่ย!!! เชยล่ะ หลบไปๆๆๆๆ หลบไปเลย เพราะฮีโร่ไทยแท้มาแว้วว (นะเฟ้ย)

แน่นอน...เรากำลังพูดถึงสุดหล่อในชุดสีดำ (รัดติ้ว) “โรม ฤทธิไกร” ในภาพยนตร์รีเมกฟอร์มบิ๊กเบิ้ม “อินทรีแดง”

อ้างอิงจากประวัติศาสตร์หนังไทย ว่ากันว่าเขาคือฮีโร่สายพันธุ์สยามซึ่งยังครองใจแฟนๆ ไม่เสื่อมคลาย และอาจเป็นฮีโร่คนแรกๆ (เฉพาะในจอนะจ๊ะ) ที่ผู้คนถวิลหาอาวรณ์อย่างสุดซึ้งจวบจนวันนี้

อนันดา

“วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” ฐานะผู้กำกับได้หยิบ “อินทรีแดง” มาปรับโฉมใหม่ ใส่รายละเอียดนั่นนู่นนี่ เพื่อให้เกิดความร่วมสมัย จนกลายเป็นฉบับสมบูรณ์ของเวอร์ชัน 2553

“เราโตมากับฮีโร่สมัยนั้น” วิศิษฏ์เปรยสั้นๆ ก่อนจะพูดต่อถึงความแปลกใหม่ “ผมปรับทุกอย่างหมด ฉากหลัง ซีจี ตัวละคร เทคโนโลยี อาวุธ พาหนะ แต่สิ่งที่พยายามจะคงไว้ให้มากที่สุดคือหัวใจของความเป็นภาพยนตร์ และความเป็นอินทรีแดงที่ ‘มิตร ชัยบัญชา’ เล่นไว้ ซึ่งจะมีความดุดันมาก เคลื่อนไวเร็ว เตะต่อยเร็ว จะไม่ค่อยมีความรุงรังเหมือนฮีโร่ฮอลลีวูดเท่าไหร่”

จากบทประพันธ์อาชญนิยายสุดคลาสสิกโดยนักเขียนรุ่นเก๋า “เศก ดุสิต” ที่จินตนาการเนรมิตตัวละครให้โลดแล่นมีชีวิตขึ้นเมื่อปี 2499 บุรุษภายใต้หน้ากากสีแดงเพลิง ผู้เกลียดคนเลวเป็นทุนเดิม จึงมีภารกิจสำคัญ นั่นคือจัดการกวาดล้างเหล่าอธรรมด้วยวิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน ห้ำหั่นกันอย่างหนักหน่วง

ปี 2502 อินทรีแดงโด่งดังสุดขีดในรูปแบบภาพยนตร์ พระเอกชื่อดังยุคนั้น “มิตร ชัยบัญชา” ทำให้ฮีโร่ไทยมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ ไม่เป็นเพียงวีรบุรุษที่หนังสือพร่ำพรรณนาไว้ เขาจึงเป็นทั้งซูเปอร์สตาร์และซูเปอร์ฮีโร่ในคราวเดียว

“ทุกคนมีความเป็นวีรบุรุษอยู่ในตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าเรากล้าปลดปล่อยมันออกมารึเปล่า” วิศิษฏ์ ลั่นวาจาเด็ด “ผมจะปลุกวิญญาณวีรบุรุษวัยเด็กให้กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอีกครั้ง ผมจะทำให้มันเข้มข้น รุนแรง ถึงเลือดถึงเนื้อ ที่สุด เพราะสภาพสังคมวันนี้เต็มไปด้วยคนชั่ว ซึ่งผมทำอะไรไม่ได้เลยในชีวิตจริง จึงตั้งใจจะเข่นฆ่าคนชั่วเหล่านี้ให้สาสมในโลกของภาพยนตร์แทน”

ขณะที่คนที่มารับบทนำเวอร์ชันปี 2553 “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” ก็พูดติดตลกว่า ถ้าฮีโร่ไทยจะใส่โสร่งกับเสื้อกล้ามจะดีไม่น้อย เพราะชุดหนังที่เขาใส่น่ะมันร้อนมากกกก

“สิ่งแรกที่ผมได้รับการสอนมาคือ ความปลอดภัย ดูหนักจริง แต่ไม่อันตราย สำคัญที่เราต้องรู้วิธีการยั้ง รู้ระยะการเตะต่อยและตีศอก”
สำหรับอนันดา อินทรีแดงไม่ใช่ยอดมนุษย์ เขาว่าอย่างนั้น สามารถแพ้ได้ มีเจ็บตัวบ้างเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่เขาอาจจะมีบาดแผลที่ฝังรากลึกอยู่ในใจ เป็นความทรงจำแสนรวดร้าวที่ยังตามหลอกหลอน

