คดีตัวอย่างโทษถึงคุก...กม.ใหม่ทารุณกรรมสัตว์ พิทักษ์สัตว์...เจ้าตูบ แมวเหมียว
คดีดังที่กลายเป็นบทเรียนคนในสังคม เมื่อศาลพิพากษาจำคุก ยลดา จำปาศรี อายุ 22 ปี สาวประเภทสอง
โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์
คดีดังที่กลายเป็นบทเรียนคนในสังคม เมื่อศาลพิพากษาจำคุก ยลดา จำปาศรี อายุ 22 ปี สาวประเภทสอง จำเลยในคดีทารุณกรรมสัตว์เมื่อเจ้าตัวโยนเจ้าตูบพันธ์ุชิวาวาของเพื่อนร่วมห้องในอพาร์ตเมนต์ ชั้น 5 ร่วงหล่นกระแทกหลังคาบ้านจนเสียชีวิต
คำพิพากษาศาลอาญา ระบุว่า ยลดากระทำความผิดจริงตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ เป็นความผิดกรรมเดียว แต่หลายบทของกฎหมาย จึงให้ลงโทษหนักสุด ฐานกระทำให้เสียทรัพย์ ต้องจำคุก 4 เดือน
นี่เป็นการทารุณกรรมสัตว์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ แต่เมื่อยลดาสารภาพโทษจำคุก 4 เดือน จึงเหลือ 2 เดือน พฤติกรรมของยลดาทำให้สัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดจนตายและทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ จึงไม่มีเหตุให้ลดโทษ รวมทั้งไม่รอลงอาญาด้วย อย่างไรก็ตาม ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวหลังจำเลยยื่นประกันตัวเพื่ออุทธรณ์คดี
สำหรับยลดายอมรับว่าเสียใจและขอรับผิดที่ทำลงไปโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ เธอเล่าว่า ที่ผ่านมาเคยพักอยู่ห้องเพียงคนเดียว แต่ต่อมาคู่กรณีซึ่งเป็นเพื่อนได้อาศัยอยู่ด้วย ก็ใจอ่อนให้อยู่ แต่กลับไม่ได้ดูแลให้ดี ทำให้ห้องสกปรก จึงโมโหโยนสุนัขทิ้ง ความจริงการเอาสุนัขมาเลี้ยงผิดกฎห้องพัก อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุตนเองก็ถูกทางอาคารไล่ออกจากที่พักด้วย จึงขอความเมตตาจากสังคมให้ยกโทษ
นี่เป็นตัวอย่างการเอาผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ ที่เพิ่งบังคับใช้เมื่อปลายปี 2557 คดีโยนเจ้าชิวาวาไม่ใช่กรณีแรกที่มีการเอาผิดตามกฎหมายฉบับนี้
เมื่อต้นปีที่แล้ว ศาลจังหวัดหนองคาย มีคำพิพากษาให้จำคุก คำดี โคตรถา อายุ 50 ปี ชาวหนองคาย เป็นเวลา 1 ปี ปรับ 2,000 บาท หลังคำดีถูกญาติด้วยกันเข้าแจ้งความตำรวจเพราะไปทำร้าย “เจ้าก้านกล้วย” สุนัขเพศผู้ อายุ 1 ปีเศษ ซึ่งเป็นของญาติคำดี ด้วยการใช้มีดขว้างใส่ใบหน้าซีกขวาเป็นแผลฉกรรจ์ จนเจ้าก้านกล้วยได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเย็บถึง 100 เข็ม
ตำรวจหนองคายได้ดำเนินคดีกับคำดีอย่างถึงที่สุด เพราะผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ แม้ว่าศาลได้ลงโทษจำคุกคำดี 1 ปี แต่อัยการได้ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษจำคุกหนักขึ้น และไม่รอลงอาญา เพื่อเป็นตัวอย่างในการทารุณกรรมสัตว์ เพราะเห็นว่าจำเลยโหดเหี้ยมเกินไปทั้งที่สุนัขตัวนี้ไม่มีนิสัยดุร้าย ไม่เคยกัดคน ขณะเกิดเหตุไม่มีพฤติการณ์เห่า หรือเข้าทำร้ายจำเลย
