posttoday

โลกนี้มีกฎเกณฑ์

24 สิงหาคม 2559

เฟซบุ๊ก P.khondee ( พี่คนดี กวีสมัครเล่น)

เฟซบุ๊ก P.khondee ( พี่คนดี กวีสมัครเล่น)

ขอต่อดราม่าเรื่องการแต่งกายในห้องสมุดในสถานศึกษาอีกสักบท เพราะเห็นมีเด็กๆหลายคนเห็นดีเห็นงามกับอาจารย์ท่านนั้นจำนวนหนึ่ง ไปอ่านเจอคนหนึ่งถามอีกคนหนึ่งในคอมเม้นต์ว่า ห้องสมุดมีบทบาทหน้าที่อะไร? กาลเทศะ แปลว่าอะไร? งงว่าคำถามแบบนี้ยังต้องมาถามกันอีกเหรอ อยากจะตอบแทนเพื่อนให้อย่างละเอียดนะ แต่กลัวตอบแล้วไม่ตรงใจ พวกที่ชอบถามคำถามประเภท ความดีคืออะไร ? ถ้าเราตอบไปไม่ตรงใจ เขาก็จะบอกว่า มันแล้วแต่มุมมอง ได้เสมอ

หน้าที่ของบรรณรักษ์อย่างหนึ่งก็คือรักษาความเรียบร้อยของห้องสมุด สร้างบรรยากาศที่มีสมาธิในการเรียนรู้หนังสือ ไม่ใช่เรียนรู้แฟชั่น จะให้แต่งตัวมาอวดกันเหมือนไปผับมันก็คงไม่ใช่บรรยากาศห้องสมุด จะดึงดูดให้เด็กเข้าห้องสมุดเหมือนเข้าผับ ต้องเตรียมโซดากับน้ำแข็งไว้ให้ด้วยเลยหรือเปล่า แค่การกำหนดการแต่งกาย นี่ก็โดนข้อหา " ผลักเด็กไม่ให้เข้าห้องสมุด "เสียแล้วหรือ ต่อให้เป็นที่อเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพเขาก็มีกำหนดการแต่งกายเหมือนกัน แต่ความเข้มอาจมากน้อยต่างกันไปในแต่ละห้องสมุด ไม่ได้เสรีอย่างที่คิดกันหรอก บรรยากาศในห้องสมุดก็ไม่ได้เหมือน TK Park ไปทุกที่หรอก บางคนชอบบรรยากาศที่นั่นแล้วต้องการให้ที่อื่นเป็นเหมือนที่นั่นหมดมันก็คงไม่ใช่ การเรียกห้องสมุดธรรมดาว่าเป็นห้องสมุดโบราณ มันก็เกินไป ห้องสมุดมาตรฐานที่ไม่เหมือน TK park ก็ยังมีทุกที่ในโลก อย่าบ่นว่าเมืองไทยโบราณล้าหลังอย่างเดียว

การที่ใส่ชุดเหมือนอยู่นอนอยู่บ้านเกินไปแล้วออกมาที่สาธารณะก็คงไม่ค่อยเหมาะมั้ง เพราะชุดเหล่านั้น อย่าว่าแต่ห้องสมุด ใส่ไปที่ไหนคนก็จะมองด้วยสายตาแปลกๆทั้งนั้น หรือการใส่ชุดที่ราวกับมาประกวดเดินแฟชั่นในห้องสมุด มันก็คงไม่ใช่ที่อีกเหมือนกัน เพราะมันจะมาดึงสายตาผู้คนและทำให้คนอ่านหนังสืออยู่เสียสมาธิได้นะ บางคนไปผับไปบาร์บางที่ที่มี dress code ยังขวนขวายไปกันได้เลยนี่นา ผมไม่เห็นใครจะมีปัญหาอะไร แต่กับระบบการศึกษา และวัฒนธรรมอันดี มักจะมีปัญหาอยู่เรื่อย และคนที่มีปัญหา ดูไปลึกๆจริงๆ ก็ไม่พ้นคนกลุ่มเดิมๆ ทุกที เคยเห็นรูปบรรยากาศห้องสมุดของมหาวิทยาลัยที่คุณโจมตีกันนั้นไหม ว่าสวยงามและทันสมัยแค่ไหน ผมว่ารูปลักษณ์มันดึงดูดให้ไปนั่งออกจะตายไป ข้างในมีร้านกาแฟอีกต่างหาก ห้องสมุดสมัยก่อนไม่เคยเห็นมีหรอกแบบนี้ ทำซะขนาดนี้ ยังถูกหาว่าโบราณ ยังเอาใจเด็กไม่พออีกเหรอ จะต้องตะโกนร้องเชิญแขก หรือต้องแจกคูปองกินกาแฟฟรีด้วยไหม ? อันนั้นคงไม่ใช่บทบาทของห้องสมุดแล้วมั้งครับ

