ถูกฟ้องหย่าแบบสายฟ้าแลบ

โดย...ชลารย์ ชล

นักแสดงฮอลลีวู้ด แองเจลินา โชลี ฟ้องหย่าสามี แบรด พิตต์ ทั้งที่อยู่กินกันมา 10 กว่าปีจนมีลูกด้วยกัน สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนไม่น้อย สาเหตุแห่งการฟ้องหย่าจริงๆ นั้นไม่มีใครทราบว่าเพราะอะไร แต่สื่อหลายสำนักก็อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดทั้งคู่และวิจารณ์ไปต่างๆ บ้างก็ว่า แองเจลินาต้องการสิทธิดูแลลูกๆ เพียงคนเดียว เนื่องจากคุณสามีมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้สารเสพติด ประกอบกับมีภาวะทางอารมณ์ที่แปรปรวนอันอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของลูกๆ ได้ บ้างก็ว่าแบรดแอบมีสัมพันธ์กับนักแสดงสาว มารียง โกตียาร์ ที่เพิ่งได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง Allied ที่มีข่าวลือก่อนหน้า นั่นคือเหตุการณ์ในต่างประเทศ

สมมติเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง ถูกฟ้องหย่าแบบไม่รู้ตัวจะรับมืออย่างไร แน่นอนความรู้สึกแรกที่พอรู้ตัวว่าถูกฟ้องหย่าคงช็อกปนงงแน่ๆ และสงสัยตัวเองว่าตัวเองทำผิดอะไรถึงได้ทำขนาดนี้ บางคนอาจโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่หยุดก่อนเจออย่างนี้ขอให้ตั้งสติก่อน ค่อยๆ คิดห้ามใช้อารมณ์ทั้งทางกายและคำพูดไม่อย่างนั้นอาจบานปลาย การถูกฟ้องหย่าเรื่องใหญ่พอแล้วถ้าไปสาดน้ำมันเข้าใส่ก็จะไปกันใหญ่ เพราะอย่างไรเสียเรื่องก็เข้าสู่ศาลแล้ว ยังไงก็ต้องจบที่ศาล ส่วนจะจบแบบไหนต้องเลิกกัน หรือกลับมาคืนดี หรือจะอะไรก็แล้วแต่ก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่ายแล้วล่ะ

เมื่อถูกฟ้องหย่าสิ่งที่ควรทำ คือตั้งสติแล้วทบทวนตัวเอง ว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไม่ดีที่เป็นเหตุให้อีกฝ่ายนำมาเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามกฎหมายหรือไม่ เช่น สามีหรือภริยาไปมีชู้ ทิ้งร้างกันเกิน 1 ปี สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี สามีหรือภริยาประพฤติไม่ดี สามีหรือภริยาไม่อุปการะเลี้ยงดู หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง สามีหรือภริยาทำร้ายร่างกายทรมานจิตใจ หรือด่าพ่อแม่ของอีกฝ่าย สามีหรือภริยาเป็นโรคทางประสาทเกิน 3 ปี สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่อร้ายแรง สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกาย ทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล เป็นต้น

ถ้าเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ได้ทำเสื่อมเสีย ก็ต้องไปแก้ต่างกันหรือสู้กันด้วยความจริงและหลักฐานที่ศาล แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า การที่อีกฝ่ายไปฟ้องหย่านั้นย่อมต้องมีเหตุให้ฟ้องหย่า

หากผู้ที่ถูกฟ้องได้ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา รู้ตัวว่าเคยหรือกำลังประพฤติชั่วทำความเสื่อมเสีย เช่น คบชู้ แล้วเกิดสำนึกผิดอยากขอโทษและขอเริ่มต้นใหม่ ก็สามารถที่จะไปเจรจาตกลงกับผู้ฟ้องที่ศาล ขอให้ศาลเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ทั้งนี้ขึ้นกับผู้ฟ้องจะยอมไกล่เกลี่ยไหม ถ้ายอมแน่นอนว่าผู้ฟ้องจะต้องมีเงื่อนไขให้อีกฝ่ายปฏิบัติตาม เช่น จะต้องไม่ไปมีหญิงอื่น ถ้าตกลงที่จะปฏิบัติตามเงื่อนผู้ฟ้องก็ถอนฟ้องก่อนที่ศาลจะตัดสิน ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันได้ แต่ถ้าทำเงื่อนไขซ้ำก็ต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นตามมา

ถ้าเป็นไปได้ควรพูดคุยหาทางออกร่วมกัน อย่าเพิ่งถึงขั้นฟ้องหย่า อาจตกลงหามาตรการร่วมกันด้วยการทำทัณฑ์บน เขียนข้อตกลงกันไว้ มีเซ็นเอกสารทุกอย่างพร้อม ถ้าใครทำผิดข้อตกลง เช่น นอกใจไปมีคนอื่น เป็นต้น ทรัพย์สินต่างๆ ให้ใส่ชื่อคนที่ไม่ได้ทำผิดหรือเขียนให้ลูกหมดเลย ซึ่งทัณฑ์บนนี้มีประโยชน์เพราะสามารถเป็นคำฟ้องได้เวลาที่ใครประพฤติผิดเช่นนั้นอีก โดยอีกฝ่ายสามารถเอาทัณฑ์บนนี้ไปยื่นฟ้องได้

ว่าแต่ถ้าสุดทางตันจริงๆ ขอให้การหย่าเป็นทางออกสุดท้าย คือถ้าอยู่ด้วยกันต่อไปก็รังแต่จะทุกข์ทวีและเจ็บปวดชอกช้ำก็หย่ากันไปเลย เพราะบางครั้งการสิ้นสุดด้วยความเจ็บปวดก็ยังดีกว่าเจ็บปวดไม่มีที่สิ้นสุด

สื่อพาดหัวข่าวแรง ทำให้อับอาย

การเป็นข่าวในทางดีและสร้างสรรค์บนหน้าสื่อต่างๆ ใครก็อยากเป็น เพราะทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดีและเป็นที่จดจำในความรู้สึกของผู้คน แต่ถ้าวันดีคืนดีตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งมีข่าวตัวเองพาดหัวบนสื่อ แต่แทนที่จะเป็นข่าวอ่านแล้วสบายๆ ก็กลายเป็นอ่านแล้วโกรธแทบลมออกหู เพราะสื่อใช้คำแรงไม่เหมาะสม ทำให้คนอ่านมองในทางไม่ดีหรือเอาไปพูดเล่นสนุกปาก

เชื่อว่าใครที่ถูกกระทำอย่างนี้คงทั้งช็อกทั้งโกรธและยิ้มไม่ออก ขณะเดียวกันก็ไม่อาจเฉยเมยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแน่นอน คงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรักษาศักดิ์ศรีและชื่อเสียงกลับคืนมา โดยเฉพาะไม่ให้สังคมเข้าใจผิดหรือมองในทางไม่ดี หรือเอาไปพูดสนุกปากให้เกิดความอับอาย

อย่างแรกอาจใช้วิธีประนีประนอมกับสื่อนั้นด้วยการพูดคุยกัน โดยการให้สื่อออกมาชี้แจงต่อสาธารณะถึงการพาดหัวข่าวดังกล่าวเกินเลยต่อคำว่าจรรยาบรรณหรือไม่ ถ้าเกินเลยก็ต้องกล่าวขอโทษ แต่ถ้ายังเฉยเมยไม่ทำอะไรไม่มีแม้คำขอโทษก็คงต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้ามองว่า สื่อเจตนาทำให้อับอายก็อาจแจ้งความเอาผิดทางกฎหมายแบบไม่ประนีประนอมได้