บนโลกนี้มีความต่าง กลาสส์ แอนิมอลส์
หากเปรียบ “กลาสส์ แอนิมอลส์” และงานของพวกเขาเป็นผู้คน นี่ก็คงจะเป็นคนไม่ปกติธรรมดา
โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง
หากเปรียบ “กลาสส์ แอนิมอลส์” และงานของพวกเขาเป็นผู้คน นี่ก็คงจะเป็นคนไม่ปกติธรรมดา แต่ก็น่ารักและน่าคบหา คนที่มีเรื่องให้เราแปลกใจได้ทุกครั้งที่พบกัน
กลาสส์ แอนิมอลส์ จากออกซฟอร์ด อังกฤษ เป็นวงดนตรีหน้าใหม่เพิ่งเข้าวงการได้แค่ 2-3 ปี นำทีมโดย เดฟ เบย์ลีย์ (ร้องนำ กีตาร์ แทมบูรีน) สมทบด้วย ดริว แม็กฟาร์เลน (กีตาร์ คีย์บอร์ด) เอ็ดมันด์ เออร์วิน-ซิงเกอร์ (เบส คีย์บอร์ด) และโจ ซีวอร์ด (กลอง) พวกเขามีอัลบั้มแรก Zaba ออกมาในปี 2014 ภายใต้สังกัดของ พอล เอพเวิร์ธ โปรดิวเซอร์ที่เคยทำงานให้คนดัง อาทิ อะเดล
การเปิดตัวต่อโลกของ กลาสส์ แอนิมอลส์ เป็นไปด้วยดี พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น เพลงของพวกเขากลายเป็นงานยอดนิยมทางบริการสตรีมมิ่งต่างๆ โดยเฉพาะแอปเปิ้ล มิวสิค จากวงอินดี้ร็อกเล็กๆ เมื่อแรกเริ่ม พวกเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ มีโอกาสร่วมในเทศกาลดังๆ ของโลก ไม่ว่าจะ กลาสตองบิวรี โคเชลลา ฯลฯ ทั้งยังถูกเชิญไปร่วมรายการโทรทัศน์มีชื่ออีกไม่น้อย
เดือนที่แล้ว กลาสส์ แอนิมอลส์ เพิ่งจะมีงานชุดที่ 2 ชื่อว่า How to Be a Human Being ออกวางขาย อัลบั้มนี้ประกอบด้วย 11 เพลง เป็นป๊อป-ร็อกในกลิ่นอายไซคีเดลิกและอิเล็กทรอนิกา เดฟ เคยบอกกับนักข่าวครั้งหนึ่งว่า เขาชอบเพลงป๊อปตรงที่ “เรียบง่าย” ซึ่งทำให้คนอยากจะกลับมาฟังอีกครั้ง และนั่นก็เป็นเป้าหมายในการทำเพลงของ กลาสส์ แอนิมอลส์ เช่นกัน “เพราะว่าความเรียบง่ายก็คือ ความสวยงาม”
ขณะที่งานชุดแรกของวงได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ (ที่จัดได้ว่าอ่านยาก) อย่าง Heart of Darkness ของ โจเซฟ คอนราด รวมทั้งนวนิยายวิทยาศาสตร์คลาสสิกของเอช. จี. เวลส์ เรื่อง The Island of Dr. Moreau กับอัลบั้มใหม่นี้ กลาสส์ แอนิมอลส์ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสารคดี Night on Earth ของ จิม จาร์มุช ซึ่งนำเรื่องราวชีวิตของคนขับแท็กซี่ 5 คนจากต่างที่กันมานำเสนอ
ถ้าจะบอกว่า งานนี้เป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มก็อาจจะไม่ผิด ความแตกต่างของอัลบั้มใหม่กับเก่านั้นอยู่ที่งานชุดแรกมีเพลงที่ค่อนข้างเป็น “นามธรรม” ขณะอัลบั้มนี้นำเสนอเรื่องราวของผู้คนซึ่งจับต้องสัมผัสได้จริงๆ ในแต่ละบทเพลงของ How to Be a Human Being พูดถึงตัวละครที่แตกต่างกันไป โดยแต่ละคนต่างก็มีเรื่องราวของตัวเอง มีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน
เริ่มต้นจากการสังเกตผู้คนรอบข้าง และเก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างการออกทัวร์ เดฟ แต่งเพลงเหมือนกับเขียนนวนิยายเรื่องหนึ่ง เขาสร้างตัวละครและโครงเรื่อง พร้อมแต่งเติมรายละเอียด ใส่สีสันเข้าไป ในการแต่งเพลงซึ่งหมายความรวมถึงการสร้างคาแรกเตอร์ของตัวละครในเพลงนั้น เดฟ ได้แรงบันดาลใจจากการอ่าน การดูหนังไซ-ไฟยุค 1960 การ์ตูน รวมทั้งฟังเพลง
เดฟ เริ่มต้นด้วยการเขียนเนื้อ ก่อนจะตามมาด้วยส่วนอื่นๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่ทางวงพบว่า ทำดนตรีได้ง่ายกว่า เพราะว่ารู้รายละเอียดเบื้องหน้าเบื้องหลังของคาแรกเตอร์ในเพลงก่อนแล้ว จึงรู้ว่าซาวด์ควรจะออกมาแบบไหน ในเพลงเปิดอัลบั้ม Life Itself เป็นเพลงของหนุ่ม Geek ซึ่งลุ่มหลงเรื่องไซ-ไฟ คนที่ยังอาศัยบ้านแม่อยู่ เพื่อให้เข้ากับตัวละคร เสียงซินธ์แบบที่ได้ยินในหนังไซ-ไฟ และกลองกลิ่นอายแบบตะวันออก ผสมผสานออกมาเป็นเพลงแห่งฤดูร้อนอันสดใส
นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังมีตัวละครแปลกๆ อื่นอีก มีทั้งเรื่องสดใสและแสนเศร้า จังหวะดนตรีลีลาเมโลดี้นั้นจะทำคนฟังอดไม่ได้ที่จะโยกศีรษะหรือเคาะนิ้วไปตามท่วงทำนองบทเพลงของพวกเขาด้วย
สำหรับเพลงของ กลาสส์ แอนิมอลส์ชุดนี้จะเรียกว่าเรียบง่าย ก็อาจจะพูดไม่ได้เต็มปาก แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่ได้เรียบแบน เพราะมีมิติ มีสีสันลีลาซึ่งน่าติดตาม เป็นงานคิดค้นทดลองที่น่าสำรวจตรวจตราพินิจพิเคราะห์ เป็นเพลงซึ่งทำให้อยากกลับมาฟังอีกครั้ง และทุกครั้งก็พบบางสิ่งที่แตกต่างไปจากครั้งก่อน
งานชุดนี้ของ กลาสส์ แอนิมอลส์ บอกเราว่า โลกใบนี้เต็มไปด้วยความแตกต่าง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะอยู่ร่วมกันโดยปราศจากความขัดแย้ง แต่อย่างน้อยการยอมรับในความแตกต่างก็อาจจะนำมาสู่ความเข้าใจได้
สำหรับคนที่เบื่อเพลงป๊อปดาดๆ ซ้ำๆ วนๆ ก็ลองหา How to Be a Human Being มาฟัง บางทีคนแปลกๆ (แต่น่ารักและน่าคบ) นี้ อาจจะกลายเป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญของคุณก็ได้