ถามว่ากาลเทศะใครกำหนด ก็คนทั่วไปส่วนใหญ่กำหนดไง เช่นไม่ใส่ชุดแดงไปงานศพ ไม่ใส่ชุดดำไปงานแต่ง แต่หลายๆอย่างมัน มันอาจจะไม่ถูกใจคนบางกลุ่ม มันคงดูอึดอัดเพราะถูกจำกัดเสรีภาพ อย่าให้บอกว่ากลุ่มไหน ก็กลุ่มเดิมๆทีอ้างว่ารักประชาธิปไตยนั่นไง แต่พอคนทั่วไปเขาเห็นไปทางหนึ่งพวกนี้ก็จะต้องขอเห็นต่างมาอีกอย่าง เรียกร้องนั่นเรียกร้องนี่ ไม่เห็นจะเคยรับเสียงของคนส่วนใหญ่เลยสักที คนส่วนใหญ่กลายเป็นพวกหัวโบราณ อยู่ในกะลาในสายตาพวกเขา ทั้งๆที่ประเทศที่เขาคิดว่าอยู่นอกกะลาบางอย่างก็ไม่ได้ต่างไป อย่าอ้างแต่ต่างประเทศทุกที แต่สิ่งดีๆที่ควรอ้างก็ไม่เอามาอ้างหรอก เห็นอ้างแต่เรื่องฉาบฉวย สมบัติผู้ดีอังกฤษยากไปไม่เอาหรอก ความง่ายสไตล์อเมริกันกลับจะเอา

ในกรณีหอสมุดที่พูดถึงกันอยู่นี้ ผู้บริหารสถานที่เขาเป็นคนกำหนดกฎเกณฑ์ไงครับ ถ้าคนในมหาวิทยาลัยเองเห็นว่าตรงไหน หย่อนไปหรือตึงไป ผมว่าไม่ผิดอะไรนะที่จะเสนอความเห็นพูดคุยกันในมหาวิทยาลัย แต่ไม่น่าใช่วิธีที่อาจารย์ลิเบอรัลจ๋าทำ เหมือนเสริมสร้างความดังให้กับตนเอง วิธีแบบนี้คนบางกลุ่มชอบทำเป็นวิสัยปกติ และได้ผลทันใจอยู่แล้ว เพราะสื่อในเครือข่ายเขามีเยอะ ประโคมข่าวกันเป็นทอดๆ ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แบ่งพวก ระหว่าง เด็กๆ และอาจารย์อยู่เนืองๆ นี่คงเป็นวิธีสร้างบรรยากาศความเรียนรู้ของ กลุ่มพวกนี้กระมัง บางคนก็คงเชื่อจริงๆว่ากำลังทำความเจริญให้บ้านเมืองอยู่

