เที่ยวเพลินเดินชม Mannheim : City of The Squares
“Mannheim เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า City of the Squares” นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทีมงานโลก 360 องศา
โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]
“Mannheim เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า City of the Squares”
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทีมงานโลก 360 องศา เลือกกลับมายังประเทศเยอรมนีอีกครั้ง และประเทศนี้นับเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ทีมงานลงพื้นที่อยู่หลายคราว ด้วยเหตุผลที่ว่าประเทศนี้มีเรื่องราวดีๆ ตัวอย่างดีๆ ให้เรียนรู้ และสามารถนำมาประยุกต์ปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง
ครั้งนี้เรากลับมาที่เยอรมนีมุ่งหน้าสู่ “Mannheim” ออกเสียงภาษาไทยว่า “มันไฮม์ม” เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “Creative City” และเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมหลายอย่างในโลกนี้ รวมถึงยังมีลักษณะพิเศษของเมืองที่โดดเด่น แม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก แต่ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
เมือง Mannheim นั้น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี มีประชากรราว 3 แสนกว่าคน เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัฐ Baden-Wurttemberg รองจากเมืองหลวงของรัฐ คือ Stuttgart โดยการเดินทางสู่ Mannheim สามารถใช้บริการสายการบินต่างๆ รวมถึงการบินไทย บินลงที่ Frankfurt จากนั้นก็ต่อรถไฟฟ้าระหว่างเมือง และใช้เวลาเดินทางจาก Frankfurt ไปยัง Mannheim ประมาณครึ่งชั่วโมง
Mannheim ได้รับการขนานนามว่าเป็น “City of the Squares” ซึ่งมาจากเอกลักษณ์สำคัญของเมือง คือลักษณะผังเมืองที่เป็น “Grid City” นั่นคือมีอาคารบ้านเรือน อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมของถนนที่ล้อมรอบ ลักษณะจะเป็นบล็อกต่อๆ กัน โดยมี ปราสาท Mannheim ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Baroque ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนีเป็นจุดเริ่ม และปัจจุบันปราสาทแห่งนี้คือ The University of Mannheim
เมื่อเริ่มต้นจากปราสาท Mannheim ไปทางตะวันตกของเมือง จะเริ่มด้วยบล็อกตัวอักษร A ไปจนถึง K และอาคารในแต่ละบล็อกก็จะเรียงด้วยตัวเลขต่อกัน เช่น A1 A2 ไปเรื่อยๆ ส่วนทางฝั่งตะวันออกของเมืองนั้น เริ่มจากอักษร L ไปจนถึง U ดังนั้นเมื่อจะไปที่ไหน ก็แค่ดูบนแผนที่ว่า เป็นบล็อกอักษรอะไร ลำดับเลขที่เท่าไหร่ ทำให้สามารถหาสถานที่ต่างๆ บนแผ่นที่ได้ไม่ยาก
สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากปราสาท Mannheim คือ “Jesuit Church” ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ของเมือง จะว่าเป็นโบสถ์ประจำปราสาทก็ว่าได้ เพราะในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญต่างๆ ในขณะที่ปัจจุบันก็ยังคงความสำคัญสำหรับคริสต์ศาสนิกชน โดยจุดเด่นของโบสถ์คือความงดงามด้านใน ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิลผ่านงานจิตรกรรมและประติมากรรม เพื่อให้ผู้คนที่ไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ได้เข้าใจข้อความที่ต้องการสื่อสาร
