ชีวิตไม่คิดเปลี่ยน เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์

“ครอบครัวเป็นนักธุรกิจ จะมีก็แต่ตัวเองล่ะมั้งที่แปลกแยกมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือ รวมทั้งคงเป็นตัวเองที่ในบรรดาลูกทั้งหมดแล้ว พ่อออกจะห่วงและเป็นกังวลอยู่หน่อยๆ” ยุ้ยผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์เล่ายิ้มๆ ถึงตัวเอง

โดย.....วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

 

สาวสวยมาดนักวิชาการและนักธุรกิจ ลูกสาวคนโตวัย 36 ปี บิดาคือ ธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือเสนา ที่ยืนยงมากว่า 25 ปี หากเมื่อ 5-6 ปีก่อน ธีรวัฒน์เป็นมะเร็ง จุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยน แต่เมื่อมองย้อนไป เกษราบอกทุกคนว่า จุดเปลี่ยนทำหน้าที่ของมัน และทุกคนทำดีที่สุด หากชีวิตสามารถเปลี่ยนอะไรได้ รับรองว่าเธอจะไม่เปลี่ยนแน่

สวัสดี...มะเร็ง

“คุณแม่โทร.มาบอกว่าคุณพ่อเป็นมะเร็งนะ ตกใจมากเพราะไม่เคยมีใครในบ้านที่นึกถึงคำคำนี้มาก่อน” เกษราเล่า ตอนนั้นเธออายุ 28-29 ปี เรียนปริญญาเอกที่ Claremont Graduate University จบแล้วกลับมาสอนเอ็มบีเอที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความรู้สึกที่ว่าจะต้องมาช่วยธุรกิจที่บ้านก็แวบๆ เข้ามาในช่วงนี้ บิดาเป็นเสาหลัก การรับผิดชอบภารกิจทั้งหมดแทนบิดาเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสในความรู้สึก
โชคดีที่เรียนด้านบริหารธุรกิจ อันดับแรกที่ตรงเข้าดูคือเรื่องเงิน ป้องกันความผิดพลาด ก่อนวางแผนระยะสั้นยาว ที่ผ่านมาเสนาฯ ดำเนินโครงการทีละไม่มาก ตีกรอบความเสียหายและลดความเสี่ยงให้มากที่สุด เกษราดำเนินนโยบายตามนั้น ถือคติว่าค่อยๆ ก้าว โดยเฉพาะในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ ช่วงนั้นน้องสาวอีก 2 คน เรียนหนังสือ ทุกคนต้องผลัดกันไปเฝ้าไข้บิดาที่โรงพยาบาลศิริราช

“ที่ศิริราชไม่มีพยาบาลเฝ้าไข้ เขาบอกเราเลยว่า เราต้องดูแลเอง เพราะฉะนั้นก็ตามนั้น เป็นช่วงที่ทุกคนในบ้านต้องมาช่วยกัน” เกษราเล่า งานสอนที่จุฬาฯ ก็สอน ขณะเดียวกันก็แฮนเดิลธุรกิจทั้งหมดของที่บ้าน รวมทั้งดูแลความป่วยเจ็บของบิดาไปพร้อมๆ กัน ความเป็นครอบครัวที่ทำให้ผ่านมาได้ ธีรวัฒน์เป็นมะเร็งในโพรงจมูก ทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนสูบบุหรี่และไม่มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง แต่มะเร็งก็แจ็กพอต ถือเป็นวิกฤตใหญ่ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ

แล้วพ่อก็หาย

ไม่เกิดกับใครก็คงไม่รู้ เกษราเล่าว่า การที่บุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็ง เป็นเรื่องเศร้าที่ทุกข์ทน หลายครั้งที่ต้องพาพ่อกลับบ้านเพราะพ่อแข็งแรงไม่พอจะทำเคมีบำบัด พ่อต้องทำเคมีบำบัด 6 ครั้ง โชคดีผมพ่อไม่ร่วงและจิตใจต่อสู้อย่างน่าทึ่ง ข้อดีของพ่อคือความเป็นคนกระตือรือร้น พ่อชอบทำงานและทำมาตลอดชีวิต มะเร็งแค่นี้ไม่หยุดพ่อได้