บางคนอาจจะคิดว่าจะมาอะไรนักหนากับเสื้อผ้า ก็ต้องลองถามกลุ่มตัวเองด้วย ว่าบ่นโน่นนีทีไรก็เวียนมาเรื่องเสื้อผ้าและกฎระเบียบทุกที ไม่ใช่แค่ห้องสมุดหรอก เห็นอยากจะมีเสรีภาพไปหมดทุกที่นั่นแหละ เพลานี้เอาห้องสมุดมาอ้างให้ดูดีหน่อยเท่านั้นเอง ว่าห่วงใยการศึกษานะ ไม่ได้ห่วงเรื่องการแต่งตัว การมีเครื่องแบบมันคงไม่ได้ไปปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์อย่างที่คนกลุ่มนี้กล่าวอ้างหรอกประเทศญี่ปุ่นที่ยังมีเครื่องแบบนักเรียนนักศึกษา คนของเขาก็มีความคิดสร้างสรรค์ อย่างทะลักล้น บางทีถ้าเอาจินตนาการ และเวลาที่มีไปคิดเรื่องอื่นบ้างนอกจากคิดว่าวันนี้จะแต่งเสื้อผ้าอะไรดี อาจจะดีกว่าก็ได้นะ

กฎอะไรที่มันเคร่งไป แล้ว คนส่วนใหญ่คิดว่าไม่เหมาะ มันก็คงจะค่อยๆหายไปเอง คงไม่ต้องให้คนกลุ่มใดมาชี้นำว่าไอ้นั่นไม่ดีไอ้นี่ไม่เหมาะ ถ้าคนอื่นเขายังทำกันได้เป็นปกติ คนกลุ่มนั้นก็จะดูเหมือนเป็นคนที่ขวางโลก การที่ไปรวมตัวกันเป็นกระจุก อาจจะคิดว่า คนคิดเหมือนกันมีอยู่มากล้น ถ้ามันมากจริง คงชวนกันปรับเปลี่ยนสังคมไปได้แล้วละ ไม่ต้องมาเรียกร้องเหยงๆ ให้เขาด่าอยู่อย่างนี้ ปล่อยให้มันเป็นตามธรรมชาติเถอะ อย่าฝืนนักเลย จะได้ดูเหมือนคนปกติบ้าง แล้วก็จะไม่อึดอัดคอยมาด่าว่าคนประเทศนี้ทำไมจึงอยู่ในกะลา เพราะคิดไม่เหมือนพวกกู ในโลกนี้ไม่ทีที่ไหนหรอกที่ไม่มีกฎเกณฑ์ จะเอาเสรีร้อยเปอร์เซ็นต์สงสัยต้องไปหาเกาะร้างแล้วตั้งชุมชนอยุ่กันเอง เห็นมีนักคิดเยอะไม่ใช่หรือ อย่าไปทะเลาะกันเองก็แล้วกัน

๔๒๙ โลกนี้มีกฎเกณฑ์

ทำไมต้อง เห็นงาม ตามฝรั่ง
อ้างทุกครั้ง ไปที่ภาพ อันฉาบฉวย
เห็นฝรั่ง เลอค่า บูชาอวย
เห็นคนไทย กระจอกห่วย ไม่พัฒนา
ของไม่ดี กลับเห็นงาม เดินตามก้น
ของดีดี ไม่สน กันหรอกหนา
ที่เขามี วินัย ไม่เลือกมา
เลือกแต่สิ่ง ไร้ค่า มาเชิดชู
ด่าบ่อยบ่อย จะติด เป็นนิสสัย
จะคิดว่า ประเทศไทย ไม่น่าอยู่
อึดอัดใจ ต่อว่า กะลารู
มีพวกกู หัวก้าวหน้า กว่าผู้ใด
คนทั่วไป เขาไม่ มีปัญหา
ควรหันมา ทบทวน ชวนสงสัย
ว่าเหตุใด เราและเพื่อน ไม่เหมือนใคร
ความคิดเรา กว้างไกล กว่าแน่ฤา
มโนไป ที่ภาพไกล ในฟากฟ้า
มองเห็นคน ต่างพารา น่านับถือ
ชาติเดียวกัน กลับเหมา ว่าเขาคือ
พวกกระบือ ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี
กฎระเบียบ คงยังมี จะที่ไหน
เขาไม่ปล่อย ตามใจ เลยสักที่
อย่าระเริง มากไป ในเสรี
ควรรู้ว่า โลกนี้ มีกฎเกณฑ์

#พี่คนดี
24/6/2559

 

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2