posttoday

กลยุทธ์ของผู้ต้องหาคดี ม.112

14 กรกฎาคม 2559

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์ อดีตผู้อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2559 ศาลทหารกรุงเทพได้ตัดสินจำคุก ธานัท ธนวัชรนนท์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเวลา 5 ปี ศาลลดโทษ 1 ใน 3 เพราะรับสารภาพ เหลือโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน รวมกับคดีเก่าในข้อหาเดียวกันอีก 7 ปี 6 เดือน รวมเป็น 10 ปี 10 เดือน โดยคดีแรกขึ้นศาลอาญา ส่วนคดีหลังขึ้นศาลทหาร

คนทั่วไปไม่ชินกับชื่อ ธานัท แต่ถ้าบอกว่า ธานัท คือ ทอม ดันดี นักร้อง นักแสดง หลายคนคงร้องอ๋อ คดีแรกนั้นธานัทสู้คดี แต่หลักฐานมัดแน่นจึงเจอเข้าไปหลายปี แต่หลังถูกจำคุกไปแล้วสองปี เกิดกลับใจและยอมสารภาพในคดีที่สองเลยติดคุกน้อยลง เขากำลังทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ เนื่องจากถูกจำคุกไปแล้ว จึงอยู่ในข่ายที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยเฉพาะในวาระสำคัญ 12 ส.ค. 2559 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบรมราชินีนาถ

สุรชัย แซ่ด่าน หรือ ด่านวัฒนานุสรณ์ ที่เข้าๆ ออกๆ เรือนจำในความผิดมาตรา 112 จนชินและผู้คุมรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี ติดคุกมานานจนพบกลยุทธ์และสั่งสอนรุ่นน้องผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 หลายๆ คนว่าอย่าคิดสู้คดี เพราะเจ้าหน้าที่มีหลักฐานมัดแน่น หากไม่มีหลักฐานจริงๆ เจ้าหน้าที่คงไม่จับตัวมา เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือ รับสารภาพตั้งแต่แรกเพื่อให้ศาลตัดสินคดีถึงที่สุดโดยเร็ว จากนั้นทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ เท่ากับได้ออกจากคุกเร็วขึ้น สุรชัยเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ฟังและยืนยันอย่างหนักแน่นว่าตนจะไม่พูดจาจาบจ้วงดูถูกดูหมิ่นสถาบันสูงสุดอีกต่อไป สิ่งที่ทำไปเพราะหลงผิด ตั้งแต่นี้จะไม่ประพฤติเช่นนั้นอีก จนทำให้เจ้าหน้าที่บางคนชักเคลิ้มตาม แต่บางคนที่รู้จักสุรชัยดีไม่เชื่อคำพูดเพราะได้ยินได้ฟังแบบนี้มาบ่อยครั้ง เวลานี้สุรชัยหนีไปอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน วันดีคืนดีก็พูดจาใส่ร้ายป้ายสีสถาบันสูงสุดผ่านทางสื่อออนไลน์

แสดงว่า ธานัท ไม่ได้รับฟังเรื่องนี้จากสุรชัย หรือฟังแล้วไม่ยอมเชื่อแต่แรก หรือเพิ่งจะมาคิดได้ทีหลัง  จึงรีบยื่นเรื่องยอมรับสารภาพกับศาลทหาร

กลุ่มที่ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เวลานี้ทั้งหมดที่เป็นฮาร์ดคอร์หนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะอยู่ในประเทศไม่ได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่รู้ตัวหมด พวกหน้าใหม่ที่โพสต์ข้อความและรูปภาพดูถูกดูหมิ่นสถาบันสูงสุด โดยคิดว่า เจ้าหน้าที่คงหาตัวไม่ได้ กลับถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ทั้งหมด ที่เหลือต้องหนีไปอยู่กับกลุ่มเสื้อแดงในต่างประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับไทย พวกนี้ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในเมืองหนาวไม่ได้ ส่วนคนที่มีฐานะดีหน่อยหรือเคยเรียนเมืองนอกมาก็หนีไปอยู่ในยุโรปบ้าง ส่วนใหญ่ไปสุมหัวกันอยู่ในสหรัฐอเมริกา วิธีการที่จะให้ได้สถานะผู้ลี้ภัยก็คือ พอไปถึงต่างประเทศก็กล่าวร้ายป้ายสีรัฐบาลอย่างถึงที่สุดว่าคุกคามชีวิตของตน ตนต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนออกมา ยิ่งด่าประเทศไทยได้มากเท่าไรก็ได้สถานะผู้ลี้ภัยเร็วขึ้น เพราะการเป็นผู้ลี้ภัยจะได้สิทธิอาศัยอยู่ในประเทศนั้นได้และหางานทำได้ 

