เจ็บ...เมื่อเพื่อนรักแย่งแฟน

โดย...บีเซลบับ ภาพ... ซีรี่ส์ Lovers in Paris

เมื่อคนรักหมดรักเรา ไปมีแฟนใหม่ให้เห็นหรือไม่เห็นก็ตาม ก็เจ็บนะ จะเรียกว่าอกหักรักสลายก็ไม่ผิด ความช้ำความทุกข์โถมประดังคั่งหัวอกอยู่แล้ว แต่ถ้าเพื่อนรักหรือเพื่อนสนิทที่ชอบพอคุ้นเคยกันมา จงใจตีท้ายครัวมาแย่งมาจีบแฟนทำคะแนนแข่งกับเรา หรือใส่ไฟให้แฟนเห็นความไม่ดีของเรา แล้วโฉบหรือที่เรียกว่าคาบเอาไปต่อหน้าต่อตา ความทุกข์นี้เขาว่ากันว่า “เจ็บ” เสียยิ่งกว่าเจ็บ

อกหักไม่ยักกะตาย แต่ตายเพราะแค้นเพื่อน! เราจะมองเรื่องนี้อย่างไร บทความนี้จะมองในทั้งสองมุม คือ มุมของคนที่แย่งแฟนเพื่อน กับมุมของคนที่เพื่อนแย่งแฟน

คนที่ชอบแย่งแฟนเพื่อน

ก่อนอื่นคงต้องยอมรับว่า ในสังคมของเรามีคนบางคนที่ชอบแย่งแฟนเพื่อน หรือชอบจีบคนที่มีเจ้าของแล้ว ยิ่งเป็นแฟนคนดังหรือคนที่มีชื่อเสียง ยิ่งชอบ เพราะทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่า มีอำนาจเหนือกว่าคนอื่น บางคนพอแย่งแฟนเขามาได้สำเร็จ ไม่ทันนานก็ทิ้งทอดเขาไม่เหลือเยื่อใย มองหาคนใหม่ที่จะไปแย่งมาอีก

เคยดูในหนังฮอลลีวู้ดว่า บางคนมีเป้าหมายเฉพาะเข้าไปอีก คือจะต้องแย่งจีบแฟนของเพื่อนรักให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง แต่เชื่อว่าไม่ไกลจากความจริง เรื่องจริงที่เห็นได้ทั่วไป ก็มีได้ยินได้ฟังเสมอ ยามเพื่อนไม่มีแฟนก็เซ้าซี้ให้เขามีแฟน แต่เมื่อเขามีแล้วรักใคร่กันดี ก็ขุดคุ้ยหาข้อบกพร่องของเพื่อนตัวเองไปบอกอีกฝ่าย หรือมองหาข้อบกพร่องของแฟนเพื่อนมาบอกเพื่อน จนทั้งสองฝ่ายเลิกรักกัน จากนั้นก็เข้าสวมรอยต่อ โฉบมาเป็นแฟนของตัวเอง

บางรายก็คบกันต่อไปได้ แต่ส่วนมากมักไปไม่ยืด เพราะคนพวกนี้มีปมในใจ รักใครไม่จริง จึงมองและใช้ความรักในรูปเกมกีฬาหรือเกมอำนาจ ต้องการแข่งขันแย่งมาเพื่อเพิ่มอำนาจของตัวเอง ไม่ใช่เพราะรักเขาจริงๆ จะรู้สึกว่าตัวเองมีค่าเมื่อแย่งมาได้ แต่จะเอามาทำอะไร หรือแย่งมาทำอะไร ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สรุปว่าจะเป็นคนรักต่อไปหรือไม่นั้นไม่สำคัญเท่ากับว่า ฉันต้องแย่งมาให้ได้

คนพวกนี้อาจมีครอบครัวที่ไม่อบอุ่นมาก่อน ขาดความรักความสนใจจากพ่อแม่ จึงมีลักษณะชอบแข่งขันสูง ขี้อิจฉา มองเพื่อน (รัก) เป็นคู่แข่งขัน ทำให้ลึกๆ อยากแข่งขันกับเพื่อนอยู่ในใจตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การแต่งตัว การมีรถยนต์ราคาแพงๆ ขับขี่ หรือกระทั่งการใช้ชีวิตส่วนตัว เช่น การมีความรักความสนใจในเรื่องต่างๆ ของเพื่อน รวมทั้งการมี (แย่ง) แฟนของเพื่อน แม้ภายนอกจะดูเหมือนรักเพื่อนมากก็ตาม

อีกกรณีหนึ่งคือเป็นพวกที่เป็นซาดิสม์ ชอบเห็นคนอื่นผิดหวังแล้วตัวเองมีความสุข บางคนมีปมในใจว่าเคยถูกแย่งของรักมาก่อน เช่น ถูกแย่งพ่อ ถูกแย่งแม่ หรือเคยถูกแย่งแฟน ของเล่นที่รักมากๆ ในวัยเด็ก เป็นต้น พวกนี้เมื่อโตขึ้นจะอยากแย่งของรักจากคนอื่นเพื่อเป็นการตอบแทน ตอบโต้ เป็นการแก้แค้นอดีตที่ฝังใจอยู่ลึกๆ

ปมในใจแบบนี้ทำให้คนที่ชอบแย่งแฟนเพื่อนไม่สามารถรักใครได้จริง เป็นทุกข์ตลอดเวลา ได้ใครมาก็รักไม่เป็น อยู่กับเขาไม่ได้ (เพราะจะระแวงอีกฝ่ายว่าเป็นพวกไม่รักจริงเช่นกัน) ขณะที่ตัวเองก็วิ่งหาความตื่นเต้นและความสุขจากการแย่งของรักหรือคนรักของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง พิสูจน์ (คุณค่าของ) ตัวเองซ้ำๆ อยู่เช่นนี้

เพื่อนที่ถูกแย่งแฟน

ให้ทำใจว่า เราไม่ได้เกิดมาคู่กัน แม้จะกำปั้นทุบดินไปหน่อย แต่ใช้ได้ผล นี่เป็นเรื่องของคนกลางที่โลเลหรือจิตใจไม่มั่นคง ไม่แน่ใจในรัก มองในอีกมุมคือความรักที่ไม่แท้จริง เมื่อเป็นเช่นนี้สักวันใดวันหนึ่งก็ต้องจากกันไป เปิดเพลงเก่าที่แต่งโดยครูไพบูลย์ บุตรขัน ลองฟังดูให้ซึ้งและเข้าใจ ชื่อเพลง “บุพเพสันนิวาส” เมื่อไม่ใช่คู่แล้วก็ต้องแคล้วกัน

คิดเสียว่าคนโลเลแบบนี้ หากได้มาเป็นคู่ชีวิต ก็คงจะเปลี่ยนใจง่ายๆ หรือเป็นอื่นไปได้ง่ายๆ จากกันเสียตอนนี้ดีกว่าอยู่กันไปมีลูกมีเต้า ยิ่งลึกซึ้งก็จะยิ่งเศร้าโศก เตือนตัวเองเป็นบทเรียนชีวิตว่า คราวหน้าถ้าจะมีแฟน อย่าปล่อยให้สนิทกับเพื่อนมากนัก และการคบเพื่อนก็ต้องเจ็บแล้วจำ ดูให้ดีก่อนว่าไม่ใช่พวกมีปม ชอบแย่งแฟนเพื่อน