เมื่อคู่รักเกย์อยากมีลูก ณัฐ-อั๊ต สวมบทพ่อส่งต่อความอบอุ่นใน Fathers
ข้าวใหม่ปลามัน! อั๊ต อัษฎา-ณัฐ ศักดาทร ไม่หวั่นคนมองเป็นเกย์ รับบทชายรักชายใน Fathers
ข้าวใหม่ปลามัน! อั๊ต อัษฎา-ณัฐ ศักดาทร ไม่หวั่นคนมองเป็นเกย์ รับบทชายรักชายใน Fathers
หากพูดถึงหนังไทยส่วนใหญ่ที่พูดถึง "เพศที่สาม" มักจะถูกเสนอภาพจำให้คนคิดถึงแต่เรื่องตลกขบขัน ความบันเทิงเต็มอรรถรส รวมถึงเรื่องใต้กางเกงเซ็กส์หวือหวา น้อยเรื่องนักที่จะให้ตัวละครเหล่านี้มารับบทดราม่าพาคนดูตรึงอารมณ์ไปกับปัญหาครอบครัว ความรักที่ไม่ต่างจากคนทั่วไป
ล่าสุดค่ายหนัง Love Attitude ปล่อยภาพยนตร์เรื่อง Fathers หนังรักของชาย 2 คนที่ฝันอยากจะมีลูกด้วยกันออกมาให้แฟนๆได้ติดตาม กลายเป็นกระแสพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมาก นำนักแสดงโดยคู่รักข้าวใหม่ปลามันอย่าง อั๊ต อัษฎา พานิชกุล และ ณัฐ ศักดาทร ที่เพิ่งจะจูงมือเข้าพิธีวิวาห์กันไปรอบปฐมทัศน์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.)
ล่าสุดเขาทั้งสองคนยังไม่มีแพลนไปฮันนีมูนที่ไหน จึงตัดสินใจเดินทางมาให้สัมภาษณ์กับทางโพสต์ทูเดย์บันเทิงอย่างเป็นกันเอง พร้อมฝากภาพยนตร์ Fathers เรื่องนี้ไว้ให้ติดตามกันด้วย
ฉายรอบสื่อไปแล้วกระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง ?
ณัฐ : กระแสดีนะครับเท่าที่ดูหลายคนชมเรื่องประเด็นของหนังที่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ พูดถึงครอบครัวชายรักชายมากว่าหนังเพศที่สามที่หวือหวาที่ผ่านมา ที่มักจะตลกไม่ก็เรื่องเซ็กส์ค่อนข้างแรง เป็นการนำเสนออีกรูปแบบหนึ่งถึงกลุ่มคนเพศที่สามที่ไม่ได้ชีวิตที่โลดโผนตื่นเต้นตลอดเวลา ก็จะมีเรื่องความรัก เรื่องครอบครัวของชายหญิงทั่วไป
ประเด็นของหนังเรื่องนี้พูดถึงอะไร ?
ณัฐ : คือ.. ผมกับพี่อั๊ตอยู่ด้วยกันไปสักพักและอยากมีลูกจึงไปรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยง มันกลายเป็นว่าพอเด็กโตขึ้นไปโรงเรียนก็ไปเจอเด็กคนอื่นที่มีครอบครัวไม่เหมือนกับเขาที่มีพ่อสองคน จึงโดนเพื่อนล้อเกิดความสงสัยเกิดคำถาม กลายเป็นปัญหาในครอบครัวเราต้องแก้กันต่อไป
อั๊ต : ซึ่งตัวลูกคงไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกหรอก แต่พอเข้าไปอยู่ในสังคมกลายเป็นประเด็นแปลกสำหรับเขา พอไปเจออะไรในโรงเรียนความคิดเห็นก็จะเปลี่ยนไปเกิดปัญหา ก็จะเป็นปัญหาที่เราต้องแก้ไขกัน
ณัฐ : ก็จะมีบทของพี่นก สินจัย ที่เป็นผู้อำนวยการสถานคุ้มครองสิทธิเด็กกำพร้า เขาก็ได้ยินเรื่องนี้จึงเข้ามาคุยกับเราสองคนว่าควรทำอย่างไร เลี้ยงต่อไปอย่างไรต่อไป
หนังเรื่องนี้อิงกับกระแสข่าวน้องคาร์เมน ?
อั๊ต : เป็นความพอดีมากกว่าแต่อันนั้นจะเป็นส่วนของการอุ้มบุญ ในเรื่องมันก็สะท้อนสังคมปัจจุบันที่เป็นเรื่องปกติขึ้นที่จะมีคู่รักชายที่รับเลี้ยงเด็ก โดยเฉพาะเมืองนอก
ตัดสินใจนานไหมที่เลือกมารับบทนี้ ?
อั๊ต : ตอนที่รับบทมาและได้คุยกับผู้กำกับ แรกๆเลยไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของเกย์ เนื้อเรื่องเล่าไปถึงชีวิตคู่ที่มีปัญหาการเลี้ยงลูก แก้ปัญหาเรื่องลูก และบังเอิญมันเป็นชายรักชายจึงน่าสนใจมากขึ้น รวมถึงหนังเพศที่สามในเมืองไทยจะไม่ค่อยพูดถึงครอบครัวเลี้ยงเด็ก ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจจึงเป็นเหตุผลที่รับ ก็ไม่ได้ใช้เวลานานเพราะผู้กำกับค่อนข้างอยากเล่าเรื่องดีๆในกับสังคมในมุมมองอีกแบบซึ่งน่าสนใจจริง
ณัฐ : เหมือนกันครับ ตัดสินใจไม่ได้ พอได้อ่านเรื่องย่อก็รู้สึกว่าเป็นเนื้อเรื่องที่น่าสนใจในวงการหนังไทย รวมถึงเราไม่เคยเล่นหนังด้วยและเป็นบทแรกที่มาและน่าสนใจจึงมองเป็นโอกาสที่ดีที่จะรับเล่น เพราะมันท้าทายมาก เพราะตัวละครมีมิติมาก มีบทดราม่าเยอะมาก
รับบทแบบนี้กลัวคนมองว่าเป็นเกย์ไหม ?