“อินทรีแดงกับโรม ฤทธิไกร จริงๆ แล้วเป็นตัวละครที่สะท้อนสังคมนะ บุคลิกหรือนิสัยของสองตัวละครนี้ เลยไม่ค่อยต่างกัน อยู่ที่การแสดงออกมากกว่า อินทรีแดงอยู่ในคราบของโรม ซึ่งทุกอย่างที่โรมต้องการ โรมจะแสดงผ่านตัวอินทรีแดง ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้น หรือการแก้ปัญหา เพราะฉะนั้น อินทรีแดงกับโรม คือคนเดียวกัน” พระเอกมาดเท่ บอก

ถ่ายทำเกือบ 2 ปี ปรับพล็อตจนได้บรรยากาศใกล้เคียงกับนวนิยาย แถมยังเสริมอารมณ์แอ็กชันผสานดรามายั่วล้อการเมือง ขาดไม่ได้คือความเป็นอาร์ตตามสไตล์หนังวิศิษฏ์ และแล้วการเปิดตัวก็ปรากฏ ณ เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช บนความสูงตึก 9 ชั้น อนันดาในชุดหนังสีดำกำลังค่อยๆ โหนบันไดสลิงเพื่อไต่ลงมาสู่เบื้องล่าง ราวกับว่านั่นเป็นฉากหนึ่งในหนัง

เสียงกรี๊ดของแฟนๆ ดังกึกก้อง อนันดากับบทบาทอินทรีแดงแลดูอาจหาญ เท่อย่างแรงร้ายเหลือ สามารถสลัดภาพ “บักจ่อย” จนแทบจำไม่ได้ วินาทีสุดเสียว จบลงท่ามกลางการลุ้นระทึกนิดๆ โดยมีนางเอกคนสวย “ญารินดา บุนนาค” รวมทั้งผู้กำกับคนเก่ง ก็ร่วมเอาใจช่วยอยู่ข้างเวที สมการรอคอยการกลับมาผงาดจออีกครั้งของฮีโร่สายพันธุ์ไทยอย่างแท้จริง

“เทียบกับหนังฮีโร่เมืองนอกเหรอครับ ผมว่าเราคือมดเขาคือยักษ์ เขามีปืนกลเรามีแค่หนังสติ๊ก แต่ทำไงล่ะที่เราจะเอาสิ่งที่เรามีนี่แหละไปสู้กับเขาได้ ถ้าเรามีหนังสติ๊กเป็นอาวุธ เราก็ต้องยิงหนังสติ๊กให้แม่นที่สุด นัดเดียวอยู่เลย ใส่ความเป็นไทยในเรื่องราว หรือแก่นที่อยากสะท้อน ไม่ใช่ไปเพ้อฝันอนาคตที่ไปไม่ถึงแน่ๆ เช่น ผมจะแอบให้ผู้ร้ายสวมหัวโขนปิดบังใบหน้า เป็นไทยดีไซน์ที่พยายามจะสอดแทรกไว้ในหนัง เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักและเปิดรับอินทรีแดง” วิศิษฏ์ เล่าถึงหนังฮีโร่ของเขา

อินทรีแดงจะทวีความเข้มขลังด้านเนื้อหายังไง โรม ฤทธิไกร จะโปรยเสน่ห์ใส่แฟนๆ มากแค่ไหน อดใจไว้รอชมกันอย่างเต็มตาดีกว่า 7 ต.ค. และที่ได้รับการยืนกรานจากปากผู้กำกับคือว่า ภาพยนตร์ฮีโร่สายพันธุ์ไทยเรื่องนี้ “ไม่อาร์ต” แอนด์ “ไม่อินดี้” แน่นอน

คนนี้...ฮีโร่ของฉัน

วิศิษฏ์ : “เป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนนะที่จะมีความฮีโร่ซ่อนไว้ข้างใน รอวันให้มันถูกปลุกให้ออกมาทำหน้าที่ ฮีโร่ของผมเลยไม่ใช่คนที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาฆ่าคนอื่น แต่เป็นการทำเพื่อคนอื่นมากกว่า คนในวงการภาพยนตร์ ฮีโร่ของผมคือ คุณโดม สุขวงศ์ (ผู้อำนวยการหอภาพยนตร์ องค์การมหาชน) ซึ่งมีหน้าที่กอบกู้ฟิล์มภาพยนตร์ที่กำลังจะตายลงทุกวัน และพยายามต่อสู้ หรือเรียกร้องให้คนในสังคมช่วยเหลือและเหลียวแล คุณโดมเลยเป็นฮีโร่ตัวจริงของผม”

