Fight Club Thailand ต่อสู้ไปเพื่ออะไร พร้อมมั้ย ปลอดภัยหรือเปล่า?
โดย...ชลารย์ ชล ภาพ Fight Club Thailand
โดย...ชลารย์ ชล ภาพ Fight Club Thailand
หลายปีมาแล้วคงจำกันได้มีหนังเรื่องหนึ่งคือ Fight Club ที่แสดงนำโดย แบรด พิตต์ เชื่อว่าคอหนังหลายคนคงได้ดูการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่านให้รู้ดำรู้แดงจนอีกฝ่ายยอมยกธง หรือหมดแรงสู้โน่นแหละ จึงจะยุติการต่อสู้
ทว่าวันนี้ใครจะคิดว่า Fight Club ที่เป็นของจริง ในชีวิตจริง ไม่ใช่ในหนังมีอันอุบัติขึ้นในประเทศไทย เมื่อมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งทั้งหมด 8 คน อันนำโดย “โสภณ นาถนุกูล” ช่างภาพอิสระ ได้ก่อตั้ง Fight Club Thailand ขึ้นมาทางเพจเฟซบุ๊ก และกำหนดสถานะกลุ่มเป็นกลุ่มปิด พร้อมดำเนินการจัดกิจกรรมการต่อสู้กัน ซึ่งพวกเขาเรียกว่าการออกกำลังกายระหว่างสมาชิกในกลุ่มที่มาจากอาชีพต่างๆ สมัครเข้ามาเพื่อต้องการหาประสบการณ์ด้วยการต่อสู้ภายใน 3 นาที
อุดมการณ์ Fight Club Thailand
การจัดกิจกรรมดังกล่าวของกลุ่มไม่ได้เปิดเผยสถานที่จัดเป็นการทั่วไป แต่จะแจ้งเฉพาะสมาชิกในกลุ่มเท่านั้นก่อนวันกิจกรรม 1 วัน ซึ่งปกติจะจัดในวันเสาร์ ยกเว้นมีเหตุจำเป็นที่อาจต้องเลื่อนไปจัดในวันอาทิตย์ ปัจจุบัน Fight Club Thailand ที่ก่อตั้งมาประมาณ 4 เดือน มีสมาชิกในกลุ่มเกือบ 7 หมื่นคน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน ตอนนี้มีการขยายเครือข่ายไปในพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ รวมถึงในต่างจังหวัด ทว่าการตั้งกลุ่มย่อยนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบและอนุมัติจากกลุ่มใหญ่ ซึ่งตอนนี้ก็มีกลุ่มย่อยเกิดขึ้นหลายกลุ่ม เช่น ไฟท์คลับตลิ่งชัน ไฟท์คลับคลองเปรม เป็นต้น
โสภณ เผยว่า Fight Club Thailand เป็นการรวมกลุ่มของคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายด้วยวิธีการต่อสู้ ที่มองว่าการชกกันก็คือการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง หรือการได้ฝึกศิลปะการป้องกันตัวไปในตัว ไม่ใช่การแข่งขัน ไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะ ไม่มีเงินรางวัล ไม่มีการพนัน และก่อนการชกทุกคนพกมิตรภาพและหัวจิตหัวใจมาและจบลงด้วยมิตรภาพ จับมือ กอดกัน จบลงตรงนั้น ไม่มีแค้นเคืองภายหลัง ซึ่งทุกคนเข้าใจอุดมการณ์ตรงนี้
สมาชิกที่ต้องการต่อสู้ เมื่อเข้ามาในกลุ่มแล้วจะละลายพฤติกรรมก่อน โดยให้ทุกคนได้พูดคุยกันเพื่อสร้างความคุ้นเคย เช่น บอกข้อมูลตัวเอง อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ความสามารถในการต่อสู้เป็นยังไง เคยมีประสบการณ์ต่อสู้มาหรือเปล่า แต่ว่าที่คุยกันนั้น ไม่รู้หรอกว่าใครจะชกกับใคร เพราะการชกจะจับสลากเจอกันโดยจัดตามเกณฑ์น้ำหนักที่แบ่งไว้ ทุกคนที่เข้ามาไฟท์คลับต้องถอดยศ ตำแหน่งทิ้งทุกอย่างเหลือแค่ตัวและหัวใจ เพราะที่เหลือที่จะเก็บเกี่ยวกลับไปคือมิตรภาพล้วนๆ นอกเหนือจากการสู้กันแบบแฟร์ๆ ลูกผู้ชาย
