posttoday

Optimal You เป็นเราในแบบที่แฮปปี้สุด

31 มกราคม 2559

หนึ่งในวิชาที่หนูดีชอบที่สุดสมัยเรียน คือ วิชาจิตวิทยาเชิงบวก หรือ Positive Psychology

โดย...หนูดี-วนิษา เรซ ภาพ อีพีเอ

หนึ่งในวิชาที่หนูดีชอบที่สุดสมัยเรียน คือ วิชาจิตวิทยาเชิงบวก หรือ Positive Psychology ซึ่งจำได้ว่าอยากไปเข้าเรียนทุกๆ ครั้งไม่อยากโดดเลย เพราะเป็นวิชาที่เรียนเกี่ยวกับงานวิจัยของคนที่มีความสุขเป็นพิเศษและเราก็นำสิ่งที่ค้นพบมาปรับใช้กับตัวเรา

หนูดีชอบวิชานี้ถึงขนาดเอามาเขียนเป็นหนังสือเล่มที่สาม คือ “อัจฉริยะสร้างสุข” และต่อเนื่องมาเป็นหนังสือ Brain Power 2 คู่มือเพิ่มความสุขในทุกๆ วัน

เวลาผ่านไปสิบปีเต็มๆ หลังจากหนูดีเรียนจบและกลับมาทำงานเมืองไทย ตอนนี้มีงานวิจัยในสายจิตวิทยาเชิงบวกนี้เพิ่มเติมขึ้นมาและน่าสนใจจนอยากนำมาบอกต่อในสองประเด็น นั้นก็คือเรื่องของการออกกำลังกายและเรื่องของการรับประทานอาหาร ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายดายและพวกเราก็มักจะรู้กันอยู่แล้วแต่ทำไม่ค่อยได้หรือบางทีก็มองข้ามไป เพราะเป็นเรื่องที่เรารู้ๆ อยู่แล้ว ออกกำลังกายแค่ 10 นาทีตั้งแต่เช้าช่วยให้อารมณ์เราดีต่อเนื่องในวันนั้น - เป็นข้อมูลที่นักวิจัยอยากให้พวกเรารู้ค่ะ

งานวิจัยจากภาควิชาจิตวิทยาเชิงบวก พบว่าการเคลื่อนไหวร่างกายเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ช่วยปรับสมองของเราให้พร้อมต่อการเรียนรู้ พร้อมต่อการรับข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยงานวิจัยนี้อาจารย์ในระดับมัธยมและมหาวิทยาลัยหลายๆ แห่งจึงมักชักชวนให้เด็กๆ ร่วมกันเต้น แอโรบิกสั้นๆ ก่อนประชุมงานกลุ่มหรือก่อนสอบ เวลาเราเห็นพวกเขาอัพ แอนด์ ดาวน์ด้วยกันแล้วน่ารักจริงๆ ค่ะ เชื่อกันว่ามันจะช่วยให้เด็กๆ ทำงานและทำข้อสอบได้คะแนนดีขึ้น ว่าไปแล้วเวลาเราทะเลาะกับแฟน เราควรพักเบรกไปออกกำลังกันคนละ 10 นาทีก็น่าเอ็นดูดีนะคะ กลับมาเจอกันอาจอารมณ์ดีจนหันมาปรับความเข้าใจกันได้ง่ายๆ

นักวิจัยพบว่า การออกกำลังกายจริงจังอย่างต่อเนื่องช่วยรักษาโรคซึมเศร้าได้ดีพอๆ กับยาต้านภาวะซึมเศร้าแต่ผลดีต่อเนื่องนั้นเจ๋งมากค่ะ นั่นก็คือ หากใช้ยาแล้วหยุดยาโอกาสที่จะกลับมามีภาวะซึมเศร้านั้นสูงถึง 38% แต่หากใช้การออกกำลังกายจริงจังแล้วหยุดไปพบว่าผู้ป่วยเพียงประมาณ 9% เท่านั้นที่จะกลับมามีภาวะซึมเศร้าแบบเดิมอีก

ฟังแบบนี้แล้วคนที่เพียงแค่เครียดง่ายหรือเซ็งๆ อารมณ์ไม่ค่อยดี หงุดหงิดง่ายน่าลองออกกำลังกายหนักหน่วงจริงจังดูนะคะเพราะหากคนเป็นภาวะซึมเศร้ายังหายดีได้แล้วคนที่เป็นเพียงเล็กน้อยคงทำให้อารมณ์ดีไปอีกนาน

