เขาคือ ฮีโร่ (ในดวงใจ) ของหนู
วันเสาร์ที่ 2 ของเดือน ม.ค.ของทุกปี น้องๆ หนูๆ ทั้งหลายคงจำได้ดีว่าเป็นวันที่มีความสำคัญสำหรับพวกเขา
โดย...วรธาร-วราภรณ์
วันเสาร์ที่ 2 ของเดือน ม.ค.ของทุกปี น้องๆ หนูๆ ทั้งหลายคงจำได้ดีว่าเป็นวันที่มีความสำคัญสำหรับพวกเขา และเป็นวันที่พวกเขาเฝ้ารอเพราะปีหนึ่งจะมีอยู่ครั้งเดียวนั่นคือ วันเด็กแห่งชาติ และปี 2559 นี้ก็ตรงกับวันเสาร์ที่ 9 ม.ค. พอดี เด็กๆ จะได้มีโอกาสสนุก สุขสันต์ หรรษา กับการไปร่วมงานวันเด็กตามสถานที่ต่างๆ ที่ได้จัดขึ้น
และเมื่อพูดถึงเด็กๆ พวกเขามักจะมีฮีโร่ในดวงใจ มีบุคคลที่ตนเองปลื้ม หรือมีบุคคลที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้เขาเจริญรอยตาม เราเชื่อว่าเด็กจำนวนไม่น้อยมีฮีโร่เป็นแรงบันดาลใจทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่ยังเล็กๆ บางคนก็พร้อมที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพในอนาคต ไปดูว่าเด็กๆ เหล่านี้เขามีใครเป็นฮีโร่ในใจเขา
เริ่มจากน้องลีวายส์ หรือ ด.ช.อินฑัชเตชะเกิดกมล นักแสดงเด็กมากคุณภาพคับแก้วคนหนึ่งในยุคนี้ หากเปรียบดังเพชรก็เป็นเพชรที่ได้รับการเจียระไนแล้ว ด้วยผลงานละครมากมาย อาทิ มนต์รักแก้บน ทนายสื่อรักลิเกเงินร้อย หมอรักหมอเพลง ยอดชายนายตุ๊กตุ๊ก วิมานมะพร้าว พรายพยากรณ์ ลิเกหมัดสั่งเทวดาฟันน้ำนม บวกละครเวทีเรื่องมานีและชูใจ โดยผลงานที่สร้างชื่อคือ มนต์รักแก้บน เล่นครั้งแรกก็โดนใจผู้ชมเต็มกระบุง และเดือน มี.ค. รอเปิดกล้องละครซิทคอม ของช่องทรู เรื่อง “ครอบครัวตัวสลับ”
ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนสายอักษร ด้วยวัยแค่ 8 ขวบ หัวดี เรียนเก่ง ตั้งแต่เข้าเรียนประเดิมด้วยการไม่ต้องอยู่ชั้นอนุบาล 1 คุณครูให้ข้ามไปเรียนอนุบาล 2 ด้วยเป็นเด็กฉลาดเกินวัย ฉลาดพูด มีทั้งลูกเล่นลูกฮาแพรวพราวเป็นเด็กที่มีเสน่ห์และจดจำง่าย ถือเป็นเจ้าพ่อเด็กงานอีเวนต์คนหนึ่ง โดยวันเด็กที่จะมาถึงลีวายส์ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเหมือนเด็กคนอื่น แต่ต้องวิ่งรอกงานอีเวนต์ตั้งแต่ช่วงเช้าและบ่าย
พ่อคือฮีโร่ของลีวายส์
เมื่อถามถึงฮีโร่ของเขา ลีวายส์ตอบรวดเร็วทันใจเหมือนว่าคำตอบนี้อยู่ในใจเขาตลอดมาหากมีใครถามคำถามนี้ ลีวายส์ บอกว่า ถ้าเป็นบุคคลจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณพ่อสุดเลิฟของเขา (วัฒนพงศ์ เตชะเกิดกมล) ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวดูแลเรื่องคิวงานต่างๆ ให้ด้วย
“วายส์รู้สึกว่าคุณพ่อเป็นทั้งครู ท่านจะคอยสอนคอยแนะนำวายส์กับการทำงานในวงการนี้ตลอด ว่าต้องประพฤติตัวหรือวางตัวแบบไหนไปทำงานที่กองถ่ายต้องทำอะไรยังไง สอนให้วายส์เป็นเด็กที่ทำตัวน่ารัก บางครั้งคุณพ่อเป็นทั้งเพื่อนโดยคุณพ่อจะเล่นกับวายส์และน้องพาไปโน่นไปนี่ เช่น พาไปปั่นจักรยานออกกำลังกาย
คุณพ่อเป็นนักเสียสละ เวลาไปถ่ายละครต้องกลับบ้านดึกๆ คุณพ่อต้องอยู่รอวายส์ นั่งเฝ้าอดหลับอดนอนจนกว่าวายส์จะถ่ายละครเสร็จ ทั้งขับรถให้วายส์นั่ง ส่วนวายส์พอขึ้นรถก็หลับปุ๋ยสบายไปเลยครับ แต่สิ่งที่วายส์ประทับใจในคุณพ่อคือ เวลาที่วายส์อยากได้ของเล่นที่ราคาแพงๆ คุณพ่อจะประดิษฐ์ให้วายส์เองเลยรู้สึกมีคุณค่ามาก”
