จบสัมพันธ์ความเป็นเพื่อน

โดย...ราตรีแต่ง

ไม่มีใครอยากตัดขาดมิตรภาพคำว่า “เพื่อน” ถึงแม้เป็นเพื่อนที่เพิ่งคบหากันมาในช่วงทำงาน 4-5 ปี เพื่อนสนิทคือคนที่เราให้ใจมากที่สุด คอยห่วงใยกันไปไหนไปกัน แต่เมื่อถึงทางตันที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องมานั่งถามตัวเองเพื่อหาคำตอบว่า เราสมควรเลิกคบเพื่อนคนนี้หรือไม่? สาเหตุนี้เพราะอะไร? เวลาที่คบหากันมาไม่มีค่าอะไรเลยหรือ? ความรู้สึกแย่เจ็บปวดประดังประเดเข้ามามากมาย ความผิดหวังเสียใจพอๆ กับบอกเลิกจากคนรักเลยก็ว่าได้ เพื่อนรักเพื่อนสนิทมีค่าพอๆ กับคนในครอบครัว เพราะโบราณก็มีคำว่า “มิตรแท้มีค่ากว่าญาติ” นี่คือเรื่องจริง!

แต่ถ้าความรู้สึกผิดหวังกับการกระทำของเพื่อน ถือเป็นเรื่องใหญ่เกินอภัย เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ ความไว้วางใจ ก็ไม่ไหวจะเคลียร์ก็อาจจะแยกทางกันเดิน หรือไม่(ควร)กลับมาสนิทกันอีกเลยก็มี ซึ่งเป็นเรื่องเศร้าที่สุดในชีวิตครั้งใหญ่เลยทีเดียว และเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ต้องถึงเวลาสรุปคำตอบของมิตรภาพครั้งนี้

- “ขอโทษ” ออกจากปากไม่จริงใจ เป็นเพื่อนกันก็แน่นอนว่าบางทีก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ขัดใจกันบ้างเป็นธรรมดา ถ้าเป็นเรื่องที่จุกจิกเล็กน้อยยิ่งถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงด้วยกันด้วยแล้ว งอนกันแป๊บๆ เดียวก็หาย แต่ทุกทีที่เกิดเรื่องใหญ่ไม่ไหวจะเคลียร์ กลับไม่มีคำขอโทษ หรือมีคำขอโทษก็จริงนะ แต่เธอกลับพูดคำนี้ได้ซ้ำๆ บ่อยๆ ซ้ำซากจนรู้สึกได้เลยว่าคำขอโทษๆๆๆ นั้นพูดได้ง่ายดายเกินไปแล้ว แถมไม่ได้ออกมาจากใจจริงเอาเสียเลย แค่เป็นเพียงคำขอโทษแบบขอไปทีแล้วมาพร้อมกับคำแก้ตัวอีกมากมาย เช่นมาพร้อมกับคำว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเราคนเดียว คนอื่นก็ผิดนะเพราะ... “ประโยคนี้แสดงนิสัยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก การขอโทษที่จริงใจนั้นเป็นเรื่องสำคัญไม่ว่าคุณจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม เพื่อนน่ะถ้าอยู่ด้วยกัน ต้องรู้สึกดีขึ้นสิ ไม่ใช่แย่ลงแบบนี้

- บอกไปตรงๆ เลย ว่าทำไมคุณจึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอแล้ว บอกเพื่อนคนนั้นว่าทำไมคุณจึงเลิกคบ เพื่อนเก่งมากเรื่องทำให้รู้สึกแย่ เมื่ออารมณ์ไม่ดีหรือมีเรื่องเครียดและกังวล เพื่อนสุดที่รักของคุณคนนี้ก็คอยจะทำให้คุณเครียดหนักกว่าเดิม รู้สึกผิดกว่าเดิม ไม่เคยมองด้านบวกหรืออะไรให้เรารู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย หลายครั้งหลายหนที่เพื่อนคนนี้มองโลกในเชิงลบได้มากมายขนาดไหน แต่อะไรไม่ว่า...แต่การมีทัศนคติเรื่องการดูถูกคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น แม้จะมีเพื่อนไม่เยอะแต่เพื่อนแบบนี้ไม่น่าคบเอาไว้เลย

