posttoday

จอห์น คอนสเตเบิล แลนด์สเคปโลกจารึก

29 พฤษภาคม 2559

ภาพเขียน View on the River Stour Near Dedham (1821-1822) ของ จอห์น คอนสเตเบิล

โดย...อฐิณป ลภณวุษ

ภาพเขียน View on the River Stour Near Dedham (1821-1822) ของ จอห์น คอนสเตเบิล กำลังจะเป็นหนึ่งในภาพเขียนประวัติศาสตร์ที่นำออกมาประมูล เพื่อฉลองครบ 250 ปี ของสถาบันประมูลชื่อดังอย่างคริสตีส์

จอห์น คอนสเตเบิล (มีชีวิตระหว่างปี 1776-1837) เป็น 1 ใน 5 จิตรกรสาขาแลนด์สเคปที่โลกต้องจารึก ร่วมกับ เมียนเดิร์ตฮอบเบมา (ดัตช์) โกล้ด ลอร์กแครน, ฌอง-บัปติสต์-กามิลล์ โกโครต์ (ฝรั่งเศส) และจอห์น มัลลอร์ด วิลเลียม เทอร์เนอร์ (อังกฤษ)

จิตรกรอังกฤษจากยุคโรแมนติก เกิดที่อีสต์เบิร์กโกลต์ หมู่บ้านเล็กๆ ในซัฟโฟล์ก เมืองโบราณทางตะวันออกของเกาะอังกฤษ ซึ่งจะเห็นทิวทัศน์ทางธรรมชาติอันสวยงามของย่านบ้านเกิดของเขาผ่านภาพเขียน เช่น ดีดแฮมเวล ที่ปัจจุบันรู้จักกันดีในนามหมู่บ้านคอนสเตเบิล โดยเป็นความมุ่งมั่นของจอห์น ที่จะวาดภาพบ้านเมืองที่ตัวเองเกิดและเติบโตมาให้สวยที่สุด และวาดทิวทัศน์ที่อื่นๆ เมื่อมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง (ข้อความจากจดหมายที่เขียนถึงเพื่อน จอห์น ฟิชเชอร์ ในปี 1821)

ภาพเขียนชื่อดังของเขาส่วนใหญ่จึงเป็นภาพทิวทัศน์แถวๆ เอสเส็กซ์และซัฟโฟล์ก ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็น Wivenhoe Park (1816) Dedham Vale (1802) หรือ The Hay Wain (1821) ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานให้จิตรกรยุคต่อๆ มาอีกหลายท่าน

แม้ว่าชื่อเสียงของจอห์น คอนสเตเบิล จะโด่งดังติด 1 ใน 5 ของจิตรกรแลนด์สเคปโลก อีกทั้งสร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าต่อประเทศอังกฤษเอาไว้มากมาย ทว่าในช่วงชีวิตของเขาไม่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินมากสักเท่าไร เขาไม่ได้เป็นสมาชิกของสถาบันศิลปะใดๆ เลย จนกระทั่งได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนรอยัล อะคาเดมี ในวัย 52 ปี

ผลงานศิลปะของเขาได้รับการยอมรับและขายในฝรั่งเศสได้มากกว่าที่บ้านเกิดของตัวเองในอังกฤษเสียอีก จอห์น คอนสเตเบิล มีอิทธิพลมากมายต่อศิลปะของฝรั่งเศสในยุคโรแมนติกและธรรมชาตินิยม จิตรกรดังเมืองน้ำหอมอย่าง อูแชน เดอลาครัวซ์ ยังประทับใจผลงาน จนเดินทางมาศึกษาศิลปะการวาดสีน้ำในสไตล์ของเขา

นอกจากนี้ ผลงานของจอห์นยังทำให้ฝรั่งเศสก่อตั้งโรงเรียนศิลปะ บาบิซง (Barbizon) ขึ้นมา หลังจากปี 1824 ที่มีการจัดนิทรรศการของเขา ณ ซาลง เดอ ปาครีส์ ทำให้จิตรกรหนุ่มๆ สมัยนั้นเกิดไอเดียการวาดภาพให้เหมือนธรรมชาติมากที่สุด นำโดยเตโอดอร์ รุสโซ, ฌอง-ฟรองซัวส์ มีเยต์ แล้วก็ ชาร์ลส์-ฟรองซัวส์ โดบีญี ซึ่งจิตรกรแต่ละคนที่มารวมตัวกันวาดภาพแลนด์สเคปแนวธรรมชาตินิยม ต่างก็พัฒนาไปตามสไตล์ของตัวเอง