ขณะที่คุณพ่อให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เขาจะไม่ใช้เงินเป็นที่ตั้งในการเลี้ยงลูก แต่จะสอนให้ลูกเห็นคุณค่าและความจำเป็นของการใช้เงิน เพราะเป็นที่ทราบดีว่ากว่าที่เราจะได้เงินมาแต่ละบาทในแต่ละครั้งไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ต้องทำงาน ต้องแลกกับการอดหลับอดนอน ดังนั้นเวลาที่ลูกอยากจะได้ของอะไรก็ตาม เช่น ของเล่น ใช่ว่าทุกครั้งจะต้องจบด้วยการควักเงินซื้อให้เสมอไป
“บางทีเขาอยากได้ของเล่นราคาแพง ถามว่ามีเงินซื้อให้ไหม มี ก็เงินจากน้ำพักน้ำแรงของเขานั่นแหละที่เราเก็บไว้ให้เขา แต่ถ้าซื้อให้เลยบางครั้งผมว่าง่ายไป (บางครั้งก็จัดให้เขา) ผมจึงเลือกที่จะประดิษฐ์เองทำเองดูมีคุณค่ามากกว่า อีกอย่างผมต้องการให้เป็นกิจกรรมทำร่วมกันเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เวลาทำพ่อจึงไม่ได้ทำคนเดียวแต่เป็นเขาและน้องจะเข้ามาช่วยกันทำตลอด และมันเป็นความสุขที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันครับ”
ด้านลีวายส์ เสริมว่า การที่พ่อของเขาชอบประดิษฐ์ของใช้และของเล่นต่างๆ และพยายามซ่อมของใช้ในบ้านที่ชำรุดเสียหายก็เป็นแรงกระตุ้นหนึ่งให้เขาอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์และเป็นนักประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ให้คนได้ใช้ และที่สำคัญคือของที่ชำรุดถ้าไม่มากเกินไปก็อยากทดลองซ่อมเอง แทนที่จะเอาไปทิ้ง
“วายส์ชอบทดลองครับเพราะอยากรู้โน่นนี่นั่น อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แล้วพอเห็นพ่อชอบซ่อมของก็อยากเป็นนักประดิษฐ์ อยากประดิษฐ์ของใช้ที่มีประโยชน์ให้คนได้ใช้ อยากซ่อมของที่เสียเอง แต่ตอนนี้ยังประดิษฐ์ไม่เป็นครับ คงได้แต่ซ่อมได้นิดหน่อย บางอย่างซ่อมได้ แต่บางอย่างก็ทำไม่ได้เพราะวายส์ยังเด็กครับ ส่วนใหญ่ที่ซ่อมก็จะเป็นของเล่นที่พังนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น”
ความที่พ่อเป็นฮีโร่ไม่ได้มีแค่นี้ ลีวายส์บอกว่า คุณพ่อยังคอยปกป้องดูแลเขาตลอดแทบไม่ห่างกาย เวลาที่เขาป่วยหรือบาดเจ็บก็จะคอยดูแลไม่ห่าง
ฮีโร่ของหนูคือ แม่ออ
หันมานักแสดงเด็กอีกคน “จีน่า-วรินท์น่า ธรรมนิธิรัตน์” (ชื่อเดิม ณพัศพร บุญธรรมรัตน์) คนนี้บอกเลยว่าเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์มาก ความสามารถเพียบทั้งสวยน่ารัก ทั้งเก่ง ทั้งฉลาดสอบได้ที่ 1 ในชั้นมาตลอด การพูดจาอ่อนหวาน ทุกถ้อยอักขระภาษาไทยออกเสียงชัดเจนและมีจังหวะจะโคนฟังแล้วเพลิน จัดว่าเป็นดาราเด็กที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นชวนให้นึกถึงผู้ประกาศข่าวหน้าจอทีวีหากถ้าได้ฟังที่เธอพูดมีอายแน่นอน แล้วการตอบคำถามแทบไม่ต้องเรียบเรียงอะไรมาก