เมื่อมาถึงประเทศเยอรมนี ผู้คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงผลงานด้านวิศวกรรมที่อยู่ระดับแถวหน้าของโลก ที่เมือง Mannheim ก็เช่นกัน มีสถานที่ซึ่งบ่งบอกความเป็นนักคิดนักสร้างสรรค์ของคนที่นี่ ผ่าน “Wasserturm” หรือ Water Tower ที่ใครต่อใครมาถึงเมืองนี้แล้ว ต้องมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
Wasserturm คือแท็งก์เก็บน้ำในอดีต มีการออกแบบตามหลักโครงสร้างวิศวกรรมที่แข็งแรง ขณะเดียวกันก็ตกแต่งด้วยประติมากรรมที่งดงาม แม้ว่าทุกวันนี้จะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการเก็บน้ำแล้ว แต่บริเวณ Wasserturm ซึ่งมีการจัดสวนที่มีต้นไม้ร่มรื่น ดอกไม้บานสะพรั่งก็เป็นจุดนัดพบที่คนเมืองนี้มาพักผ่อนหย่อนใจโดยเฉพาะในยามเย็น และใกล้ๆ กัน ยังเป็นที่ตั้งของ “Christus Kirche” โบสถ์เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเมืองอีกด้วย
สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ทำให้เมืองนี้มีชีวิตชีวา ดูแตกต่างไปจากประเทศเยอรมนีที่เราเคยมาเยือนคือ “Marketplatz” หรือ Market Place ลานกว้างๆ ที่มีการจำหน่ายสินค้าจำพวกอาหารที่ค่อนข้างหลากหลาย คล้ายๆ ตลาดนัดในบ้านเรา ซึ่งที่นี่จะมีของขายทุกวันพฤหัสบดีและวันเสาร์ โดยตลาดจะเริ่มตั้งแต่เช้า มีทั้งพืชผัก ผลไม้ ดอกไม้ และอาหารการกินต่างๆ ให้เลือกซื้อมากมาย พอช่วงบ่ายต้นๆ ตลาดก็วาย
ใกล้ๆ กับ Marktplatz เป็นย่านช็อปปิ้งขึ้นชื่อของ Mannheim คือ “Paradeplatz” มีร้านรวงมากมายเรียงรายให้เลือกซื้อสินค้าทั้งแบรนด์ท้องถิ่น และแบรนด์ดังชั้นนำของโลก ย่านนี้จึงมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ มองเห็น Wasserturm อยู่สุดถนน ขณะที่ริมทางเท้าเต็มไปด้วยร้านจำหน่ายขนมเครื่องดื่ม สามารถเดินช็อปปิ้ง แล้วนั่งพักจิบเครื่องดื่มได้อย่างชิลๆ ดูวิถีชีวิตของผู้คนที่เคลื่อนตัวอยู่รอบตัว
การเรียนรู้แผนที่จาก Grid City ของเมือง ทำให้รู้สึกว่าความเป็นสี่เหลี่ยมของเมืองนี้ ช่วยให้เดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น และถึงแม้ว่าจะมีรถรางไฟฟ้าที่เรียกกันว่า TRAM ให้บริการรอบเมือง แต่การเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ ก็ทำให้รู้สึกสนุกและได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้น และที่สำคัญผู้คนในเมืองนี้ก็ดูแตกต่างไปจากชาวเยอรมันในเมืองอื่นๆ ที่ทีมงานเคยเป็นเยือน
ระหว่างที่เก็บข้อมูลกันอยู่ ก็มีคนเข้ามาทักทาย ถามว่ามาจากไหน ทำอะไร พร้อมทั้งยังแนะนำสถานที่น่าสนใจของเมืองนี้ให้ทีมงานอีกด้วย เราสังเกตว่าผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่ค่อนข้างยิ้มแย้มแจ่มใส สาเหตุหนึ่งตามข้อมูลที่เราได้รับอาจจะเป็นเพราะมีคนนับร้อยเชื้อชาติมาอยู่ร่วมกัน นอกจากนั้นเมื่อเทียบเรื่องค่าครองชีพแล้ว ต้องบอกว่าค่าครองชีพที่เมือง Mannheim นั้น ไม่สูงเหมือนในกรุงเบอร์ลิน ดังนั้นถ้าจะบอกว่าหากอยากเที่ยวชิลๆ ในเมืองใหม่ๆ ที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงจนเกินไป โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนีแล้วละก็ Mannheim ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ติดตามเรื่องราวของ “Mannheim” เมืองที่ได้รับการขนานนามว่า “City of the Squares” ได้ในรายการโลก 360 องศา คืนวันเสาร์ ททบ. 5