อนันดา : “บอกตามตรงเลยนะ ผมเป็นคนไม่ค่อยมีฮีโร่ อันนี้เรื่องจริง เพราะผมจะชอบคนที่เป็นมนุษย์มากกว่า มีความดีความเลวอยู่ในตัว ส่วนใหญ่ผมจะมีแค่คนที่ให้แรงบันดาลใจเรื่องต่างๆ แต่ถ้าจะยกให้เป็นฮีโร่ก็คงเป็นแม่ผมนี่ละ แม่เป็นคนใจเย็นและแม่ก็เป็นคนจิตใจเบิกบานที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ถึงขั้นโดนคนเอาเปรียบตลอดเวลา คนในวงการภาพยนตร์ จะเป็นฝรั่งเสียมากครับ แรงบันดาลใจในฐานะนักแสดงของผมได้จาก เจฟฟรีย์ รัช จอห์นนี เดปป์ หรือเจมส์ ดีน มาร์ลอน แบรนโด ที่ผมค่อนข้างจะชอบงานเขา ก็น่าจะเรียกว่าฮีโร่อีกแบบได้เหมือนกัน”

ญารินดา : “คุณพ่อคุณแม่คือคนแรกๆ ที่เป็นเสมือนฮีโร่ของเรา หนึ่งคือรักมาก สองทั้งคู่เป็นตัวอย่างที่ดี โดยเฉพาะการใช้ชีวิต ต้องทำยังไงและเป็นยังไง และยังเป็นคนที่คอยให้กำลังใจเราเสมอ แต่ถ้าเป็นคนอื่น นินาขอยกให้ในหลวง พระองค์ท่านทรงเป็นบุคคลแรกๆ ที่คนไทยนึกถึงในฐานะฮีโร่ ซึ่งคงไม่ต้องหาคำอะไรมาอธิบายหรอกว่าเพราะเหตุใด เมื่อทุกสิ่งที่พระองค์ท่านปฏิบัติล้วนแต่บ่งบอกได้ชัดอยู่แล้ว ในวงการภาพยนตร์ ฮีโร่ของนินาคือ เมอรีล สตีฟ เป็นนักแสดงที่ชื่นชมมาก เก่งมากๆ หลากหลายบทบาท วางตัวดี เป็นตัวอย่างที่ดีทั้งในจอและนอกจอ”

ถ้าจู่ๆ คุณคือฮีโร่

วิศิษฏ์ : “ผมว่าสังคมไทยไม่ได้เลวร้ายขนาดต้องพึ่งฮีโร่นะ เพียงแต่ยังมีเรื่องไม่น่าให้อภัยคือว่า ผลประโยชน์ส่วนรวมตกไปอยู่ในมือคนบางคน พอย้อนกลับไปผมว่าเรื่องนี้นี่ละที่ผมจะต้องจัดการถ้าเกิดได้เป็นฮีโร่ เพราะคนพวกนั้นไม่เคยได้รับการลงโทษอะไรเลย ก็เหมือนยังจะมีและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายดีนะ”

อนันดา : “โอ้!!! อย่างแรกผมจะขอกวาดล้างนักการเมืองที่มีอยู่ตอนนี้ออกไปให้หมด แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่ เพียงแค่ดีดนิ้วแล้วหายไปยิ่งดี (หัวเราะร่วน) บางคนจุดประสงค์ดีนะ แต่พอนานๆ ไปก็กลายเป็นคนไม่รู้ตัว แถมยังทำร้ายต่อประเทศชาติด้วย ผมว่าต้องโดนฮีโร่กวาดล้างเป็นคนแรกๆ เลยนะ”

ญารินดา : “ถ้าวันหนึ่งตัวเองต้องเป็นฮีโร่ ก็แค่อยากเป็นคนคนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอีกหลายๆ คน เรื่องอะไรก็ได้ที่เขาสามรถนำไปต่อยอดได้ เรื่องความคิด เรื่องการใช้ชีวิต แต่ถ้าต้องเป็นแฟนฮีโร่เหรอคะ (ยิ้มๆ) คงจะปล่อยให้เขาทำหน้าที่ของเขาไป ไม่ควรจะไปสกัดดาวรุ่งเขา และต้องไม่เสนอตัวทำหน้าที่เป็นฮีโร่แทนเขา”