นานแค่ไหนมาดูผลงานวิจัยของกลุ่มนักจิตวิทยาเชิงบวกกัน งานวิจัยพบว่าคนเราจะอารมณ์ดีต่อเนื่องถึง 12 ชั่วโมงหลังการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ฟังแล้วเดี๋ยวต้องไปดูหนุ่มๆ ที่เล่นกล้ามยกเวตหนักๆ ดูสิว่าอารมณ์ดีจริงหรือไม่

หันมาดูด้านของอาหารการกินกันบ้าง เมื่อก่อนมุมของอาหารการกินมักจะโดนมองข้ามโดยนักวิจัยในกลุ่มจิตวิทยาเชิงบวก เพราะพวกเขามักไปโฟกัสที่วิธีการคิดและแบบแผนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคิดเสียมากกว่า

แต่ในช่วงหลังเทรนด์การรับประทานอาหารสุขภาพมาแรงมาก จนนักวิจัยได้ลองเก็บข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าการรับประทานผักและผลไม้ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้จริง โดยงานวิจัยนี้เก็บข้อมูลกับกลุ่มคนวัยหนุ่มสาว 281 คน ติดตามพฤติกรรมการรับประทานของเขาเป็นเวลา 21 วัน พบว่า กลุ่มคนที่รับประทานผักผลไม้รวมกันวันละไม่ต่ำกว่า 7 ส่วน (7 Servings) (วิธีคำนวณง่ายๆ คือ หนึ่งส่วนประมาณแอปเปิ้ลขนาดกลางหนึ่งผล) นั้นมีอารมณ์ที่ดีกว่าคนที่รับประทานผักผลไม้น้อยอย่างเห็นได้ชัด โดยอารมณ์ที่ดีขึ้นนั้นจะส่งผลชัดเจนในวันถัดไปหลังจากรับประทานผักผลไม้ไปเต็มที่แล้ว

แท้จริงแล้วการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายให้เพียงพอเหมาะสมนั้น เป็นสิ่งที่เบสิกมากๆ จนเราทุกคนพูดถึงกันบ่อยๆ อีกทั้งการนอนหลับให้พอในแต่ละคืนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากคืนไหนนอนไม่พอผลจะเห็นได้ชัดเจนในเช้าวันถัดมาว่าอารมณ์ของเราจะเสียง่าย หงุดหงิดง่ายโดยไม่มีเหตุผล นั่นเพราะการดูแลขับพิษและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ เกิดขึ้นอย่างมากในเวลาที่เรานอนหลับโดยเฉพาะการนอนหลับช่วงก่อนเที่ยงคืน ซึ่งถือกันว่าเป็นช่วงฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

สิ่งง่ายๆ เหล่านี้หากเราจะทำก็ทำได้ไม่ยากเย็นเกินไป เพราะมันไม่ได้ใช้เงินหรือความพยายามเยอะแยะอะไรเลย ง่ายกว่าเรียนให้จบเสียด้วยซ้ำ เสียดายที่คนจำนวนมากมีวินัยไม่เพียงพอที่จะทำมันให้เกิดอย่างต่อเนื่องได้เลยทำให้พลาดการใช้ประโยชน์จากการออกกำลังและรับประทานผักผลไม้ไปอย่างน่าเสียดาย

ส่วนวิธีอื่นๆ ที่พบว่าใช้ได้ผลอย่างยิ่งที่เน้นเรื่องของ “วิธีคิด” อย่างเดียวน้ั้น ก็คือการเขียน “Grateful Journal” หรือ สมุดไดอารี่สิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณ โดยเขียนได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เช่น อาหารวันนี้อร่อย ไปจนถึงวันนี้สอบเข้ามหาวิทยาลัยคณะที่ใฝ่ฝันไว้ได้ การจดบันทึกเช่นนี้เรื่อยๆ จะช่วยให้เราโฟกัสในสิ่งที่เรามีมากกว่าไปโฟกัสในสิ่งที่เราขาด เทคนิคง่ายๆ เพียงเท่านี้ช่วยให้คนมีความสุขขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมานักต่อนักแล้ว

ใครที่อยากมีความสุขมากขึ้นและเป็นตัวของเราแบบที่แฮปปี้ที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ลองนำเทคนิคเรียบง่ายที่ทำได้เลยในวันนี้ไปลองปรับใช้ดูนะคะ หากไม่มีเวลาจริงๆ ขอแค่กระโดดตบเบาๆ สักสิบนาทีก่อนออกไปทำงาน...แค่นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วค่ะ