จีน่าเริ่มถ่ายโฆษณาตั้งแต่ 1 ขวบ 4 เดือน จากนั้นมีงานถ่ายประปรายกระทั่งอายุ 6-7 ขวบ ก็เข้าสู่วงการบันเทิงถึงปัจจุบัน โดยผลงานละครต้องบอกว่ายกมากล่าวไม่หมดที่จบไปแล้วก็มี เช่น เพื่อนแพง นางสาวทองสร้อย ทรายสีเพลิง ลูกผู้ชายเลือดเดือด เสือ กลกิโมโน ส่วนที่ออนแอร์อยู่มี ไฟล้างไฟ ทางช่อง 3 และมีกำหนดออนแอร์ในปี 2559 เช่น วัยแสบสาแหรกขาด ช่อง 3 ทะเลไฟ ช่อง 7 และมีทางช่อง 8 ด้วย ปัจจุบันอายุ 10 ขวบ อยู่ชั้น ป.4 โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ จ.สมุทรปราการ
เธอระบุฮีโร่ในดวงใจของเธอให้ฟังว่า หาใช่คนดังและมีชื่อเสียงที่ไหน แต่เป็นคนใกล้ตัวและใกล้ชิดสนิทที่สุดในชีวิต ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณแม่ของเธอ (แม่ออ-วิชญ์ชยา ธรรมนิธิรัตน์) ที่เฝ้าถนอมเลี้ยงดูด้วยสองมือด้วยดีเสมอมา
“คุณแม่คือฮีโร่ของหนูค่ะ เพราะคุณแม่คือ ครูคนแรกที่สอนหนูและเลี้ยงดูหนูมา ทำให้หนูอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างมีความสุข และสอนให้ต่อสู้ดิ้นรนบนเส้นทางชีวิต ทั้งเรียนควบคู่กับการทำงานตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงปัจจุบัน จุดประสงค์คือทุกอย่างต้องดีและดีที่สุด คุณแม่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมากๆ เป็นได้ทั้งพ่อและแม่ในคนเดียวกัน หนูจึงภาคภูมิใจในคุณแม่มากๆ และต้องขอบคุณคุณแม่ค่ะ”
สาวน้อยน่ารัก เล่าว่าต่อว่า คุณแม่จะสอนเธอทุกอย่างโดยเฉพาะในเรื่องของความอดทน ไม่ย่อท้อในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายแบบ ถ่ายละคร หรือถ่ายโฆษณา ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย ถึงเหนื่อยแต่ก็สนุกที่ได้ทำ เชื่อไหมว่าเธอไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน แต่สามารถทำได้ นั่นเพราะคุณแม่คอยสอน ทั้งที่คุณแม่เองก็ไม่ใช่นักแสดงด้วย
“ก่อนนี้คุณแม่หนูทำงานเป็นพยาบาลของรัฐ แล้วก็มาอยู่เอกชน แต่พอหนูมีงานละครเยอะขึ้น คุณแม่จึงออกมาดูแลและสอนหนูทุกอย่าง หลายคนอาจสงสัยทำไมคุณแม่ถึงสอนหนูได้ทั้งที่ไม่ใช่ดารานักแสดง ขอตอบตรงนี้ว่า คุณแม่หนูศึกษาเรียนรู้ทุกอย่างจากแหล่งความรู้ต่างๆ จากนักแสดงคนอื่นๆ ด้วยการดูและสังเกตการเล่นของแต่ละคนแล้วเอามาถ่ายทอดแนะนำหนูค่ะ จนทำให้หนูพัฒนาตัวเองขึ้นมาจนถึงวันนี้
คุณแม่เอาชีวิตของท่านมาสอนหนู ท่านสู้ชีวิตมาก เป็นคนบ้านนอกแต่รักเรียน คุณแม่ต้องปั่นจักรยานไปเรียนจนจบมัธยมปลายระยะทางไปกลับ 24 กม.พอเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ เรียนที่โรงพยาบาลศิริราช จบแล้วทำงานที่ศิริราช 4 ปี ก่อนออกมาอยู่โรงพยาบาลเอกชน ช่วงนี้คุณแม่ไปเรียนสาธารณสุขศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตอนนั้นหนู 2 ขวบ
คุณแม่หอบหนูไปเรียนด้วย ท่านสู้ชีวิตมากและหนูก็ได้ความอดทนมาจากคุณแม่ นี่แหละคือฮีโร่ของหนูค่ะ”
สำหรับความฝันของน้องจีน่า เธอบอกว่า ตอนเด็กๆ เคยฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะการเป็นแอร์โฮสเตสจะทำให้มีโอกาสได้ท่องเที่ยวและได้บริการลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีความสุขและได้อยู่บนเครื่องบินด้วย แต่พอโตขึ้นความฝันก็เปลี่ยนตอนนี้อยากเป็นนักบินอวกาศ
