10 ภาพยนตร์อาเซียน ไม่ดู ไม่ได้แล้ว
หากใครเป็นคอภาพยนตร์นอกกระแส คงรู้ดีว่าเมื่อวันที่ 22-26 เม.ย.ที่ผ่านมาได้มีเทศกาลภาพยนตร์อาเซียน
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร
หากใครเป็นคอภาพยนตร์นอกกระแส คงรู้ดีว่าเมื่อวันที่ 22-26 เม.ย.ที่ผ่านมาได้มีเทศกาลภาพยนตร์อาเซียนแห่งกรุงเทพมหานคร 2559 ครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเทศกาลนี้จัดขึ้นโดยกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้อาเซียนเอ็กซ์โป ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มตัว โดยคัดสรรภาพยนตร์คุณภาพเยี่ยม 10 เรื่องจาก 10 ประเทศสมาชิกในกลุ่มประชาคมอาเซียน พร้อมเข้าถึงและเป็นมิตรคนไทยด้วยบทบรรยายไทย-อังกฤษ ซึ่งงานนี้จัดฉายฟรีทุกเรื่องและทุกรอบอีกด้วย
สำหรับเทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการเรียนรู้ทางวัฒนธรรม สะท้อนความเป็นตัวตนทางสังคม รวมไปถึงความคิดและทัศนคติของคนแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน ว่าแต่งานมันผ่านพ้นไปแล้ว ทำไมยังเอางานนี้มานำเสนออีก ใครหลายคนคงสงสัย ไม่ต้องสงสัยไป เพราะงานนี้เขายังจัดขึ้นอีกที่ จ.ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ เพื่อให้คอภาพยนตร์นอกกระแสที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ หรือจังหวัดใกล้เคียงได้เข้าไปดูโดยทั่วถึงกัน
สำหรับ จ.ขอนแก่น เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.-4 พ.ค. ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีเนม่าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น ต่อด้วย จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มตั้งแต่วันที่ 6-12 พ.ค. ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี และปิดท้ายที่ จ.เชียงใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 13-19 พ.ค. ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ เชียงใหม่ โดยสามารถรับบัตรชมภาพยนตร์ฟรีได้ที่จุดประชาสัมพันธ์เทศกาลภาพยนตร์อาเซียนแห่งกรุงเทพมหานคร 2559 บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ก่อนรอบฉาย 30 นาที (รับบัตรชมภาพยนตร์ได้ 1 คน/1 ใบ) สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอสเอฟคอลเซ็นเตอร์ 02-268-8888 และ www.sfcinemacity.com หรือ www.facebook.com/welovesf
มาถึงพระเอกนางเอกของงานกันบ้างดีกว่า 10 ภาพยนตร์อาเซียน 10 เรื่อง 10 รสนี้ มีเรื่องใดกันบ้าง ไม่รอช้าให้เสียเวลา ตามไปดู
เริ่มต้นที่ภาพยนตร์ร่วมทุนสร้างของไทย จีน และสิงคโปร์ “Distance” ที่มีผู้กำกับไทยร่วมกำกับด้วย นั่นคือ “ศิวโรจน์ คงสกุล” โดยภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ (และระยะห่าง) ระหว่างคนในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน ว่ากันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ประกอบไปด้วย 3 พาร์ตที่ถ่ายทำใน 3 ประเทศ(ไทย จีน และสิงคโปร์)