“มิตรภาพและความเป็นสภาพบุรุษคืออุดมการณ์ของเรา และเราจะเผยแพร่อุดมการณ์นี้ไปทั่วพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เราอยากเปลี่ยนแปลงสังคม อยากทำให้สังคมมีความเป็นสุภาพบุรุษ มีความเเฟร์ ไม่ว่าคุณจะเคยลงชกหรือไม่ แต่ขอให้คุณมีความแฟร์และความสุภาพบุรุษในทุกพื้นที่ของสังคม ไม่ใช้ความรุนแรงไปรังแกผู้อื่น ถ้าคุณคิดได้แบบนี้ ถือว่าคุณมีส่วนร่วมที่สร้างสรรค์สังคมนี้ และคุณก็คือ Fight Club โดยที่ไม่ต้องลงชกด้วย”
ก่อนเข้าร่วม พร้อมแค่ไหน
นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ โฆษกกรมสุขภาพจิต พูดถึงการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ว่า คนเรามีความชอบที่แตกต่างกันไป บางคนก็อาจชอบกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวเยอะ บางคนอาจชอบการเคลื่อนไหวน้อย ไม่เหมือนกัน แต่ในความชอบของมนุษย์บางครั้งจะมีความตึงเครียดอยู่ค่อนข้างมากน้อยไม่เท่ากัน บางคนมาก บางคนน้อย แต่ว่าวิธีการที่จะปลดปล่อยออกมาหลายคนก็จะไปปลดปล่อยกับการเล่นกีฬา เช่น ไปต่อยมวย เตะบอล เพื่อเป็นการปลดปล่อยความเครียดภายใน ซึ่งมนุษย์ก็จะไปเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อลดทอนความกดดันหรือแรงความเครียดที่อยู่ในใจ แต่ว่าในเมื่อแต่ละคนมีความเครียดไม่เท่ากัน รูปแบบการปลดปล่อยก็จึงขึ้นกับรสนิยม แล้วคนที่เข้ากลุ่มดังกล่าวก็ชอบในการต่อสู้ การเคลื่อนไหวเยอะเพื่อการปลดปล่อยและระบายอารมณ์ความตึงเครียด
“สิ่งที่อยากฝากคือการที่จะเริ่มกิจกรรมอะไรก็ตามควรมีสติพิจารณาก่อนเข้าร่วมให้ดี อย่าฝืนทำตามกระแสตามแฟชั่น ควรจะต้องศึกษาให้ดีถ้าอยากเข้าร่วมกิจกรรมว่ามีความปลอดภัยไหม มีอันตรายหรือเปล่า หรือมีอะไรที่เป็นข้อห้ามสำหรับตัวเราหรือเปล่า อย่าฝืนตนเอง เพราะแต่ละคนสุขภาพร่างกาย ความสามารถ ทักษะไม่เท่ากัน
บางคนมีโรคประจำตัว ร่างกายมีปัญหาอะไรบางอย่างอยู่ จึงต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มันฝืนเกินตัว หรือฝืนปัญหาสุขภาพ และต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรืออะไรก็ตามที่มันเป็นเพราะว่าแรงกดดัน เช่น กดดันจากกระแสสังคม จากเพื่อน หรืออะไรก็ตามที่ตัวเองไม่ได้ต้องการจริงๆ
ที่สำคัญอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกี่ยวกับการใช้สารเสพติด อันนี้คือสิ่งที่อยากฝาก ถ้าเราดูตามข้อเหล่านี้แล้วยังไม่มีอะไรอันตรายก็อาจจะลองเข้าร่วมดู แต่ถ้าเมื่อไหร่มีเรื่องเหล่านี้ต้องระวังไว้ก่อน อย่าเพิ่งเข้าไปร่วม ทุกกิจกรรมมักมีจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ที่ดี แต่บางครั้งก็ต้องระวังคนที่เข้าไปเล่นอาจเผลอตีความจุดประสงค์ของกิจกรรมผิด หรือมีเรื่องของส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า
จุดมุ่งหมายของกิจกรรมส่วนใหญ่มักจะมีจุดมุ่งหมายที่ดี แต่ต้องระวังการบิดเบือน การปฏิบัติอาจจะมีความเสี่ยงและล่อแหลม ที่อาจทำให้เข้าใจวัตถุประสงค์หรืออุดมการณ์ผิด หรือคลาดเคลื่อน ถ้าเป็นอย่างนี้ควรต้องระวังทุกกิจกรรมแหละครับ”
การต่อสู้ความปลอดภัยต้องมาก่อน