“ครั้งแรกของหนูที่ได้อยู่บนเครื่องบิน คือไปถ่ายละครนางสาวทองสร้อยอยู่ที่ประเทศลาวค่ะ รู้สึกมีความสุขมากเวลาที่อยู่บนเครื่อง เพราะเราไม่เคยนั่งมาก่อน พอได้นั่งแล้วรู้สึกดี แต่อย่างไรก็ตามถ้าถามว่าตอนนี้อยากเป็นอะไร บอกเลยว่าหนูอยากเป็นนักบินอวกาศ อยากบินขึ้นไปสูงๆ ทุกวันนี้หนูชอบอ่านเรื่องอวกาศและนักบินอวกาศ และความที่หนูพูดอังกฤษได้ก็พยายามฝึกเพื่อที่จะได้มีโอกาสพูดกับเขา (นักบิน) แต่ ณ จุดนี้ขอทำงานวงการบันเทิงไปก่อนเพราะกำลังมีความสุขที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงหลากหลายรุ่น และเป็นโอกาสให้หนูได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด”
สำหรับวันเด็กที่จะมาถึงในวันเสาร์ที่ 9 ม.ค.นี้ ของขวัญที่จีน่าอยากได้มากที่สุดคือ ความรักจากพี่น้องคนไทยทุกคน เพื่อจะได้เป็นกำลังให้เธอได้สร้างสรรค์ผลงานที่ดีมีคุณภาพออกให้ได้ชมกัน
พ่อปอนด์ยอดฮีโร่ของน้องพราว
สำหรับคนสุดท้ายที่จะมาบอกเล่าฮีโร่ในดวงใจ น้องพราว-ด.ญ.ชาฎา เลาหพงศ์ชนะ วัย 7 ขวบครึ่ง ที่คุณแม่เหมี่ยว พราวพรรณ นักบริหารสาวสวยเกี่ยวแขนมาร่วมแบ่งปันเคล็ดลับการส่งเสริมพัฒนาการลูกที่ทางห้างเซ็นทรัล ชิดลม ได้จัดขึ้น เป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่จะถึงงานวันเด็กที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาและเซนเตรียมจัดงาน “Central Baby & kids Big Surprise Sale 2016” เพื่อให้คุณหนูๆ มาฉลอง “วันเด็กแห่งชาติ” ในคอนเซ็ปต์“A World to Inspire” เปิดโลกจินตนาการมอบประสบการณ์สาระบันเทิง สร้างแรงบันดาลใจ ผ่านกิจกรรมตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งวัน
เหมี่ยว พราวพรรณ เผยว่าระหว่างนี้เธอกับสามี (ปอนด์-ศราวุฒิ เลาหพงศ์ชนะ) กำลังให้ลูกเล่นกีฬา ทั้งว่ายน้ำ ยิมนาสติก โยคะ เพื่อพัฒนาการกล้ามเนื้อ และเรียนเปียโนเพราะลูกสาวให้ความสนใจควบคู่กับการส่งติววิชาคณิตศาสตร์และภาษาไทย พร้อมถ่ายทอดอุปนิสัยส่วนตัวของลูกว่า ค่อนข้างเป็นเด็กกล้าแสดงออก เพราะเรียนอยู่โรงเรียนอินเตอร์ แต่บางครั้งก็ขาดความอ่อนหวาน เลยต้องเสริมเรื่องมารยาทไทยและการมีสัมมาคารวะให้ อีกทั้งยังสอนเขาให้รับผิดชอบตัวเอง ให้มีระเบียบ มีวินัยในการนอน การตื่น
หากถามถึงลูกสาวตัวน้อย คุณแม่ถ่ายทอดให้ฟังว่า น้องพราวเมื่อโตขึ้นเขาอยากเป็นหลายอย่าง แต่ที่พูดให้คุณแม่ฟังบ่อยที่สุดคือ อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ ส่วนฮีโร่ในดวงใจของน้องคงหนีไม่พ้นคุณพ่อของเขา
“น้องจะภูมิใจว่าพ่อเขาเจ๋งนะ แม้คุณพ่อจะค่อนข้างดุ เข้มงวดแต่จะไม่กลัว จะกล้าเข้าหาและคุยกันด้วยเหตุผล สิ่งที่ทำให้น้องชื่นชมคุณพ่อมากคือคุณพ่อจะมีอะไรที่แปลกๆ น่าสนใจ ท้าทาย และสนุกๆ มาชวนลูกทำเสมอ เช่น ต่อโมเดล ชวนประดิษฐ์โน่นนี่ด้วยกัน พอทำเสร็จเขาจะภูมิใจ น้องเลยปลื้มคุณพ่อซึ่งวันเด็กที่จะถึงนี้น้องพราวอยากไปเที่ยวสวนสัตว์เพราะน้องชอบ แล้วเราจะพาไปร่วมกิจกรรมวันเด็กที่เซ็นทรัล ชิดลมด้วย น้องชอบให้พามาซื้อของเล่นที่นี่เพราะมีของที่ชอบครบค่ะ”