- อย่าใช้อารมณ์ พูดกันด้วยเหตุด้วยผล คุณต้องเคลียร์ให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงเหตุผลที่คุณต้องการจะเลิกคบกัน ก็ต้องบอกให้ชัดเจนไปเลยว่าคนที่เปลี่ยนไปคือคุณเอง และเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง เราอาจผิดพอกันทั้งคู่ ถ้าคุยกันดีๆ แบบนี้ ก็น่าจะเลี่ยงตอนจบแบบนองเลือดได้ แล้วถ้าต้องถกเถียงกันทางโทรศัพท์ก็จะดีกว่าการส่งข้อความ ที่ทำให้สื่อสารไม่ได้ผลดี

ถ้ารุนแรงเกินไป การออกมาคุยกันตัวต่อตัวก็อาจเป็นสิ่งที่จำเป็น สถานที่เช่นสวนสาธารณะ หรือร้านกาแฟเป็นจุดนัดพบที่ดี เพราะเป็นที่สาธารณะซึ่งใครๆ ก็ไปได้ ถึงแม้ว่าการเผชิญหน้าคุยกัน คุณอาจสะเทือนอารมณ์กันบ้าง แต่การอยู่ในท่ามกลางผู้คนเยอะๆ คุณทั้งสองคนจะเก็บอารมณ์ได้ดี เก็บอารมณ์ได้ไม่โวยวายไม่ปรี๊ดแตก ให้อับอายกันไป ลดสถานการณ์รุนแรงไปได้เยอะทีเดียว

- ทนคบกันอยู่อีกทำไม? ช่างฟังดูโหดร้าย นิสัยเราเข้ากันไม่ค่อยได้ในบางเรื่อง หรือรู้สึกบ่อยๆ ว่าเธอเห็นแก่ตัวมากเกินไป มันก็เฮิร์ทนะ เพราะไม่นึกว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ตัดออกจากชีวิตกันดื้อๆ แบบนี้ ในบางสถานการณ์ การพูดตรงๆ ก็ไม่ใช่วิธีที่ถนอมน้ำใจได้มากที่สุด เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดลง ลองถอยมาทีละก้าวให้คุณติดต่อกันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ต้องเริ่มตัดใจโดยไม่รับหรือโทรศัพท์หาเพื่อนคนนี้เลย หรือถ้าเพื่อนโทรมาบ่อยๆ ก็ให้ตัดบทแล้วบอกไปเลยว่ายุ่งมาก ไม่ว่างคุยเวลานี้ ต้องแข็งใจทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายความเป็นเพื่อนมันก็จะค่อยๆ จางหายไปตามเวลาเอง ไม่ต้องกลุ้มใจไปหรอก แค่รู้สึกแย่ที่จะเลิกคบต่อไป บอก
ตัวเองเมื่อรู้สึกจิตตกว่า...ความเป็นเพื่อนนั้นมันทำให้คุณหนักใจมากกว่าสบายใจ    

- คุยเรื่องเบาๆ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ต้องเจอกันพร้อมเพื่อนกลุ่มใหญ่ จำเป็นต้องคุยกัน ก็ไม่ต้องคุยกันในเชิงลึกแบบเพื่อนสนิทซึ่ง(เคย)คุยกันแต่เรื่องที่ให้แต่ละฝ่ายรู้จักกันดีมากขึ้นในแบบเดิมๆ อีกต่อไป ฉะนั้น ถ้าสรุปแล้วว่าขอตีตัวออกห่างจากเพื่อนคนนี้ ก็ต้องเลิกคุยกันแบบเปิดอก เมื่อคุณต้องคุยกับเขา จงคุยเรื่องผิวเผินทั่วไปๆ เหมือนเวลาคุยกับคนที่แค่รู้จักคนหนึ่งเท่านั้น

ถ้าคุณยังคุยแบบเพื่อนอยู่อีก มิตรภาพก็อาจไม่จางหายไปง่ายๆ อย่างที่คุณต้องการ