posttoday

แบ็กแพ็กเกอร์ สองวัย สไตล์เลดี้

09 มกราคม 2559

เมื่อเดินทางกับคณะทัวร์แล้วไม่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวสองสาวต่างวัยจึงค้นหาวิธีการท่องเที่ยวของตัวเอง

โดย...กองทรัพย์

เมื่อเดินทางกับคณะทัวร์แล้วไม่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวสองสาวต่างวัยจึงค้นหาวิธีการท่องเที่ยวของตัวเอง ซึ่งทั้งสองค้นพบว่าการแบ็กแพ็กคือวิธีการท่องเที่ยวที่ใช่ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป

เดินทาง เติมแรงบันดาลใจ

จุดเริ่มต้นในการเดินทางของ มิ้น-รภัทร แก้วมีชัย ศิลปิน นักแต่งเพลง และอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัย เกิดจากการเดินทางเพื่อไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ และนี่เองทำให้จุดประกายการเดินทางให้กับเธอ เรียกว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา เธอชีพจรลงเท้า หาเรื่องเดินทางได้ตลอดทีเดียว

“เหมือนพอเราได้เริ่มออกเดินทางแล้วมันสนุก ได้เปิดโลกใบใหม่ก็เลยติดใจเริ่มเดินทางแบบแบ็กแพ็กคนเดียวตั้งแต่เรียนปริญญาโทเรื่อยมาจนกระทั่งวันนี้ จะออกเดินทางครั้งละ 7-10 วัน ตามแต่เวลาและทุนทรัพย์อำนวย ซึ่งการเดินทางแต่ละครั้งให้อะไรเรากลับมาเยอะมาก เช่น การตัดสินใจแบ็กแพ็กไปอเมริกาเพราะสงสัยว่าเพราะอะไรคนถึงอยากไปประเทศนี้นักใครจะเชื่อว่าอเมริกาจะทำให้เราอยู่ได้นานถึง 6 เดือนจนวีซ่าหมด เราไปอยู่ไปทำงาน เดินดูงานศิลปะ ฟังเพลง ดูคอนเสิร์ตจนหมดข้อสงสัยว่าเพราะอะไรคนจากทุกมุมโลกถึงอยากมาที่นี่ และที่นั่นก็ทำให้เราได้แรงบันดาลใจและกลับมาทำงานเพลงอีกครั้ง เหมือนได้ไปชาร์จแบตเพื่อที่จะมีเรี่ยวแรงทำงานต่อไป มิ้นว่าการเดินทางสำคัญและมีผลมากๆ”

มิ้น บอกว่า วิธีการท่องเที่ยวสไตล์สาวโสดก็คือ ต้องวางแผนให้ดี ดูประเทศที่จะไปว่ามีผู้คนเป็นแบบไหน เลือกโรงแรมที่เดินทางโดยขนส่งมวลชนสะดวก เพื่อความปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว และสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางคนเดียวก็คือต้องระมัดระวังมิจฉาชีพ ซึ่งเธอมีคำแนะนำว่า “ต้องพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับคนในพื้นที่ เลือกเสื้อผ้าที่ไม่เด่นจนดูเป็นนักท่องเที่ยวชัดเจน ในกระเป๋าเดินทางมิ้นก็จะมีแต่เสื้อผ้าเยินๆ (หัวเราะ) เวลาเดินต้องมั่นใจ แม้ว่าเราจะหลงทางก็ต้องไม่กางแผนที่ในที่พลุกพล่าน ไม่ยกกล้องมาถ่ายรูปสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนเข้าหาได้ง่าย เคยหลงแล้วต้องไปห้องน้ำเพื่อเปิดแผนที่ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นต้องศึกษาข้อมูล และวางแผนท่องเที่ยวแบบหลวมๆ ไว้เพื่อปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้”

แบ็กแพ็กเกอร์ สองวัย สไตล์เลดี้

 

