หัวใจพ่อ น่ากราบ
“...หลวงพ่อครับ ผมจะได้เจอลูกชายที่หายตัวไปมั้ย” “คงแล้วแต่โชคนะโยม”
โดย...เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข
“...หลวงพ่อครับ ผมจะได้เจอลูกชายที่หายตัวไปมั้ย”
“คงแล้วแต่โชคนะโยม”
“แล้วผมจะมีโชคมั้ยครับ”
“ถ้าหยุดตามหา ก็หมดโชค แต่ถ้ายังตามหา ก็จะยังมีโชค...”
บทสนทนาระหว่าง เหลยเจ๋อควาน นำแสดงโดย หลิวเต๋อหัว กับนักบวช ในภาพยนตร์เรื่อง Lost and Love หรือชื่อไทยว่า “หัวใจพ่อน่ากราบ”
หนังเรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์จริง เกี่ยวกับครอบครัวชาวจีนที่ประสบเหตุลูกถูกลักพาตัว ปัญหาเด็กหายในประเทศจีนเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความหวาดกลัวให้กับพ่อแม่ชาวจีนเป็นอย่างมาก ปัญหาการลักพาตัวเด็กเป็นอาชญากรรมที่สะท้อนรากลึกของปัญหาทางวัฒนธรรมในประเทศจีน ที่แต่ละครอบครัวต้องการทายาทในการสืบต่อสกุล อีกทั้งยังมีปัญหาการค้ามนุษย์ที่ลักพาตัวเด็กเพื่อมาบังคับใช้แรงงานหรือทำงานในครอบครัว
ส่วนใหญ่ปัญหาการลักพาตัวเด็กในประเทศจีนเกิดขึ้นทั้งในชนบทและในเขตเมืองที่มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน การเติบโตและบีบคั้นทางเศรษฐกิจทำให้ครอบครัวไม่มีเวลาในการดูแลเด็ก เป็นจุดเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เด็กถูกลักพาตัวได้โดยง่าย
ปัญหาการลักพาตัวเด็กในประเทศจีนเป็นปัญหาที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญ จัดกำลังเจ้าหน้าที่และสนับสนุนทางนโยบายในการกวาดล้างขบวนการเหล่านี้ จนสามารถช่วยเหลือเด็กที่ถูกลักพาตัวไปได้จำนวนมาก
วันก่อนผมพาทีมงานไปดูหนังเรื่องนี้กันยกทีม เพราะเป็นหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำงานของพวกเราโดยตรง แม้ว่าเหตุการณ์จะเกิดคนละประเทศ แต่จุดของความสูญเสียที่ลูกหายตัวไปก็นับว่าเป็นหัวใจแบบเดียวกันของทุกครอบครัวที่ประสบเหตุการณ์อันโชคร้ายนี้
หลิวเต๋อหัวเล่นได้ดีมาก สวมบทบาทพ่อของลูกที่ถูกลักพาตัวไปได้อย่างสมจริง ส่งผ่านความเจ็บปวดผ่านการแสดงได้อย่างเข้าถึง เพราะเห็นน้องทีมงานมีเสียงสะอื้นร้องไห้ออกมาในฉากซึ้งๆ หลิวเต๋อหัวออกตามหาลูกที่หายไปด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วประเทศจีน เพื่อแจกประกาศตามหาลูกชายที่หายไป โดยมีการทำป้ายเป็นธงขนาดใหญ่เสียบไว้ที่ท้ายรถเครื่อง วิ่งให้โบกสะบัด กลายเป็นประกาศตามหาเด็กหายให้คนที่สัญจรผ่านไปมาได้พบเห็น
ฉากแรกๆ มีตอนที่หลิวเต๋อหัวนอนฟุบหมดแรงบนอานมอเตอร์ไซค์ระหว่างรอเรือข้ามฟาก ปรากฏว่ามีคนที่เห็นธงตามหาเด็กหายที่หลังมอเตอร์ไซค์ พูดคุยกันว่า “หาไม่เจอหรอก ประเทศจีนกว้างใหญ่เกินไป กว่าจะหาเจอ” คำพูดนี้ทำให้พี่หลิวของเรายืนขึ้น แล้วเดินแจกประกาศตามหาลูกอย่างไม่ลดละเสียกำลังใจ แม้เขาอาจจะดูเหมือนสะอึกกับคำพูดเหล่านั้นก็ตาม ฉากนี้ทำให้ผมนึกย้อนถึงสังคมไทย โดยเฉพาะการแสดงความเห็นในโลกออนไลน์ใต้ประกาศตามหาเด็กหาย ส่วนใหญ่มักถูกนักเลงคีย์บอร์ดวิพากษ์วิจารณ์ในทางไม่ดี เช่น เด็กตายแล้วบ้างล่ะ หรือเด็กถูกจับไปตัดแขนตัดขาแล้วบ้างล่ะ ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง เป็นเพียงข้อคิดเห็นที่ไม่สร้างสรรค์และบั่นทอนกำลังใจของครอบครัวเด็กหายที่ติดตามหาลูก
