posttoday

เลี้ยงสัตว์ป่า... รสนิยมแห่งการทำลาย

23 มิถุนายน 2559

พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ได้ให้ความหมายคำว่า “สัตว์ป่า” ไว้ว่า “คือสัตว์ทุกชนิดไม่ว่าสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก แมลง หรือแมง

โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน

พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ได้ให้ความหมายคำว่า “สัตว์ป่า” ไว้ว่า “คือสัตว์ทุกชนิดไม่ว่าสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก แมลง หรือแมง ได้โดยสภาพธรรมชาติย่อมเกิดและดำรงชีวิตอยู่ในป่า หรือในน้ำ และให้หมายความรวมถึงไข่ของสัตว์ป่าทุกชนิดอีกด้วย แต่ไม่หมายความรวมถึงสัตว์พาหนะที่ได้จดทะเบียน ทำตั๋ว รูปพรรณ ตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์ พาหนะ แล้ว และสัตว์พาหนะที่ได้มาจากการสืบพันธุ์ของสัตว์พาหนะดังกล่าว”

พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้กำหนดชนิดของสัตว์ป่าไว้ 3 ประเภท คือ 1.สัตว์ป่าสงวนหมายถึง สัตว์ป่าที่หายาก ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 15 ชนิด คือ (1) นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร มีเฉพาะที่ จ.นครสวรรค์ (2) แรด สูญพันธุ์ไปแล้ว (3) กระซู่ ปัจจุบันมีที่ประเทศอินโดนีเซีย (4) กูปรี หรือโคไพร ไทยเคยพบในป่า จ.ศรีสะเกษ แต่ปัจจุบันพบเห็นในประเทศกัมพูชา (5) ควายป่า มีที่ห้วยขาแข้ง (6) ละอง หรือละมั่ง ปัจจุบันสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ (7) สมัน หรือเนื้อสมัน ปัจจุบันสูญพันธุ์แล้ว (8) เลียงผา หรือเยื้อ หรือกูรำ มีในสวนสัตว์เขาดิน (9) กวางผา มีอยู่ที่ อ.ดอยม่อนจอง และที่เขาดิน (10) นกแต้วแล้วท้องดำ มีอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี แห่งเดียว (11) นกกระเรียน ในประเทศสูญพันธุ์แล้ว มีในประเทศจีน (12) แมวลายหินอ่อน (13) สมเสร็จ (14) เก้งหม้อ (15) พะยูน หรือหมูน้ำ

สัตว์ป่าสงวนทั้ง 15 ชนิดนี้ ห้ามล่า หรือห้ามมีไว้ในครอบครองถือเป็นความผิด เว้นแต่ทำเพื่อการศึกษา หรือวิจัยทางวิชาการ หรือเพื่อกิจการสวนสาธารณะ ทั้งนี้ต้องได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้

ขณะที่กลุ่มสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งก็คือสัตว์ป่าที่มีชื่ออยู่ในบัญชีแนบท้าย กฎกระทรวง กำหนดให้เป็นสัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2546 ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ประกอบด้วยสัตว์ป่าจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 201 ชนิด นก 952 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 91 ชนิด สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 12 ชนิด แมลง 20 ชนิด ปลา 14 ชนิด และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ 12 ชนิด

คงต้องใช้พื้นที่ระบุชนิดพันธุ์ที่กฎหมายคุ้มครองยาวเหยียด ซึ่งใครที่เคยเข้าไปดูข้อมูลรายชื่อสัตว์เหล่านี้ก็คงตกอกตกใจ เพราะนอกเหนือจากที่ปรากฏเป็นข่าวเรื่องการลักลอบมีไว้ในครอบครอง เลี้ยง ซื้อขาย แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นกระทั่งเพื่อนบ้านหรือคนรู้จักแอบเลี้ยงสัตว์ตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองระบุไว้

แน่นอนที่สุด ตามหลักกฎหมายใหม่นั้นไม่อนุญาตให้ล่า ซื้อขาย ครอบครองสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครอง แต่เพราะช่องทางที่ระบุว่า เว้นแต่สามารถกระทำโดยทางราชการ เพื่อการศึกษาและวิจัยทางวิชาการ การเพาะพันธุ์ หรือเพื่อกิจกรรมสวนสัตว์สาธารณะ และหากผู้ใดมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครอง แต่เดิมให้นำมาขึ้นทะเบียนต่อป่าไม้อำเภอภายใน 90 วัน นับแต่วันประกาศพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็จะถือว่ามีความผิด

เตือนใจ นุชดำรงค์ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ระบุว่า เอกชนสามารถที่จะครอบครองสัตว์ป่าในบัญชีคุ้มครองได้ กรณีที่ครอบครองสัตว์ดังกล่าว ก่อนกฎหมายประกาศใช้ หรือก่อนหน้าปี 2535 ซึ่งในปีนั้นมีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสัตว์ป่าเจ้าหน้าที่จะออกใบอนุญาตให้ผู้ที่ครอบครองต้องตรวจสอบที่มา สถานที่เลี้ยง ความเหมาะสม ความปลอดภัย ต้องมีการฝังไมโครชิประบุตัวตน การกักกันโรค ถ้าสัตว์ที่มีใบอนุญาตดังกล่าวตายไป ใบอนุญาตก็หมดอายุตาม ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ แม้กระทั่งวิธีการทำลายซากหลังตาย แต่หากสัตว์ที่เลี้ยงมีลูกก็ต้องมีการแจ้งเพื่อตรวจสอบและบันทึกทำทะเบียน