การท่องเที่ยวของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป แต่การท่องเที่ยวสไตล์มิ้น เธอเลือกวิธีการเดิน เดินไปเรื่อยๆ โดยไม่เจาะจงสถานที่ว่าจะต้องเป็นแลนด์มาร์คหรือไม่ ร้านอาหารไม่ตามรีวิว แต่จะเก็บรายละเอียดจากตรอกซอยที่เดินผ่าน และสังเกตความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่น ซึ่งทำให้เธอเข้าถึงเมืองนั้นๆ ด้วยสายตาของเธอเอง “ถามว่าไปแลนด์มาร์คไหมก็ไปเก็บมาเกือบครบนะคะ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ใช้เวลากับตรงนั้นมาก สถานที่ที่มิ้นให้เวลาบางครั้งจะเป็นสถานที่เล็กๆบางทีก็ไปดูสุสานสมัยสงคราม ไปนั่งอ่านประวัติเรื่องราวความเป็นมา ส่วนร้านอาหารเราชอบไปดูว่าคนท้องถิ่นเขากินอะไรกันแล้วก็ทดลองกิน ซึ่งร้านดังไปไหมก็ไปบ้างแต่ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องไป อีกอย่างหนึ่งคือเราชอบอ่านการ์ตูนก็เลยจะมีสถานที่พิเศษที่ต้องตามไปดู เช่น อยากไปกรีซมากเพราะว่าอยากไปดูมหาวิหารในการ์ตูน เป็นเหตุผลที่สนุกและท้าทายดีค่ะ (หัวเราะ)

“อย่างไรก็ตามเด็กสมัยใหม่ชอบทำสถิติว่าเที่ยวด้วยงบจำกัด เช่น ห้าพัน หนึ่งหมื่น มิ้นมองว่าจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่บางทีเราก็จะเที่ยวไม่สนุกเท่าที่ควร ในกรณีที่เราไปเที่ยวแล้วเกิดความสะดวกบางอย่าง ก็จ่ายไปเถอะไม่ต้องเน้นสถิติ เน้นประสบการณ์ที่เราได้รับดีกว่า”

การเดินทางสำหรับวัยนี้คือการหลุดออกไปจากกรอบสังคมเดิมที่เคยอยู่ ไปเจอผู้คนที่ไม่เคยพบ ได้เพื่อนใหม่ ได้ทำอะไรที่เราไม่เคยทำในบ้านเรา แค่เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็หัวใจลิงโลดแล้ว

แบ็กแพ็กเกอร์ สองวัย สไตล์เลดี้

 

เดินทาง อย่างอิสระไร้กังวล

วัยทำงานของ กาญจนา พันธุเตชะ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข ทำให้เธอไม่มีเวลาท่องเที่ยว แต่หลังจากเกษียณอายุราชการเมื่อเดือน ก.ย. 2557 ในวัย 62 ปี เธอวางแผนท่องเที่ยวด้วยการแบ็กแพ็กหลังปลดเกษียณ โดยเริ่มต้นในอาเซียนก่อนคือ เมียนมาและมาเลเซีย และเที่ยวเมืองไทยบ้างตามโอกาสอำนวย ไปด้วยตัวคนเดียว

“วันที่บอกว่าจะออกไปแบ็กแพ็กคนเดียวเป็นวันที่หัวมันโล่ง ธรรมดาจะตึงเครียด พอเกษียณแล้วสมองโล่ง และเกิดคำถามว่าเราจะทำอะไร เป็นความรู้สึกที่เป็นอิสระและอยากเที่ยวเหมือนที่เราอยากเที่ยวมากกว่าไม่ได้มีความกังวลอะไรเลย ตอนทำงานอยู่ไม่มีเวลาในการจัดการตัวเอง อยากท่องเที่ยวก็ใช้เวลาพักร้อนครั้งละ 10 วัน เหมือนได้ไปชาร์จแบต แล้วกลับมาทำงานเหมือนคนทำงานทั่วไป ปีหนึ่งไปไกลๆ ปีละสองครั้ง”

แบ็กแพ็กเกอร์ สองวัย สไตล์เลดี้

 