แม้ว่าผลการสืบสวนที่ออกมาจะสรุปได้ว่า กิจกรรมดังกล่าวจะไม่ผิดกฎหมาย แต่อย่าลืมว่ารูปแบบการแข่งขันใครเห็นแล้วก็อดเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัยไม่ได้ เพราะเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บสาหัส หรืออาจถึงชีวิตได้หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา อันเนื่องมาจากรูปแบบการต่อสู้ของแต่ละคนที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แม้ว่าจะมีอุปกรณ์ป้องกันบางอย่าง เช่น ฟันยาง นวม และกฎข้อห้ามในการชก เช่น ห้ามโจมตีอวัยวะเพศ ลูกกระเดือก ห้ามโจมตีท้ายทอย แนวกระดูกสันหลัง ห้ามจับทุ่มจับเหวี่ยง และห้ามซ้ำเวลาเพื่อนล้มหรือเพื่อนหันหลังไม่สู้ แต่ก็อย่าลืมว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อแม้จะระวังแล้วก็ตาม
นพปฎล พลศิลป์ นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดัง ให้ความเห็นว่า ต้องยอมรับ Fight Club Thailand คือการต่อสู้ของจริง เจ็บจริง ด้วยหมัด เท้า เข่า ศอก ของจริง ไม่ใช่อย่างในหนัง Fight Club ซึ่งแม้
คอนเซ็ปต์การชกไม่ค่อยต่างกัน คือเหมือนเป็นมวยใต้ดิน นัดกัน เจอกัน และชกกัน เป็นแบบนั้น แต่นั่นในหนัง แต่อันนี้ของจริงจึงต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูง
“เรื่องความปลอดภัยมีความน่าเป็นห่วงเหมือนกัน ที่ว่าน่าเป็นห่วง คือเรื่องของการดูแลอะไรต่างๆ อย่างในหนังไม่มีแพทย์อยู่แล้ว แต่พอเป็นเรื่องชีวิตจริงอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะช่วยเซฟก็ไม่ได้พอ ยิ่งพอชกกันบนพื้นปูน สมมติชกกันเกิดมีใครคนหนึ่งร่วงลงไปแล้วรับไม่ทัน หัวฟาดพื้นจะทำยังไง หลังจากชกแล้วพาไปตรวจสุขภาพ เอกซเรย์กะโหลกหรือร่างกาย มีปัญหาไหม มีแตกร้าวภายในหรือเปล่า เพราะบางอย่างไม่ได้แสดงอาการในทันที ฉะนั้นจึงไม่ใช่แค่ดูอาการตรงนั้นแล้วจบ ของบางอย่างต้องดูแลกันไกลกว่านั้น ซึ่งคนที่จัดไฟท์คลับขึ้นมาอยากให้ดูตรงนี้ด้วย
ผมว่าความปลอดภัยต้องมาก่อน การอ้างว่าเขาตัดสินใจมาชกกันเองคงจะไม่ได้ ในเมื่อคุณเป็นคนจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาคุณก็ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องดูแลชีวิตของคนที่เข้ามาด้วย ยิ่งไม่มีกฎหมายรองรับยิ่งต้องระวังให้หนักไม่งั้นอาจจะขัดกับอุดมการณ์ดีๆ ที่ตั้งไว้ อย่าลืมว่ามวยเองก็มีค่ายมวยดูแล มีแพทย์สนาม มีรถพยาบาลรอรับส่ง แต่ไฟท์คลับล่ะอาจไม่มีถึงขนาดนั้น แต่ต่อไปล่ะมันควรต้องมีไหม อยากฝากตรงนี้ ผมว่าสนามที่ชก พื้นปูน พื้นไม้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายนะ”
เมื่อพูดจุดมุ่งหมายของการจัดกิจกรรมกลุ่ม ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้งดงามได้ด้วยมิตรภาพและมีความเป็นสุภาพบุรษ นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดังให้ความเห็นว่า เป็นความคิดที่ดี ค่อนข้างโอเค
แต่ปัญหาอย่างที่บอกคือเรื่องของความปลอดภัย
“ถ้ามองตามจุดประสงค์และอุดมการณ์ที่เขาพูด มันโอเค มันดี มันใช่ แต่ถ้าเข้าโรงพยาบาล กะโหลกร้าว เป็นผักอยู่บนเตียงก็ไม่ใช่เรื่องนะผมว่า มันต้องดูกันต่อไปด้วย ไม่ใช่แค่ตรงนั้น ผมว่าเขาน่าจะจัดมวยง่ายๆ ช่างน้ำหนัก ขึ้นเวทีดีกว่ามีอะไรรับรองปลอดภัยกว่า แต่นี่ทาง กกท. บอกว่าไม่ผิด พ.ร.บ.กีฬามวย เขาก็ไม่รับผิดชอบอยู่แล้วล่ะ อยากให้ทางผู้จัดให้ความสำคัญกับความปลอดภัยครับ”