พี่หลิวทำหน้าที่ของพ่อของเด็กหายได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากการติดตามหาลูกของตัวเองแล้ว เวลาเขาเดินทางไปที่ไหนและพบประกาศเด็กหายติดอยู่ เขาจะดึงมันออกมาเพื่อไปถ่ายเอกสารและทำธงเพิ่มมาติดที่ท้ายรถเครื่องของเขา เป็นการช่วยติดตามหาเด็กหายให้ครอบครัวคนอื่นด้วยไปในตัว เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงครอบครัวน้องจีจี้ เด็กหญิงอายุ 9 ขวบ ที่หายตัวไปจากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่ จ.สระบุรี เมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่พบตัว เป็นครอบครัวหนึ่งที่มีเรื่องราวคล้ายพี่หลิวเต๋อหัวในเรื่อง ครอบครัวน้องจีจี้ทำสติ๊กเกอร์ติดรอบรถ เป็นภาพประกาศตามหาน้องจีจี้ กลายเป็นรถรณรงค์ตามหาเด็กหายคันแรกของประเทศไทย เวลาเขาเดินทางไปไหนคนก็มักจะถ่ายภาพรถคันนี้มาแชร์ในอินเทอร์เน็ต และกลายเป็นเรื่องซาบซึ้งใจถึงความพยายามในการติดตามหาลูกที่หายไปของพ่อแม่ นอกจากนี้ ครอบครัวน้องจีจี้ซึ่งมีอาชีพขายผลไม้อยู่ที่ จ.สระบุรี ยังแจกประกาศเด็กหายให้กับลูกค้าของเขาที่มาซื้อผลไม้ตลอด โดยแจกประกาศทั้งของลูกตัวเองและเด็กหายคนอื่นด้วย เป็นพ่อของเด็กหายที่ไม่ได้ตามหาลูกของตัวเองเท่านั้น
การเดินเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังมีเด็กหายรายอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องสลับเดินเรื่องไปด้วย โดยชี้ให้เห็นถึงความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน และชีวิตที่แตกสลายของครอบครัวที่ลูกหายตัวไปได้อย่างเข้าถึง
นอกจากนี้ ยังมีมุมของเด็กที่เคยถูกลักพาตัวและเติบโตจนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาก็เฝ้าติดตามหาครอบครัวที่แท้จริงของเขาเช่นเดียวกัน
เจิงช่าย คือ วัยรุ่นคนหนึ่งที่เคยถูกลักพาตัวไปตอนอายุ 4 ขวบ พรหมลิขิตทำให้คนที่ตามหาลูกหาย และคนที่ตามหาครอบครัวที่พลัดพรากมาของตัวเองได้มาเจอกัน และออกเดินทางร่วมกันในการทำความฝันให้เป็นจริงจึงเกิดขึ้น
เจิงช่าย จำชื่อพ่อแม่ไม่ได้ ความทรงจำของเขาเพียงสองอย่างที่มีอยู่ก็คือ แม่ของเขามัดผมเปีย และเขาเคยวิ่งเล่นที่สะพานแขวนข้ามแม่น้ำแถวบ้านเขา การเดินเรื่องของหนังแม้ว่าจะดูเป็นลูกทุ่งลุยแหลกไม่มีแบบแผน แต่ผสมผสานไปด้วยความทันสมัยในยุคปัจจุบัน พี่หลิวจะแวบมาอัพเดทข้อมูลและค้นหาข้อมูลต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตเสมอ หนังพยายามสื่อให้เห็นถึงบทบาทของคนในสังคม ในการช่วยกันส่งต่อข้อมูลและแจ้งเบาะแส ซึ่งนับว่าเป็นแนวทางการติดตามหาเด็กหายในยุคปัจจุบัน
ทราบจากวงในว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังดีที่ไม่มีผู้นำเข้ามาฉายในประเทศไทย แม้ว่าจะเป็นหนังตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เพิ่งได้เข้ามาฉายในประเทศไทย และฉายแค่โรงเดียว คือ ที่โรงภาพยนตร์ House Rama Rca แต่คาดว่าแฟนจอแก้วจะได้รับชมผ่านทางฟรีทีวี เพราะใบปิดหนังมีโลโก้ของช่อง 7 อยู่ คาดว่าเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์และน่าจะนำมาฉายทางช่อง 7 ให้ได้รับชมกัน
แต่ถ้าใครอยากซาบซึ้งไปกับพ่อที่ตามหาลูก และลูกที่ตามหาพ่อแม่ของตัวเองก่อนใคร สามารถไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ที่ House Rama RCA ยังพอมีรอบฉายถึงสัปดาห์นี้ครับ
ผมนำประกาศตามหาเด็กหายไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของโรงภาพยนตร์นี้ด้วย ยังไงก็ตามฝากหยิบประกาศเด็กหายติดมือเข้าไปด้วยนะครับ “ถ้าหยุดตามหา ก็หมดโชค แต่ถ้ายังตามหา ก็จะยังมีโชค...” คุณอาจเป็นส่วนหนึ่งของโชคที่ว่านี้ก็เป็นได้ครับ