เรื่องต่อมา “A Copy of My Mind” ภาพยนตร์สัญชาติอินโดนีเซียที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เทศกาลภาพยนตร์เวนิส 2015 และได้รับเลือกให้ไปฉายยังเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวของ ซารี พนักงานสปาที่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ วันหนึ่งเธอได้ไปซื้อดีวีดี และได้พบกับ อเล็กซ์ พ่อค้าขายดีวีดี ทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกัน และกลายมาเป็นแฟนกัน ซารี ตัดสินใจย้ายงานจากร้านเดิมไปทำงานยังสปาอีกแห่งที่เน้นลูกค้าไฮโซที่นี่เธอได้พบกับลูกค้าไฮโซคนหนึ่ง ผู้ซึ่งนำเรื่องราววุ่นวายต่างๆ นานามาสู่ชีวิตของเธอ จนทำให้เรื่องราวเกิดความเข้มข้น
มาที่ภาพยนตร์สัญชาติบรูไน“Yasmine” เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอศิลปะการป้องกันตัวของอาเซียนอย่างปันจักสีลัต ถ่ายทำในบรูไนดารุสซาลาม โดยได้ ชานมาน ชิง ทีมสตันต์ของ เฉินหลงมากำกับฉากแอ็กชั่นให้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวของ ยัสมินหญิงสาวที่อยากเป็นแชมป์ปันจักสีลัต เพื่อเอาชนะใจชายหนุ่มที่เธอแอบชอบ ซึ่งทำให้เธอขัดแย้งกับเพื่อนรัก รวมถึงพ่อของเธอ เธอจึงต้องพยายามยิ่งขึ้นในการแข่งขันเพื่อพิสูจน์ตนเอง
ต่อด้วยภาพยนตร์ดราม่าสัญชาติลาว “Above It All” เล่าเรื่องราวของ “น้อย” นักศึกษาแพทย์ที่กำลังถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงานกับหญิงสาวที่ร่ำรวย ทำให้เขาไม่สามารถทนปิดบังความจริงบางอย่างได้อีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจบอกความลับของเขากับพ่อและแม่ของเขา ในขณะเดียวกัน “น้อย” หญิงสาวชาวม้งที่กำลังจะจบการศึกษาต้องเผชิญกับความลำบากใจ เพราะเธอจะต้องตัดสินใจเลือกว่าจะคบหากับแฟนหนุ่มที่เป็นนักดนตรีต่อไปหรือจะยอมเดินทางไปต่างประเทศเพื่อแต่งงานกับเจ้าหนี้ของพ่อและแม่ของเธอ
เมื่อนึกถึงฟิลิปปินส์ เรามักนึกถึงหมู่เกาะและพายุ เพราะฉะนั้น “Taklub” ภาพยนตร์ฟิลิปปินส์เรื่องนี้ จึงได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครหลักสามตัวคือ เบเบธ แลร์รี่ และเออร์วิน ที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดหลังจากต้องประสบกับพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียผู้เป็นที่รักไปเท่านั้น พวกเขายังได้พบกับเรื่องราวที่มาจากนํ้ามือของธรรมชาติและมนุษย์ ที่จะมาเป็นบทดสอบพวกเขา จนถึงเวลาที่นํ้าตาแห่งความโศกเศร้าจะหมดไป
มาถึงภาพยนตร์ไทยกันบ้าง ในเทศกาลนี้เราจะได้ชมภาพยนตร์ไทยที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากเวทีสุพรรณหงส์ครั้งที่ผ่านมา ในสาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม พร้อมชนะรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติรอตเทอร์ดาม นั่นคือ “เพลงของข้าว” ภาพยนตร์ที่ได้นำเสนอมุมมองวิถีของข้าวที่มีต่อวิถีของชาวนาในพื้นที่ทั่วประเทศไทย ด้วยการถ่ายทำที่ตื่นตาตื่นใจ สร้างความประทับใจผ่านชีวิตเปี่ยมสีสันของผู้คนที่ร่วมกันเฉลิมฉลองวาระต่างๆ ของวิถีแห่งข้าวที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี และด้วยความพิเศษของเทคนิคการถ่ายทำที่งดงามในแบบที่ไม่เคยเห็นในภาพยนตร์ไทยเรื่องใดมาก่อน
นอกจากนี้ เรายังจะได้ดูภาพยนตร์อีกมากมายหลายเรื่องทั้งแอ็กชั่น โรแมนติก ดราม่า คอมเมดี้ ไม่ว่าจะเป็น “3688” จากสิงคโปร์ “3.50” จากกัมพูชา “Bitcoins Heist” จากเวียดนาม “Day and Night Omnibus” จากมาเลเซีย และ “kayan Beauties” จากเมียนมา มาให้ได้เลือกดูอย่างเต็มอิ่ม
อยู่ใกล้ที่ไหน ไปดูที่นั่น แล้วคุณจะรัก 10 ประเทศอาเซียนของเรามากขึ้นอีกเพียบ


