รับศึกหนัก... งูเงี้ยวเขี้ยวขอ

โดย...ราตรีแต่ง

หน้าฝนชุ่มฉ่ำแบบนี้ ต้นไม้แผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมรั้วบ้านเขียวครึ้ม ความร่มรื่นชุ่มชื้นมาพร้อมสิ่งที่แอบแฝงเข้ามาในบ้านอย่างเงียบเชียบ ยิ่งน่าสยองขวัญกับข่าวงูเหลือมตัวใหญ่อยู่ในโถชักโครก! งูเห่าตัวใหญ่ก็มีอีกต่างหาก คำถามของคนบ้านใจกลางเมืองเหมือนๆ กับบ้านคนในข่าว แล้ว “คุณพี่บิ๊กงู” พวกนี้เขาจะเข้ามาทอดอารมณ์สบายอกสบายใจ อยู่ในห้องน้ำบ้านเราด้วยหรือเปล่า?!!! แค่จินตนาการเห็นภาพก็แทบจะเป็นลม ช่างน่ากลัว

มีความเป็นไปได้แน่ๆ ยิ่งบ้านชานเมือง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าบ้านเราไปสร้างทับแหล่งที่อาศัยของงู ก็ต้องรับศึกหนักกับปัญหางูเข้าบ้านเรือน เจอสถานการณ์แบบนี้อย่ามัวแต่กรีดร้อง น้องงู พี่งู หนีน้ำมาอยู่ในบ้าน นอนผึ่งพุงตัวยาวเหยียดอยู่ในครัว เนื่องจากสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้เป็นสัตว์เลือดเย็นที่ต้องการความอบอุ่น ที่พักอาศัยจึงเป็นที่เหมาะสม ทั้งการหลบภัยน้ำท่วมไม่ถึง แถมมีอาหาร จึงมักจะมีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ว่า มีงูชนิดต่างๆ เข้าบ้าน ใครเจอสถานการณ์เสียขวัญตั้งรับ ดังนี้ 

- รับมืองูเข้าบ้าน

1.โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือ ที่ 199 ดับเพลิงและกู้ภัย ศูนย์ความปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท โทร. 1146 เจ้าหน้าที่จะถามรายละเอียดว่าเป็นงูชนิดไหน และประสานให้หน่วยกู้ภัยมาช่วยเหลือ คนที่เคยประสบภัยบอกว่าไม่เกินประมาณ 15-20 นาที ทีมเจ้าหน้าที่ก็มาถึงพร้อมอุปกรณ์ครบครัน หรือโทรศัพท์ขอความช่วยเหลืออาสากู้ภัย ก็ช่วยจับงูเข้าบ้าน ไม่เสียค่าใช้จ่าย

2.ไม่ควรใช้วิธีไล่งู เพราะถึงใช้ไม้ยาวๆ เขี่ยไล่ไปให้พ้นๆ บ้านได้ในวันนี้ วันอื่นๆ มันก็จะกลับมาเหมือนเดิม อย่าส่งเสียงกรี๊ดดังเพราะสัตว์ยิ่งตื่นตามเสียงเรา โดยธรรมชาติของสัตว์มีพิษจะพุ่งฉก หรือฉกกัดเหยื่อที่เคลื่อนไหว ฉะนั้นหากเผชิญกับงูให้อยู่นิ่งๆ แล้วถอยฉากหนีอย่างช้าๆ โดยจับตาดูการเคลื่อนไหวของงูไว้ เพื่อหลบหลีกและควรอยู่ในระยะที่ปลอดภัย

ถ้าหากเผชิญหน้ากับงูโดยกะทันหัน ให้เรานิ่งๆ อย่าขยับ เพราะงูสายตาไม่ค่อยดีแต่ประสาทสัมผัสเป็นเยี่ยม ดังนั้นมันจะโจมตีเป้าที่มีการเคลื่อนไหว ถ้าเราอยู่เฉยๆ สักพักพองูไม่เห็นว่ามีอันตราย หรือไม่มีอะไรเคลื่อนไหว งูเห่าก็จะลดแม่เบี้ยแล้วก็เลื้อยหนีไปเอง

3.แยกแยะประเภทของงู เป็นงูมีพิษหรือไม่ หลังจากโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยแล้วให้ตั้งสติสังเกตง่ายๆ ที่หัว หากลักษณะเป็นสามเหลี่ยม นี่คืองูมีพิษ เช่น งูเห่า แม่เบี้ยแผ่ให้เห็นชัดเจน ทำร้ายโดยการกัดและปล่อยพิษ แต่ถ้าหัวมีลักษณะมนกลม คืองูไม่มีพิษ เช่น งูเหลือม งูหลาม ซึ่งแม้เป็นงูไม่มีพิษแต่มีอันตรายมาก แต่ก็อันตรายด้วยการรัดเหยื่อ ถ้าบ้านหลังนั้นมีเด็ก หรือสัตว์เลี้ยง ยิ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงมาก การหลบหลีก หรือจับก็จะแตกต่างกัน และต้องได้รับการฝึกฝนเป็นการเฉพาะเท่านั้น

4.ให้เฝ้าสังเกต งูยังอยู่ที่เดิม หรือมีทิศทางการเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด เพื่อป้องกันการหลบหนี และกันสมาชิกในบ้าน เด็กๆ ให้อยู่ห่างมันไว้ สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสุนัขเอาไว้ให้ห่าง เพราะอาจโดนฉกหรือทำร้ายได้ แล้วการส่งเสียงเห่าก็เป็นการไล่งู ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงและจับเจ้าตัวร้ายได้โดยละม่อม

- ป้องกันงูเข้าบ้าน

1.ตัดวงจรอาหาร แหล่งอาหารงูที่อุดมสมบูรณ์ เช่น มีหนูชุกชุม หรือสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างเช่น นก กบ เขียด ที่อาศัยในสวนมีพงหญ้ารกหรือต้นไม้อุดมสมบูรณ์ งูก็มักจะมาซ่อนตัวเพื่อใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน การทำความสะอาดบ้านไม่รกเรื้อก็เป็นการตัดวงจรอาหารงู บ้านที่มีมุมอับที่ไม่มีคนรบกวน คือมุมวางไข่ของแม่งู

2.เลี้ยงสัตว์ช่วยได้ งูชอบอยู่เงียบๆ ไม่มีศัตรูมาคอยก่อความรำคาญ ยิ่งหากเป็นหน้าฝนหรือมีน้ำท่วมขัง งูก็จะมุ่งตรงเข้าบ้านเพื่อเลื้อยหาที่แห้งๆ ให้ซุกตัว สัตว์เลี้ยงจึงเป็นเพื่อนคู่บ้านคอยไล่งูแบบได้ผลชะงัด การเลี้ยงสุนัข แมว ห่าน หรือสัตว์อื่นๆ เพราะสัตว์เลี้ยงประเภทนี้จะไวต่อกลิ่นของสัตว์ที่เป็นอันตรายแก่ตัวมันเองเป็นอย่างดี สุนัขเวลาเจอกับงู จะเห่าและกัดงูไม่หยุด ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่างูได้เข้ามาในบ้านของคุณแล้ว

2.น้ำมันก๊าดกลิ่นฉุน ฉีดพ่นหรือราดรอบๆ บริเวณบ้าน ถ้าฉีดพ่นหรือราดน้ำมันก๊าดที่รังงู มันก็จะหนีไป ควรฉีดพ่นหรือราดน้ำมันก๊าดในช่วงที่ไม่มีเด็กๆ อยู่บ้าน เพราะงูจะออกมาจากที่หลบซ่อน วิธีนี้เคยใช้จัดการกับงูเห่ามาแล้วใช้ได้ผลดีมาก หรือใช้ผงกำมะถันสีเหลืองๆ ผสมน้ำแล้วราดบริเวณรอบบ้าน วิธีนี้ต้องทำบ่อยๆ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพราะเมื่อกำมะถันเจือจางแล้วงูก็เข้ามาอีก

3.แผ่นกันงู มีขายในร้านไดโสะ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับติดไว้ที่ผนัง หรือเสาไฟ เพื่อดักไม่ให้งูเลื้อยผ่าน เพราะแผ่นกันงูทำจากพลาสติกมีความลื่นสูง จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการเลื้อย ซึ่งอาจทำให้งูตกลงมาหรือหมดแรงไปก่อน

4.ภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น โรยกรวดไว้รอบๆ บ้านเพราะงูจะเลื้อยลำบาก ปลูกต้นเสลดพังพอนรอบๆ บริเวณบ้าน งูค่อนข้างกลัว เพราะเป็นพืชมีหนามแหลมคม