ละครการเดินทาง นราวิชญ์ จิตรบรรจง

โดย...รอนแรม ภาพ... วิชญ์ จิตรบรรจง

ชายผู้หลงใหลโลกใต้น้ำและภาพถ่าย เขม-นราวิชญ์ จิตรบรรจง นักแสดงช่อง 3 ที่ภายนอกดูเป็นหนุ่มมาดเนี้ยบแต่ตัวจริงลุยกว่าที่เห็น

เขามีชีวิตอีกโลกอยู่ใต้ผิวน้ำ และมีชีวิตอีกด้านหลังกล้องฟิล์ม บทบาทที่ไม่ต้องมีคนเขียนบท ไม่ต้องมีผู้กำกับ เพราะเขาเป็นผู้จัด “ละครการเดินทาง” และเขียนบททุกฉากทุกตอน
ด้วยตัวเอง

 

แรงบันดาลใจ

เขาเริ่มดำน้ำเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังได้ตะลึงกับภาพใต้น้ำเกาะกาลาปากอสจากช่างภาพรุ่นพี่ทั้งภาพแมวน้ำ วาฬเพชฌฆาต ฉลามขาว “คนบนดินไม่มีทางได้เห็นแน่นอน ยกเว้นว่าจะไปอควาเรียม” เขมกล่าว “เราไม่สามารถไปอยู่ในโลกของสัตว์น้ำได้ ถ้าเรายังอยู่บนบกอยู่ เลยเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากไปเรียนดำน้ำ ซึ่งตอนแรกคิดว่ามันยาก เพราะผมเองว่ายน้ำไม่เก่งด้วยแต่ต้องบอกเลยว่าการดำน้ำกับการว่ายน้ำมันคนละเรื่องกัน”

เขาเล่าว่า การดำน้ำไม่ต่างอะไรกับการทำสมาธิ เพราะการพยุงตัวใต้น้ำขึ้นอยู่กับการหายใจเมื่อหายใจเข้ามากตัวจะลอย และเมื่อหายใจออกตัวจะจม ดังนั้นการกำหนดหายใจเข้า-ออกต้องสม่ำเสมอเพื่อให้ตัวลอยอยู่กับที่ และยังต้องมีสติอยู่กับตัว เพราะใต้น้ำเต็มไปด้วยสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งความดัน กระแสน้ำ และสัตว์น้ำ

 

“ต้องอาศัยเซนส์มากๆ เมื่อลงไปในนั้นแล้วต้องอาศัยความรู้สึกของตัวเอง แรกๆ ผมยังลอยตัวไม่ได้ เดี๋ยวจม เดี๋ยวลอย แต่พอลงน้ำสักระยะก็ทำให้เราเข้าใจมันมากขึ้น เพราะทางทฤษฎีไม่สามารถอธิบายทุกอย่างได้หมด ถ้าอยากเก่งก็ต้องปฏิบัติและเรียนรู้มัน” เขากล่าว

ประสบการณ์

ทริปแรกประเดิมที่อันดามันเหนือ มีหลายไดฟ์ให้สำรวจ ทั้งเกาะสี่ เกาะแปด เกาะเก้า แต่ที่เขาประทับใจคงจะเป็น วันโรลร็อก (One Roll Rock) หินก้อนใหญ่ที่หนาแน่นไปด้วยปะการังทั้งอ่อนและแข็ง เชื้อเชิญให้ปลาตัวเล็กตัวน้อยเข้ามาอยู่อาศัย รวมถึงนักดำน้ำที่ตามความสวยงามนั้นมา ฉายาวันโรลร็อกมาจากขนาดของก้อนหินที่มีขนาดใหญ่จนถ่ายรูปได้หนึ่งม้วนฟิล์มกว่าจะครบรอบนั่นเอง

 

“ทุกครั้งที่ลงน้ำต้องมีบัดดี้” มือใหม่ดีกรีโอเพ่นวอเตอร์กล่าว “ก่อนลงน้ำเราก็ต้องเช็กบัดดี้ก่อนว่าพร้อมไหม ชุดพร้อมหรือยัง เปิดถังแอร์หรือยัง และต้องดูแลเพื่อนใต้น้ำด้วย พยายามว่ายตีคู่กันไปตลอด และคอยสื่อสารกันใต้น้ำผ่านภาษามือ”