เป็นที่น่าสังเกตว่าช่วงก่อนหน้านี้ภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดหนึ่ง คนพวกนี้กระทำการอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะเจ้าหน้าที่ไม่กล้าดำเนินการอาจเป็นเพราะเกรงใจรัฐบาล แต่พอทหารยึดอำนาจและดำเนินการทางกฎหมายต่อคนเหล่านี้อย่างจริงจัง พวกนี้รีบเผ่นหนีไปอยู่ต่างประเทศ พวกที่ไม่มีปัญญาไปไกลก็อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านแห่งหนึ่ง พวกฮาร์ดคอร์ที่ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินก็หนีไปอยู่ไกลๆ ถึงยุโรปและอเมริกา ที่อเมริกาจะเป็นแหล่งใหญ่ที่สุด บางคนที่เคยอยู่ในยุโรปก็ไปสุมหัวอยู่กับพวกในอเมริกา ซึ่งดูเหมือนว่ามีก๊วนการเมืองบางกลุ่มคอยให้การสนับสนุนอยู่ เวลานี้ทางการไทยมีรายชื่อหมดแล้วว่าใครอยู่ในประเทศไหนบ้าง

วันดีคืนดีพวกนี้ก็ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสาร โพสต์ข้อความและภาพถ่าย  หรือทำเป็นวิดีโอ หรือออกอากาศผ่านทางสื่อออนไลน์กล่าวหาโจมตีสถาบันสูงสุดเป็นระยะ เวลานี้อยู่ที่ไหนของโลกก็ทำได้ ส่งเป็นภาพเหมือนโทรทัศน์มาเผยแพร่ในไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ปวดหัวไปตามๆ กัน เพราะจะขอให้รัฐบาลประเทศนั้นส่งตัวกลับในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนก็ไม่ได้ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่ผิดกฎหมายของประเทศนั้น จะขอให้ปิดเว็บไซต์หรือขอให้ยูทูบ เฟซบุ๊ก ช่วยลบภาพและข้อความออกก็ไม่ได้ผล อย่างไรก็ดี เวลานี้ยูทูบเริ่มเข้าใจและเริ่มให้ความร่วมมือกับทางการไทยมากขึ้นในระดับหนึ่ง เมื่อทางการไทยปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯ ตรงนี้ เขาก็หลบไปโผล่ตรงโน้น หรือเปิดเว็บไซต์ใหม่ ซ้ำยังแนะนำผู้ใช้อินเทอร์เน็ตให้รู้วิธีหลบเลี่ยงเพื่อเข้าไปเยี่ยมชมได้อีก

พวกนี้มีความรู้ความชำนาญในการใช้สื่อออนไลน์เผยแพร่ข้อมูล ภาพและวิดีโอ เวลานี้พอเราเปิดดูวิดีโอหรือเปิดฟังเพลง ฯลฯ ที่น่าสนใจ อยู่ๆ ก็มีคลิปหมิ่นสถาบันฯ แทรกขึ้นมา ซึ่งท่านผู้อ่านหลายคนคงเจอแบบนี้มาแล้ว กระทรวงไอซีทีซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงก็ปวดหัว

ฮาร์ดคอร์คนหนึ่งยอมรับว่า ในช่วงที่พวกเขามีอำนาจ เคยมีแนวคิดที่จะล้มสถาบันสูงสุดจริง แต่ให้ประชาชนเป็นคนดำเนินการ คล้ายกับการปฏิวัติของประชาชน ในช่วงเวลานั้นมีการไปปลุกระดมคนที่ภาคอีสานให้เกลียดชังสถาบัน แต่สุดท้ายคนนี้ก็ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ เวลานี้นักวิชาการบางคนที่หนีไปอยู่ต่างประเทศใช้ความเป็นนักวิชาการติดต่อให้ได้รับเชิญไปบรรยาย เสวนา ที่สอดแทรกการโจมตีสถาบันสูงสุดตลอดมา 

เมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือ โรส ฮาร์ดคอร์หญิงที่หนีไปอยู่อังกฤษเกิดผิดพ้องหมองใจอะไรขึ้นมาไม่ทราบ โพสต์วิดีโอภาพตัวเองออกมาด่าพรรคพวกอย่างรุนแรงและหยาบคาย ชนิดที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จนหลายคนสงสัยคงขัดแย้งกันอย่างรุนแรง

สำหรับสื่อประเภทสิ่งพิมพ์ที่รู้กันทั่วไปว่าชอบเสียดสี จาบจ้วงแบบคาบลูกคาบดอก สถาบันสูงสุดเป็นประจำนั้นได้ยุติการพิมพ์ชั่วคราว เนื่องจากถูกควบคุมโดย คสช. ส่วนอีกเล่มหนึ่งซึ่งทำสื่อออนไลน์ด้วยยังดำเนินการอยู่ และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนแห่งหนึ่งของชาติมหาอำนาจ ซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไป เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานทูตมหาอำนาจนี้เคยแวะไปเยี่ยมสื่อแห่งนี้อย่างเปิดเผย และเคยไปเยี่ยมกลุ่มต่อต้านสถาบันในต่างจังหวัดด้วย

คล้ายกับจะท้าทายคนไทยว่า ฉันจะหนุนคนพวกนี้ละ มีอะไรรึเปล่า?

ข่าวล่าสุด

กองหลังผลัดกันรั่ว ! แมนยู เสมอเดือด บอร์นมัธ 4-4 ผลบอลพรีเมียร์ลีก