“หลังจากเราเกษียณแต่พ่อบ้านก็ทำงานอยู่ ลูกชายก็เรียนจบทำงานแล้ว ปรากฏว่าเหลือเราคนเดียวที่อยู่บ้าน แต่เรายังไม่รู้สึกว่าเราแก่ เพราะเรายังมีแรงทำอะไรได้ตั้งเยอะ ไม่มีโรคประจำตัว การจะให้อยู่บ้านทานข้าว ดูโทรทัศน์ทุกวันก็เบื่อ ก็อยากออกไปเที่ยว เหมือนเราได้ไปทำงาน ก็เลยบอกกับที่บ้านว่าจะออกเดินทาง ซึ่งเราก็เริ่มจากในประเทศก่อนคือเชียงราย อ.เชียงของ ก็ทำการศึกษาข้อมูลก่อนเดินทาง ไปเที่ยวเมืองไทยก่อนทดลองว่าพอได้ไหมซึ่งจะสื่อสารกับลูกๆ ด้วยไลน์กลุ่ม แจ้งว่าแต่ละวันทำอะไรบ้าง ไปเที่ยวไหน ที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขารู้ว่าแม่ไปได้ที่บ้านไม่เคยบ่น เราสื่อสารกันทุกครั้ง นี่เป็นการลดความเป็นห่วงของคนที่บ้าน”

การเดินทางแบบแบ็กแพ็กของคุณป้าวัย 62 ปี เกิดจากคำถามและประสบการณ์จากการท่องเที่ยวกับทัวร์ที่แทบไม่ได้รู้รายละเอียดและประวัติศาสตร์ของสถานที่แต่ละแห่งเลย “ถ้าเทียบกับเที่ยวแบบที่เคยไปคือไปกับทัวร์ลงจากรถก็ถ่ายรูป แต่ทำให้เรารู้สึกว่ามาแค่ถ่ายรูปเหรอ ดังนั้นเวลาเราไปคนเดียวเราจะศึกษาประวัติศาสตร์ ไปเที่ยวตามรอยหนังสือที่ชื่นชอบ เช่น ไปเมียนมาก็ตามรอยผู้ชนะสิบทิศ ไปเมืองสี่ป้อตามรอยหนังสือสิ้นแสงฉาน ไปเมืองมะละแหม่งตามรอยมะเมียะ ซึ่งเราพบว่ามีนักท่องเที่ยวสไตล์เดียวกับเราหลากวัยและจากทั่วทุกมุมโลกมาเที่ยวในลักษณะเดียวกัน ก็ได้เพื่อนใหม่กลับมา สนุกดี”

ความสุขของการเที่ยวคนเดียวคือ “ช่วงการทำงานเราไม่ได้มีโอกาสแบบนี้ เราได้เห็นวิถีชีวิต แม้ไม่สะดวกสบาย แต่รู้สึกอิ่มตาอิ่มใจ เราได้ใช้เวลากับสถานที่ที่เราสนใจมากเท่าที่จะอยู่ได้ ซึ่งไปกับทัวร์ก็ไม่ได้แบบนี้ เป็นความคล่องตัว ตัดสินใจได้เลย เที่ยวแบบนี้ต้องเป็นคนลุยๆ ซึ่งภาวะทางบ้านก็เป็นตัวเอื้อให้ทำแบบนี้ได้เหมือนกัน ความฝันที่อยากไปที่สุดคือตั้งเป้าแค่เที่ยวเอเชียให้ครบก่อนค่อยไปยุโรป ไม่ต้องรอลูกให้พาไป ยิ่งเราสนใจเรื่องประวัติศาสตร์แล้วได้ไปแบบนี้ยิ่งสนุกไปใหญ่ เป็นความสุขในวัยหลังเกษียณถ้าไป เที่ยวแบบนี้อย่าคาดหวังอะไรล่วงหน้า ต้องศึกษาข้อมูล กินยังไงก็ได้ นอนยังไงก็ได้แต่ต้องปลอดภัย”