400 คดีทารุณกรรมสัตว์ เย้ย กม.ใหม่
โรเจอร์ โลหะนันท์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) บอกว่า ปัญหาการทารุณกรรมสัตว์ยังไม่มีแนวโน้มลดลง หากนับจากการประกาศบังคับใช้กฎหมายป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2557 ทางมูลนิธิได้รวบรวมการแจ้งดำเนินคดีกว่า 300-400 คดี มีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงคือ ได้รับความสนใจจากสังคมออนไลน์มากขึ้น เพราะมีการนำภาพวิดีโอเหตุการณ์ทารุณสัตว์มาเผยแพร่เพื่อตามหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
เขากล่าวว่า ที่ผ่านมามีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาขอข้อมูลว่า พบเห็นสัตว์เลี้ยงถูกทำร้ายจะมีขั้นตอนการเอาผิดอย่างไรได้ อีกส่วนคือผู้เลี้ยงสัตว์ถูกร้องเรียนว่าสร้างความรำคาญต้องปฏิบัติอย่างไร ขณะเดียวกันยังมีประชาชนส่วนมากไม่รู้ว่าหากพบการทารุณสัตว์ สามารถเดินทางไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แต่ปรากฏว่ามีปัญหาอีกชั้นคือ ตำรวจไม่ยอมรับเรื่องแจ้งความ อ้างว่าไม่มีโจทก์ทั้งที่สามารถแจ้งความโดยไม่ต้องมีโจทก์ได้
“ไม่นานมานี้มีกรณีทำร้ายสุนัขและแมวของผู้เลี้ยง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ พยายามบอกว่าไม่เข้าข่ายดำเนินคดี ไม่มีหลักฐานให้กลับไปหาหลักฐานมา ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของประชาชนที่ต้องไปหาหลักฐาน หรือทำตัวเป็นอัยการเป็นศาลเสียเอง ทั้งที่ตำรวจควรลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ถือเป็นปัญหาใหญ่ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่รู้กฎหมาย” โรเจอร์ กล่าว
โรเจอร์ กล่าวอีกว่า เรื่องน่าแปลกคือมีการใช้เส้นสายความสัมพันธ์กับคนมีอำนาจอย่าง อบต. อบจ. หากไม่ชอบหน้าใครก็ไปข่มขู่ผู้เลี้ยงสัตว์ บังคับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินทันทีว่าคนนั้นคนนี้ผิด ไม่มีการทำเป็นลายลักษณ์อักษรว่าผิดกฎหมายข้อใด ไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ทั้งที่ต้นเหตุของเรื่องเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัวแล้วมาลงที่สัตว์
เขาหยิบยกสถานการณ์ในต่างประเทศว่า แม้จะยังมีปัญหาทารุณสัตว์เช่นกัน แต่ถือว่าเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะกฎหมายดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างรุนแรงและบังคับใช้กฎหมายมานานแล้ว เช่น กรณีมีผู้หญิงนำแมวไปทิ้งลงถังขยะ คดีนี้ถูกนำขึ้นศาลตัดสินความผิดเธอทันทีที่พบว่าเธอทิ้งแมวลงถัง มันคือการทารุณแล้ว ไม่มีข้ออ้างว่าหลักฐานไม่ชัดเจน หรือยืนยันไม่ได้ว่าทารุณสัตว์หรือไม่ เพราะสัตว์ไม่ได้เจ็บหรือตายอย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยใช้ดุลยพินิจ เพื่อที่จะไม่ต้องทำคดีให้ยุ่งยากลำบากตัว อีกทั้งในต่างประเทศประชาชนเขาเข้าใจเรื่องสิทธิของสัตว์เป็นอย่างดี ฉะนั้นจึงไม่มีใครไปทำร้าย