อั๊ต : ไม่คิดครับเพราะเชื่อมั่นว่าคนแยกออก ว่าอันไหนการแสดงและตัวจริง ตอนที่รับก็รู้อยู่แล้วว่าหลายคนหลากความคิดเห็น แต่ถ้าเรามั่นใจว่าทำอะไรอยู่ก็ไม่เครียดอะไร
ณัฐ : ไม่นะครับ สำหรับผมและพี่อั๊ตรู้สึกว่าเราอยู่ในวงการมานานพอ จนไม่ต้องมานั่งใส่ใจคำถามเล็กๆน้อยๆแบบนี้ หรือนำมาเป็นเหตุผลที่ไม่ได้รับงานดีๆ ถ้านักแสดงมัวแต่คิดแบบนั้นก็ไม่เกิดโปรเจคดีๆแบบนี้ครับ
เรียนรู้ตัวละครชายรักชายทำการบ้านอย่างไรบ้าง ?
อั๊ต : ไม่ต้องศึกษาอะไรมากเพราะวงการนี้มีหลายรูปแบบสำหรับผมเองศึกษาจากหนังเพราะเป็นคนชอบดูหนังเยอะ ขณะเดียวกันก็ต้องอ่านและใช้คำแนะนำจากผู้กำกับเพราะเขาให้ทิศทางเพราะเขากำลังเล่าเรื่องจากที่เขาเขียนครับ
ณัฐ : ก็ไม่ถึงขั้นต้องไปถามเพื่อนว่าเห้ย.... (หัวเราะ) มันจะเป็นการทำการบ้านเรื่องคาแรคเตอร์มากกว่า เพราะของพี่อั๊ตต้องดูนิ่งๆ ผมเป็นคนโผงผางหน่อยซึ่งตรงข้ามกับตัวจริงของเราสองคน อีกส่วนคือผมต้องอยู่กับเด็กเพราะในชีวิตจริงไม่ได้อยู่กับเด็ก น้องฮิมครับ
เข้าฉากกับน้องฮิมเป็นอย่างไรบ้าง ?
ณัฐ : น้องฮิมน่ารักมากครับ ก็เป็นปัญหาทั่วไปแบบเด็กที่มีความซน ของผมมีซีนหนึ่งที่ผมต้องนอนปลอบลูกก็ซ้อมบทกัน พอถึงเวลาต้องแสดงแอ็คชั่น น้องฮิมก็เงียบไปเลยหลับไปแล้ว (หัวเราะ) วันนั้นต้องยกกองไปเลยเพิ่งสี่ทุ่มกว่าเอง เป็นชั่วโมงที่เราไฟแรงอยู่มากแต่เด็กแบตหมดแล้วก็ต้องปล่อยไปครับ
คิดว่าคนที่มาดูหนังเรื่องนี้จะได้อะไรกลับไป ?
อั๊ต : ได้สาระแน่นอนครับ ได้ความคิดอ่านในเรื่องของการอย่าตัดสินคนด้วยเปลือก จริงๆเราต้องเข้าใจลึกกว่านั้น เชื่อว่าคนที่ไปดูคงจะซึ้งและได้ความรู้สึกที่ดีขึ้นกับคนที่อยู่รอบข้าง และเห็นความสำคัญของคนที่เรารักมากขึ้นครับ
ณัฐ : ผมว่าสิ่งหนึ่งที่รู้สึกเหมือนประโยคหนังที่โปรยไว้ว่า ..คำว่ารักเกิดจากคนสองคน แต่คำว่าครอบครัวไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไป.. ทุกคนเข้ามาดูเรื่องนี้จะรู้สึกเลยว่าพอเรามีครอบครัวแล้ว มันจะมีอีกหลายอย่างที่เราต้องประคับประคองกันไปให้ครอบครัวอยู่รอด ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหนเพศไหนคือดูได้ทุกเพศทุกวัยครับ
พูดถึงกระแสจิ้น ณัฐ-อั๊ต กำลังฮอตมากตอนนี้ ?
ณัฐ : ก็รู้สึกดีมีแฟนที่หน้าตาดีขนาดนี้ ถ้าแฟนคลับเขาแฮปปี้ที่จะอะไรเราสองคนก็แฮปปี้ด้วยครับ
อั๊ต : ผมรู้สึกดีเหมือนกัน ภูมิใจมีแฟนมีซิกแพคด้วย จิ้นได้ตามสบายเลยครับ
ทั้งนี้หนุ่มณัฐ ยังขอฝากเพลงประกอบภาพยนตร์ "ความหมายที่หายไป" ที่เจ้าตัวแต่งและร้องเองอีกด้วย ส่วนหนังเรื่อง Fathers ก็อย่าลืมไปดู ชมความน่ารักของครอบครัวนี้เชื่อว่าเมื่อหนังจบต้องได้อะไรดีๆกลับมาแน่นอน วันนี้ในโรงภาพยนตร์นะจ๊ะ