เขาใช้ชีวิตอยู่บนเรือ 4 วัน 3 คืน แต่น่าเสียดายที่ไม่เจอกระเบนราหูอย่างที่หวังไว้ กระนั้นเขาก็ยกให้เป็นทริปที่สุดยอด เพราะไม่เพียงเป็นการดำน้ำครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังเป็นทริปพิสูจน์ความรู้สึกตัวเองหลายอย่าง จนสามารถตอบตัวเองได้แล้วว่า เขาหลงใหลโลกใต้น้ำขนาดไหน

 

ไม่นานนักเขาก็เดินทางไปดำน้ำที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งครั้งนี้เขาโชคดี เขมเล่าว่าจุดเด่นของเกาะเต่าคือ สิ่งมีชีวิตใต้น้ำมีขนาดใหญ่อย่างปลาสาก (Barracuda) ปลาข้างเหลือง ซึ่งเขาได้ไปเจอฝูงปลาสากกว่าพันตัวไซโคลนรอบตัวนักดำน้ำ

“เราอยู่ตรงกลางฝูงปลา” น้ำเสียงเขายังตื่นเต้นเหมือนเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ “ผมเคยเห็นแต่ในสารคดี ไม่น่าเชื่อว่าเมืองไทยมีอะไรแบบนี้ถือว่าโชคดีมากที่ได้ไปอยู่ท่ามกลางจำนวนมหาศาล ซึ่งทำให้รู้เลยว่าใต้น้ำยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก และเป็นประสบการณ์พิเศษสำหรับคนที่อยู่ใต้น้ำเท่านั้น”

 

เป้าหมายต่อไป เขาหวังที่จะได้เจอกระเบนราหูที่เกาะบอน และฉลามวาฬที่หมู่เกาะชุมพรส่วนในปีนี้เขาวางแผนไว้แล้วว่าจะไปดำดิ่งที่สิปาดัน มาเลเซีย สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่ามัลดีฟส์แห่งตะวันออก และสวรรค์กลางทะเล

นอกจากนี้ การดำน้ำยังทำให้เขาได้ “หนี”หนีจากโลกที่คุ้นชินสู่อีกโลกที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีงาน ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีเสียงเรียกจากใคร ทว่าจะได้ยินเพียงเสียงลมหายใจ และเสียงความคิดตัวเองที่ดังก้องอยู่ใต้น้ำ ซึ่งเรียกได้ว่าโลกส่วนตัวอย่างแท้จริง

 

หลังกล้อง

อีกหนึ่งด้านของชีวิต เขายังชอบถ่ายรูปแนวสตรีทด้วยกล้องฟิล์ม เพื่อเก็บเกี่ยวโมเมนต์ต่างๆ ข้างทางผ่านมุมมองที่ไม่ปกติ (ทุกรูปในคอลัมน์นี้เป็นฝีมือการกดชัตเตอร์ของเขา) และมักมีลูกเล่นเรื่องแสงกับเงา

“ผมอยากเดินทางรอบโลก” เขากล่าว “อยากไปถ่ายรูปรอบโลกเพื่อบันทึกความรู้สึกและความทรงจำไว้เป็นไดอารี่ของตัวเองตอนนี้ยังเที่ยวไหวก็ทำงานเก็บเงินแล้วไปเที่ยวก่อนที่จะมีเงินแล้วไปเที่ยวไม่ไหว ผมไม่อยากให้ตัวเองมานั่งเสียดายที่ไม่ได้ออกเดินทาง” และแน่นอนที่สุด เขาจะพกกล้องตัวโปรดไปด้วยเสมอ

 

โลกของเขม

ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ เขาอยากให้สภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายไปกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง “อยากให้เป็นโลกที่มีธรรมชาติสมบูรณ์ มีอากาศบริสุทธิ์ มีท้องทะเลที่สะอาด มีภูเขาสีเขียว และมีประชาชนที่รักธรรมชาติ เพื่อรักษาไว้ให้ลูกๆ หลานๆ ได้สัมผัสเหมือนรุ่นก่อนหน้าตลอดไป” เขาหวังเช่นนั้น

สำหรับโลกของเขมตอนนี้ สามารถติดตามเขาได้ทางอินสตาแกรม khame_narawitและผลงานละครดวงใจพิสุทธิ์ ทางช่อง 3 ที่จะออกอากาศเร็วๆ นี้