โรเจอร์ ยังมองว่า ปัญหาความขัดแย้งเรื่องของสัตว์เลี้ยงในที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ เกิดจากกฎหมายยังคลุมเครือ เช่น ผู้เลี้ยงสัตว์ฟ้องนิติบุคคลว่าการออกกฎระเบียบห้ามเลี้ยงสัตว์ เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ เพราะคอนโดถือเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ถ้าจะเลี้ยงสัตว์กรรมการคอนโดมีสิทธิห้ามหรือไม่ เรื่องแบบนี้ยังไม่มีทางออกของกฎหมายที่ชัดเจน
“กรณีที่เป็นข่าวทิ้งสุนัขพันธุ์ชิวาวาลงจากตึก ผู้ต้องหาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรทำ แต่ก็ยังทำอยู่ดีเพราะคิดว่าคงไม่มีใครจับได้ก็แค่หมาตัวเล็กตัวเดียว แต่พอโดนจับเธอจึงมาคิดว่าอย่างมากก็แค่เสียค่าปรับเท่านั้น สุดท้ายศาลสั่งจำคุกไม่รอลงอาญา แต่ผู้ต้องหาได้ยื่นขออุธรณ์ทันที แสดงว่าเธอไม่มีความสำนึกผิดเลย”
โรเจอร์ กล่าวว่า คดีโยนชิวาวาสะท้อนถึงทัศนคติของคนไทยส่วนใหญ่ที่ว่าถ้าทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับสัตว์แล้วถ้าคนไม่เห็นถือว่าไม่มีความผิด คดีส่วนใหญ่มีความเหมือนกันตรงที่ผู้กระทำผิดคิดว่าหนีรอดได้แน่ เขาถึงกล้าลงมือทำ แต่ถ้ารู้ว่าทำร้ายสัตว์แล้วจะถูกดำเนินคดีหนักไม่ว่าจะเป็นการกระทำครั้งแรกหรือกี่ครั้งก็ตาม เชื่อว่าจะแก้ปัญหาทารุณสัตว์ได้ ฉะนั้นปัญหาของเรื่องคือของสามัญสำนึกที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก
สำหรับคดีโยนชิวาวา แม้สาวประเภทสองผู้นี้จะถูกลงโทษจำคุก 2 ปี แต่ก็สะท้อนปัญหาใหญ่อีกประเด็นที่พบเห็นกันทั่ว คือ การนำสัตว์มาเลี้ยงโดยไม่เคารพสิทธิผู้อาศัยรายอื่น รวมถึงกฎกติกาของห้องพัก คอนโด กระทั่งปัญหาอมตะนิรันดร์กาลของคนที่พักอาศัยในละแวกใกล้กันที่ชอบนำสุนัข แมวที่เลี้ยงมาถ่ายไว้บ้านคนอื่น อันเป็นการไม่เคารพสิทธิเพื่อนบ้านและการอยู่ร่วมกัน
ปัญหาความขัดแย้งเรื่องของการไม่เคารพสิทธิในสถานที่พักอาศัยร่วมกับผู้อื่น ส่วนหนึ่งสะท้อนได้จากเสียงของผู้ประกอบการธุรกิจห้องเช่ารายเดือน อพาร์ตเมนต์ ห้องพัก รวมถึงอาคารคอนโดมิเนียม
แอบเลี้ยงสัตว์ในคอนโด ปัญหาละเมิดสิทธิส่วนรวม
ธีรินทร์ อุชชิน ผู้ประกอบการอพาร์ตเมนต์กว่า 200 ห้องย่านรัชดา เล่าว่า อพาร์ตเมนต์จะมีกฎระเบียบให้ผู้อยู่อาศัยต้องปฏิบัติร่วมกันคือ ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาไว้ในห้อง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดที่ส่งเสียงและไม่ส่งเสียงร้องก็ตาม ซึ่งประเภทที่ส่งเสียงร้องอย่างสุนัข แมว จะไปรบกวนผู้อยู่อาศัยห้องอื่นๆ ได้ ทั้งเสียงและส่งกลิ่นเหม็น รวมถึงปัญหาเห็บหมัด ส่วนกระต่ายจัดอยู่ในสัตว์ประเภทไม่ส่งเสียง แต่ก็สร้างความเสียหายได้มากด้วยการทำลายเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องจนเสียหาย