“พ่อเป็นคนสนุกกับการทำงาน ขณะป่วยก็ยังทำงานอยู่ ที่บ้านพร้อมใจกันสนับสนุน เนื่องจากเห็นว่าเป็นผลดีต่อจิตใจและอาการเจ็บป่วย” เกษรากล่าว ในที่สุดมะเร็งของพ่อก็หายขาด ต้องขอบคุณหลายฝ่าย บรรดานายแพทย์ที่ร่วมรักษา โดยเฉพาะตัวพ่อเองที่ทุ่มเต็มที่กับการรักษา ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน พ่อไม่ทดท้อและไม่เป็นภาระหนักใจแก่ใครเลย

มองย้อนกลับไป แม้พูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นเรื่องดี แต่การเป็นมะเร็งของพ่อในครั้งนั้น ทำให้ทุกคนในบ้านเห็นความสำคัญเรื่องสุขภาพ สุขภาพต้องมาอันดับหนึ่ง ปัจจุบันบิดาธีรวัฒน์ อายุ 60 ปีแล้ว แต่ยังเป็นที่ปรึกษาสำคัญเรื่องการลงทุน อย่างไรก็ตาม สุขภาพต้องมาก่อน พ่อทำงานดูแลงาน แต่อีกมิติหนึ่งก็ดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพ ไปเที่ยวและพักผ่อน ชีวิตสมดุลที่เป็นคำตอบสุดท้าย

ก่อนจะกลับบ้าน

เกษราจบคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ก่อนจะบินไปเรียนสหรัฐ ความคิดขณะนั้นคืออยากไปและต้องไป หากบิดาไม่อนุญาต อาจเพราะเป็นลูกผู้หญิงก็เป็นธรรมดาที่จะห่วง จนแล้วจนรอดพ่อพูดแต่คำว่าไม่ แต่ทุกคนก็คงรู้คำตอบอยู่แล้วว่าในที่สุดลูกสาวคนนี้ก็ดิ้นรนไปจนได้ เธอบินไปพักอยู่กับคุณน้าที่แคลิฟอร์เนีย ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมตัว คนเก่งหามหาวิทยาลัยเข้าไม่ได้ พูดก็พูดยังไม่ได้ เหงาก็เหงา ปรับตัวแล้วก็ไม่ไหว เลยส่งข่าวมาที่บ้านว่า “จะกลับล่ะ”

“คราวนี้คนที่คัดค้านคือคุณพ่อ กลายเป็นคุณพ่อที่ยืนยันไม่ให้กลับ พ่อบอกว่าทำอะไรแล้ว ต้องทำให้จบ อย่าทำครึ่งๆ กลางๆ ถ้ายอมให้กลับมา จะกลายเป็นคนขี้แพ้ไปตลอดชีวิต” เกษราเล่า

เจ้าตัวบอกได้แบบอย่างจากพ่อเยอะ ตั้งแต่มุมมองและเหลี่ยมคมการใช้ชีวิต การทำธุรกิจ ยิ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ตัวแปรและปัจจัยภายนอก (บางที) ควบคุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องกล้าฟันธง กล้าตัดสินใจ พ่อเป็นคนชอบทำงานที่ยากก็ทำให้เราได้เรียนรู้ ชีวิตวันนี้เป็นหนี้พ่อเยอะเลยนะเนี่ย

ก่อนจะโดนบิดาแย่งซีนไปมากกว่านี้ ชีวิตส่วนตัวของเกษราแต่งงานแล้วเมื่อ 6 ปีก่อน เธอเพิ่งมีลูกคนแรกเมื่อ9 เดือนที่ผ่านมา ขอต้อนรับสมาชิกใหม่คือ น้องธัญ ลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักและกำลังเป็นขวัญใจของคุณตา บทบาทใหม่คือบทบาทแม่ที่ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด