กัวฟู่เฉิง 50 ยังฟิต
อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข ไม่สามารถฆ่าชื่อพระเอกตลอดกาลของ “กัวฟู่เฉิง” ได้ เพราะอายุยิ่งเยอะยิ่งหล่อเฟี้ยว
โดย...มัลลิน
อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข ไม่สามารถฆ่าชื่อพระเอกตลอดกาลของ “กัวฟู่เฉิง” ได้ เพราะอายุยิ่งเยอะยิ่งหล่อเฟี้ยว ฟิตเปรี๊ยะ ถึงปีนี้ 50 แล้ว แต่ความร้อนแรงทั้งฝีไม้ลายมือการแสดง และรูปร่างอันกำยำ ยังดึงดูดความสนใจของแฟนๆ ได้เสมอ ผลงานก็มีออกมาให้ได้ชมอยู่เนืองๆ กับบทอันหลากหลายที่การันตีฝีมือ แบบนี้ไม่มีกลัวพระเอกเกิดใหม่จะมาทับรอย
ล่าสุดได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ฮ่องกง ฟิล์ม อวอร์ด ครั้งที่ 35 ประจำปี 2016 จะประกาศผลวันที่ 3 เม.ย. จากเรื่อง Port of Call ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้เข้าชิงมากสุดถึง 13 รางวัล เช่น กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งรางวัลนักแสดงนำนี้ กัวฟู่เฉิง ต้องขับเคี่ยวกับนักแสดงร่วมยุคทั้ง หลิวเต๋อหัว เหลียงเฉาเหว่ย และ จางเซียะโหย่ว
Port of Call เป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นดราม่าที่อิงจากเรื่องจริง กัวฟู่เฉิง เปลี่ยนแปลงตัวเองไปโดยสิ้นเชิง ต้องรับบทเป็นตำรวจหนุ่มใหญ่มากประสบการณ์แต่ไม่สนใจดูแลตัวเอง ไว้หนวดไว้เครา (จริง) มีผมขาวแซมทั้งศีรษะ สวมแว่นตาหนาเตอะ ดูแก่กว่าวัย (แต่ยังหล่อนะ) ซึ่ง กัวฟู่เฉิง ถึงขั้นงดออกกำลังกาย (ที่ชื่นชอบมากๆ) เพื่อให้ร่างกายดูโทรมลง แต่พอถ่ายทำเสร็จอกก็กลับมาฟูแน่น ซิกซ์แพ็กขึ้นเป็นลอนๆ เหมือนเดิม
มาถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่กำลังมีโปรแกรมฉายในโรงภาพยนตร์เมืองไทยทั้งในระบบ 2D และ 3D “ไซอิ๋ว 2 ตอน ศึกราชาวานรพิชิตมาร” ภาพยนตร์มหากาพย์แอ็กชั่นแฟนตาซี ผลงานกำกับจาก “เจิ้งป๋อไช่” เรื่องนี้ กัวฟู่เฉิง ต้องแปลงโฉมใหญ่อีกครั้ง แทบไม่เหลือคาแรกเตอร์เดิมเลยเพราะต้องสวมบทบาทเป็น “ซุนหงอคง”
กัวฟู่เฉิง ใช้เวลากว่า 6 เดือนในการเตรียมตัวรับบท ทั้งฝึกศิลปะการต่อสู้และการซักซ้อมคาแรกเตอร์ ใช้เวลาในการแต่งหน้าเอฟเฟกต์กว่า 6 ชั่วโมง และเมื่อถ่ายทำเสร็จในแต่ละวันต้องใช้เวลาอีกกว่า 3 ชั่วโมงในการล้างเมกอัพ จน กัวฟู่เฉิง กล่าวติดตลกว่า เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม ดอนนี่เยน ถึงเลือกไม่รับเล่นต่อในภาคนี้
“พอผมรู้ว่าทีมงานอยากให้ผมกลับมาแสดงในเรื่องนี้ ผมก็รีบตอบรับทันที เพราะผมชื่นชอบในทีมงานและผลงานที่ผ่านมา งานคอมพิวเตอร์กราฟฟิกแบบอลังการ คือสิ่งที่ผมตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานอีกครั้ง และในครั้งนี้ผมรับบทเป็นซุนหงอคง ซึ่งต้องมีการซ้อมบทเพื่อให้ได้คาแรกเตอร์ตรงตามที่ผู้กำกับ เจิ้งป๋อไช่ ต้องการ เขาบอกผมว่าเขาต้องการเห็นหงอคงในฉบับที่ดุขึ้น แกร่งมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีความพยายามที่จะเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนๆ เช่นกัน”กัวฟู่เฉิง เผยถึงการมารับงานนี้
ไซอิ๋ว 2 ตอน ศึกราชาวานรพิชิตมาร เริ่มถ่ายทำในเดือน ธ.ค. 2014 ในสตูดิโอที่จีน และย้ายไปถ่ายทำเพิ่มเติมที่ประเทศนิวซีแลนด์ ได้ทีมสเปเชียลเอฟเฟกต์จากทีมผู้สร้าง The Lord of the Rings และ The Hobbit มาร่วมงาน ที่สำคัญฉากบู๊แอ็กชั่นสุดมันในภาคนี้ได้ หงจินเป่ามากำกับการต่อสู้