เธอเล่าว่า จากประสบการณ์ทำธุรกิจกว่า 30 ปี เคยเจอปัญหาผู้เช่าแอบนำสุนัขพันธุ์ชิวาวามาเลี้ยงในห้อง จึงได้แจ้งกับลูกค้าว่าห้ามเลี้ยง เขาก็รับทราบและปฏิบัติตามทันที แต่ปรากฏว่าเขาใช้วิธีดื้อเงียบ เพราะเมื่อแจ้งเตือนเขาไปก็นำสุนัขกลับบ้านไป วันถัดมาก็แอบนำกลับเข้าห้องอีกเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ จนสุดท้ายต้องยื่นคำขาดให้ย้ายออก
เธอบอกว่า เคยมีบางครั้งที่นับได้ว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ ด้วยการอนุโลมให้น้องนักศึกษาที่มาเช่าห้องสามารถเลี้ยงหนูแกสบี้ ตอนนั้นเห็นว่าแค่ตัวเดียวเองคงไม่เป็นอะไร แต่ด้วยความที่น้องคนนี้เป็นคนจิตใจดีจึงไปเก็บหนูมาเลี้ยงเพิ่มนับได้ประมาณ 10 ตัว แม้น้องจะอ้างว่าได้รับการอนุญาตแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้เลี้ยงเยอะขนาดนี้ ที่นี่ไม่ใช่มูลนิธิคุ้มครองสัตว์นะ จึงเป็นบทเรียนสอนว่า กฎต้องเป็นกฎ
เจ้าของอพาร์ตเมนต์ย่านรัชดาผู้นี้ เล่าว่า บางกรณีจับไม่ได้ว่าผู้เช่าแอบนำแมวเข้ามาเลี้ยงในห้อง เพราะแมวตัวนี้ไม่เคยส่งเสียงร้องให้จับได้ มารู้อีกตอนผู้เช่าย้ายออกจึงพบว่ามีขนแมว มีรอยข่วน มีกลิ่นติดผ้าม่าน ทางอพาร์ตเมนต์จึงต้องแจ้งเก็บค่าทำความสะอาดเพิ่มจากลูกค้าประมาณ 500 บาท หรือประเมินตามความเสียหายของเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งผู้เช่าส่วนใหญ่ก็ยอมจ่ายเงินค่าเสียหาย
“อย่าคิดว่าเจ้าของห้องเช่าหรือแม่บ้านจะไม่รู้ เพราะต้องขึ้นไปทำความสะอาดทุกวัน จับสังเกตสิ่งผิดปกติได้แน่นอน ดังนั้นไม่ว่าสัตว์ชนิดไหนก็สามารถรู้ได้ว่าแอบนำเข้ามา หากพบก็ต้องแจ้งลูกค้าให้นำสัตว์ออกไป ถ้าลูกค้าไม่พอใจก็ต้องยอมให้ยกเลิกสัญญาเช่าลงทันที” เจ้าของอพาร์ตเมนต์ กล่าว
แม้ลูกค้าบางคนจะอ้างสิทธิส่วนบุคคลว่าทำไมเลี้ยงสัตว์ในห้องส่วนตัวไม่ได้ ทั้งที่ไม่ได้มีกฎหมายบังคับว่าห้ามเลี้ยง แตกต่างจากเลี้ยงในบ้านอย่างไร ธีรินทร์ อธิบายว่า แม้กฎหมายยังคลุมเครือเรื่องสิทธิส่วนบุคคลในการเลี้ยงสัตว์ แต่รูปแบบของการอยู่อาศัย คอนโด อพาร์ตเมนต์ รวมถึงอาคารห้องเช่าต่างๆ เป็นการอยู่อาศัยร่วมกัน ต่างจากการอาศัยในบ้านเรือนที่มีอาณาบริเวณ ดังนั้นต้องเข้าใจเรื่องพื้นที่ส่วนกลางที่นับว่าเป็นเจ้าของร่วมกัน แม้แต่หมู่บ้านขนาดใหญ่มีนิติบุคคลดูแลก็ยังมีกฎระเบียบเรื่องห้ามสัตว์เลี้ยงมาขับถ่ายในสวนสาธารณะด้วย
ธีรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวที่บ้านก็เลี้ยงสุนัขที่หลงทางมาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่รักสัตว์ ดังนั้นการเลี้ยงสัตว์ผู้เลี้ยงต้องมีความรับผิดชอบต่อชีวิตสัตว์ไม่ว่าจะตัวเล็กตัวใหญ่สำคัญเท่ากันหมด การนำสุนัขมาเลี้ยงในห้องไม่สงสารเขาบ้างหรือ เขาก็มีสิทธิออกไปวิ่งเล่นอย่างอิสระเหมือนกัน
มัญญาภัท สายใจ ผู้ช่วยผู้จัดการคอนโด ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 103 ย่านอุดมสุข ระบุว่า ตามนโยบายผู้บริหารของคอนโด ไม่สนับสนุนให้มีการเลี้ยงสุนัขภายในอาคารอยู่แล้ว ดังนั้นสถานที่พักอย่างคอนโดมันไม่เหมาะกับการนำเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย ถ้านำเอาสุนัขเข้ามาเลี้ยงปัญหาที่เกิดขึ้น แน่นอนมันต้องสร้างความสกปรก และก่อความรำคาญให้กับผู้พักอาศัยคนอื่นที่เขาไม่ชอบ ซึ่งตรงนี้มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล กลุ่มเป้าหมายผู้พักอาศัยตรงนี้เราต้องชัดเจนว่า หากคุณจะมาอยู่ที่นี่ ไม่อนุญาตให้คุณเลี้ยงสุนัขหรือสัตว์อื่นๆ ได้ คือต้องเคารพในกฎระเบียบ เคารพในกติกาของสังคม
ผู้ช่วยผู้จัดการคอนโด ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 103 กล่าวต่อว่า ตามมติที่ประชุมร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการกับผู้พักอาศัยคอนโด ต่างเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวของคอนโด ที่ผ่านมาจึงไม่เคยมีปัญหาในเรื่องนี้
ภัทรพล เกิดกังวาฬ หนึ่งในผู้พักอาศัยในคอนโด แกรนด์ ไฮเทค ทาวเวอร์ ย่านเอกมัย กล่าวว่า การเลี้ยงสุนัขในคอนโดสามารถทำได้ เพียงแต่เจ้าของสุนัขต้องควบคุมให้ดี ไม่สร้างภาระให้กับผู้พักอาศัยคนอื่น คอนโดส่วนใหญ่มักจะไม่อนุญาตให้มีการเลี้ยงสุนัขเกิดขึ้นอยู่แล้ว เป็นกฎระเบียบที่ชัดเจน ดังนั้นปัญหาทางสังคมระหว่างคนกับสุนัขตามคอนโดหรือหอพักที่เกิดขึ้นอยู่นั้น ล้วนมาจากการที่ไม่มีระบบการจัดการที่ดีตั้งแต่แรก
“คอนโดส่วนใหญ่เขาก็ไม่อนุญาตให้เลี้ยงอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ผมก็เห็นด้วย เพราะในห้องพักมันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณก็จริง แต่เมื่อไหร่ที่คุณพาสุนัขก้าวออกมาจากห้องแล้ว ทุกอย่างมันคือสถานที่ส่วนรวม มันจึงเป็นการตัดปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุของผู้ประกอบการคอนโด” ภัทรพล กล่าว
เสียงจากผู้ประกอบการคอนโดทั้งหลายสะท้อนชัดว่า แทบทุกแห่งมีกฎห้ามเลี้ยงสัตว์ แต่เมื่อมีผู้ไม่ปฏิบัติตาม ก็ไม่มีกฎหมายลงโทษ เพียงแต่ผิดระเบียบ กระนั้นการใช้อารมณ์ทำร้ายสัตว์เลี้ยงถึงขั้นโยนทิ้งจากคอนโด ก็เป็นการกระทำที่ผิดโหดร้าย และผิดกฎหมายป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ที่มีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตามแม้กฎหมายฉบับนี้จะประกาศใช้ร่วมปีกว่า แต่การทารุณกรรมสัตว์ยังมีมาก ไม่จบสิ้น