งานนี้ แม้แต่ ฌอง-บัปติสต์-กามิลล์โกโครต์ ก็ยังอดใจไม่ไหวมาเข้าร่วมในปี 1829 และได้สร้างสรรค์ View of the Forest of Fontainebleau ในปีถัดมา ซึ่งเรียกว่าสร้างชื่อให้โรงเรียนบาบิซงไม่แพ้ The Gleaners (1857) ของ ฌอง-ฟรองซัวส์ มีเยต์ หนึ่งในผู้นำกลุ่มนี้

บ้านของจอห์นเป็นโรงสี พวกเขารับซื้อขายสินค้าทางการเกษตร เป็นครอบครัวพ่อค้าที่ร่ำรวย โดยจอห์นเป็นลูกชายคนที่ 2 ซึ่งมีภาระรับช่วงกิจการจากบิดา เนื่องเพราะพี่ชายเป็นเด็กพิเศษ เขาไม่มีความสนใจทางธุรกิจเลย ทว่ารักในศิลปะตั้งแต่เด็ก ในที่สุดกิจการทั้งหลายก็ตกเป็นของน้องชายคนสุดท้อง

จอห์นเล่าเอาไว้ว่า ต้องขอบคุณเสียงของกังหัน (ของโรงสี) รวมทั้งทิวทัศน์ที่สวยงามของชนบทในบ้านเกิด ที่หล่อหลอมเขาให้กลายเป็นจิตรกร ใครที่เกิดทันในยุคนั้น จะเห็นภาพของศิลปินสมัครเล่นหนุ่มน้อยนั่งสเกตช์ภาพของสถานที่ต่างๆ ในซัฟโฟล์กและเอสเส็กซ์ ที่ภายหลังกลายเป็นเนื้อหาส่วนใหญ่ในศิลปะยุคโรแมนติกของเขา

เขาศึกษาศิลปะด้วยตัวเอง กระทั่งปี 1799 ที่เขาอ้อนวอนบิดาให้ปล่อยเขาเดินตามเส้นทางศิลปะ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าศึกษาในสถาบันรอยัล อะคาเดมี ในฐานะนักเรียนทดลอง เขาได้ศึกษาด้านกายวิภาคจากการผ่าศพสดๆ (ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนสมัยนั้น) หัดวาดภาพก๊อบปี้จิตรกรชั้นครู ตั้งแต่ โทมัส แก็งสโบโรห์, โกล้ด ลอร์กแครน, เพเทอร์ พอลรูเบนส์ ฯลฯ และได้แสดงงานของตัวเองที่รอยัล อะคาเดมี ในปี 1802

จอห์น คอนสเตเบิล ไม่ใช่คนหัวรุนแรง แต่ก็มีความคิดความเห็นส่วนตัวในเรื่องศิลปะ ที่แอบต่อต้านศิลปินที่ทำงานผ่านจินตนาการมากกว่าวาดตามที่เห็นในธรรมชาติ ภาพเขียนของเขาไม่เคยเสร็จจนกว่าจะ
ส่งต่อไปสู่มือผู้ซื้อ “ธรรมชาติของวันนี้ก็ไม่เหมือนเมื่อวาน ใบไม้ของเมื่อวานจะเหมือนวันนี้ได้ยังไง” จอห์นอธิบายเอาไว้ว่าทำไมต้องเปลี่ยนสีของใบไม้ทุกวัน

ในช่วงชีวิตของเขาสร้างสรรค์ผลงานเอาไว้มากมาย สิ่งที่เขาศึกษาจริงจังในการวาดภาพแลนด์สเคปคือ ทะเลและก้อนเมฆ โดยเฉพาะบรรยากาศที่แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติขณะนั้น ไม่ว่าจะฝนตก แดดออก พายุมา ฯลฯ ภาพชื่อดังของเขาที่แสดงให้เห็นการศึกษาในเรื่องนี้ก็อย่าง Seascape Study with Rain Cloud (1824) แล้วก็ Stonehenge (1835) ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาพเขียนพยากรณ์อากาศก็ยังได้

ในภาพเขียนเหล่านี้มักจะมีสเกตช์พร้อมคำบรรยายที่ด้านหลังถึงสภาพอากาศ ทิศทางของแสง เวลาที่วาด แถมยังมีการวิเคราะห์และจัดระเบียบลักษณะของเมฆอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ศึกษาศิลปะรุ่นหลังมากทีเดียว

ข่าวล่าสุด

กต.ชี้ กัมพูชาปิดด่านห้ามคนไทยกลับประเทศขัดกฎหมายระหว่างประเทศ