ปัจจุบันได้มีกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ. 2546 ซึ่งได้ปรับปรุงสัตว์ป่าคุ้มครองบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเพาะพันธุ์ได้ ที่ควรได้รับการส่งเสริมให้มีการเพาะพันธุ์เพิ่มเติม เพื่อป้องกันมิให้สูญพันธุ์ และเพื่ออนุญาตให้บุคคลมีไว้ในครอบครอง ค้า และเพาะพันธุ์ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สัตว์ป่าทั้งหมด 61 ชนิด ตามที่กำหนดไว้สามารถขออนุญาตเพาะพันธุ์ได้ ถ้านอกเหนือจากนี้ก็คงต้องถือว่าผิดกฎหมาย

“สัตว์ป่าในกลุ่มนี้ต้องมีการแจ้งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่ทราบ แจ้งประวัติพ่อแม่สัตว์ และถ้ามีลูกเกิดมาและต้องการขายก็ต้องมีการขออนุญาตเช่นกัน คนซื้อก็ต้องมีใบอนุญาตจากนาย ก. ขายให้นาย ง. ต้องมีใบอนุญาตครอบครอง สัตว์ป่าคุ้มครอง มีทั้งหมดกว่า 1,200 ชนิด เราอนุญาตให้เพาะพันธุ์จำหน่ายได้แค่ 61 ชนิด ใครที่จำหน่ายสัตว์ที่นอกเหนือจากรายชื่อและวิธีการครอบครองที่ต้องครบถ้วนถือว่าผิดกฎหมายหมด” เตือนใจ กล่าว

ศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ระบุว่า ตอนนี้วงการครอบครองสัตว์ป่านั้นเหมือนวงการพระเครื่อง คือมีการสะสมและปั่นราคาให้มีมูลค่าจนกลายเป็นค่านิยมว่า ใครมีสัตว์ชนิดนี้ ประเภทนี้ก็ถือว่ามีอำนาจ มีอิทธิพลมาก วงจรนี้เองที่ส่งเสริมให้มีการจับสัตว์ป่ามาลักลอบขายมากขึ้น รสนิยมการครอบครองสัตว์ป่า ส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้า นอกจากจะขายในประเทศแล้ว ยังมีการลักลอบส่งขายต่างประเทศตามไปสั่งอีกด้วย ความต้องการทางการตลาดคือกลไกสำคัญที่ยิ่งช่วยเร่งให้ธุรกิจด้านนี้เติบโต

“เลิกคิดผิดๆ ได้แล้วว่า การเลี้ยงสัตว์ป่าเป็นการช่วยอนุรักษ์สัตว์เหล่านั้นอีกทางหนึ่ง เพราะการอนุรักษ์สัตว์ป่าคือ การทำให้สัตว์ป่ามีประโยชน์กับธรรมชาติให้ไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ฉะนั้นกระบวนการที่ทำลายระบบนิเวศทั้งเรื่องของเลี้ยงที่เป็นต้นเหตุการส่งเสริมให้ไปจับสัตว์เหล่านั้นมาจำหน่ายมากขึ้นนั้นไม่ได้มีส่วนในการอนุรักษ์” ประธานมูลนิธิสืบฯ กล่าว

ศศิน ระบุอีกว่า การทำลายวงจรชีวิตสัตว์ป่าด้วยการซื้อมาเลี้ยงยังมีอีกมิติหนึ่งที่คาดไม่ถึงนั่นคือ สัตว์ป่าที่ถูกนำมาเลี้ยงอาจจะถูกเพาะขยายพันธุ์ โดยไม่มีการคัดเลือกพันธุ์อาจจะมีการผสมในกลุ่มเลือดชิด หรือเป็นการผสมพันธุ์ระหว่างสัตว์ที่มีสายเลือดใกล้ชิดกันหรือพูดง่ายๆ ว่าสัตว์เป็นญาติกันมีปัญหาเรื่องยีนด้อย ยิ่งทำให้เกิดสายพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ และหากสัตว์ป่าที่นำมาเลี้ยงหลุดเข้าไปในธรรมชาติก็ย่อมมีผลต่อระบบนิเวศต่อสายพันธุ์สัตว์ที่มีอยู่ในธรรมชาติ

“เสือเลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสือที่ได้มาจากการผสมปนเปกันมั่วไปหมด และทั้งหมดเป็นเสือที่ไม่มีคุณค่าต่อระบบนิเวศเลย และถ้าเสือเลี้ยงเกิดหลุดเข้าไปในป่าก็ยิ่งทำให้เสือในป่าที่มีอยู่เพียง 200 กว่าตัวเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์เร็วขึ้นเพราะหากผสมพันธุ์กัน ก็ยิ่งเกิดสายพันธุ์ด้อยและอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ” ประธานมูลนิธิสืบฯ กล่าว

ข่าวล่าสุด

“สีหศักดิ์” เตรียมประชุมอาเซียนนัดพิเศษที่มาเลเซีย ถกปมกัมพูชา 22 ธ.ค.นี้