กัวฟู่เฉิง เล่าถึงเรื่องราวในภาคนี้ว่า “เรื่องราวในภาคแรกนั้นกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของซุนหงอคงก่อนที่เขาจะได้พบกับพระถังซัมจั๋ง ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง เรื่องราวในภาคนี้ต่อเนื่องจากนั้น คือหลังจากที่ซุนหงอคงได้ถูกจองจำกว่า 500 ปี พระถังซัมจั๋งได้มาพบกับเขา และได้ปลดปล่อยซุนหงอคง เพื่อแลกกับการที่ซุนหงอคงจะต้องช่วยเหลือพระถังซัมจั๋งในการเดินทางไป ณ ดินแดนชมพูทวีป”
ในภาคก่อน กัวฟู่เฉิง เคยแสดงด้วย ในบทของปีศาจกระทิง “ตอนแรกผมตกใจมากที่ทีมงานติดต่อมาเพื่อให้กลับมาเล่นใน The Monkey King 2 เพราะตัวละครของผมที่เคยได้รับ (ปีศาจกระทิง) นั้นคงไม่สามารถกลับมาในภาคต่อนี้ได้แล้ว เพราะเขาถูกซุนหงอคงจัดการไปแล้ว ผมก็ถามเขากลับไปว่าจะให้ปีศาจกระทิงกลับมาเหรอ ทางปลายสายตอบกลับมาว่า ไม่ใช่ เขาต้องการให้ผมแสดงในบทที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น บอกตามตรงว่าผมไม่รู้เลย ทาง เจิ้งป๋อไช่ นัดผมเข้ามาคุยผมก็ไป ก่อนไปผมคิดว่าจะให้ผมเป็นปีศาจตัวไหนอีกล่ะ ซึ่งผมก็ไม่ได้จะปฏิเสธอะไร เพราะผมก็อยากร่วมงานกับทีมงานชุดนี้อีกครั้งอยู่แล้ว แต่เมื่อผมมาถึงออฟฟิศ เจิ้งป๋อไช่ ทักผมประโยคแรกว่า คุณพร้อมที่จะเป็นซุนหงอคงไหม ผมก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าคาแรกเตอร์ของผมจะสามารถเข้ากันได้กับคาแรกเตอร์ของซุนหงอคง”
เล่นเป็นมนุษย์มาแล้วหลายบทบาท ต้องมาเล่นเป็นวานรบ้าง กัวฟู่เฉิง ถึงกับออกปากว่า ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับเขาเลย ดังนั้นจึงต้องฝึกเป็นซุนหงอคงอยู่นาน
“แน่นอนว่าผมต้องไปฝึกวิชากังฟูอย่างหนัก ผมใช้เวลาเกือบ 6 เดือน เพื่อเตรียมพร้อมกับบทที่จะได้รับ และ หงจินเป่าก็เริ่มฝึกและให้คำแนะนำผมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันปิดกล้อง แต่งานหนักจริงๆ ไม่ใช่ฉากการต่อสู้ แต่เป็นการแสดงต่างหากที่ผมกังวล ผมพยายามอย่างมากที่จะดึงคาแรกเตอร์ของซุนหงอคงออกมาในแบบที่ เจิ้งป๋อไช่ อยากให้เป็น ในตอนแรกผมยังไม่เข้าใจตัวละครนี้ดีพอ จนกระทั่งได้เข้าเวิร์กช็อปการแสดง ผมถึงเข้าใจว่าแท้จริงแล้วตัวละครนี้เป็นอย่างไร เขาเก่ง ฉลาด แต่การที่เขาเป็นแบบนี้กลับทำให้เขาต้องพบกับหนทางที่นำสิ่งเลวร้ายเข้ามาไม่รู้จักจบสิ้น เขาจึงต้องปรับปรุงตัวและคาดหวังเพื่อให้ได้การยอมรับจากทุกคน ซุนหงอคงเป็นตัวละครที่ซน กวน และตลกมาก แต่สำหรับผมผมมักจะได้รับบทที่เข้มขรึม จริงจัง น้อยครั้งมากที่ผมจะได้แสดงในบทกวนๆ แบบนี้ตอนแรกผมก็ถาม เจิ้งป๋อไช่ ว่าคาแรกเตอร์ของผมนั้นเหมาะกับการเป็นซุนหงอคงเหรอ เขาตอบกลับมาว่าเขาคิดว่าคาแรกเตอร์ใหม่ของซุนหงอคงนี้เข้ากับผมมากทีเดียว”
เรียกได้ว่าการกลับมาเล่นภาพยนตร์ภาคต่อเป็นความสุขอย่างยิ่งของ กัวฟู่เฉิง (ไม่นับการแต่งหน้า) เพราะเขาชื่นชอบในงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ของทีมนี้มาก แต่ภาพจะออกมาสมใจผู้ชมหรือไม่นั้น ไปติดตามในโรงภาพยนตร์ได้ อ๋อ ใครที่คิดว่าเป็นวานรจะไม่ได้เห็นซิกซ์แพ็กของกัวฟู่เฉิง นั้น คิดผิด เพราะยังมีให้เห็นกันจะจะภายใต้ขนสีทอง แล้วจะรู้ซึ้งว่า อายุ 50 แล้วยังฟิตเปรี๊ยะ


