รู้จักบังกลา มากกว่าที่คุณเคยรู้
“ไปทำไร บังกลาเทศ มีแต่แขกขายถั่ว แขกขายผ้า!!!” นี่คือประโยคตอบรับแรก ของคนส่วนใหญ่รอบตัวเรา
โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]
“ไปทำไร บังกลาเทศ มีแต่แขกขายถั่ว แขกขายผ้า!!!” นี่คือประโยคตอบรับแรก ของคนส่วนใหญ่รอบตัวเรา เมื่อเราบอกว่า มีแผนจะไปเที่ยวบังกลาเทศ แต่พอเรากลับมาแล้วเอารูปมาให้ดู ทุกคนก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “สุดยอดอ่ะอยากไปบ้างจัง”
นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่เรากล้ายืนยันว่า เรายังรู้จักบังกลาเทศน้อยไปหน่อย ดังนั้น วันนี้เราเลยขอนำเอาเรื่องราว ของบังกลาเทศ ในมุมมองของโลก 360 องศา มาถ่ายทอดให้ฟังกัน
อันที่จริงแล้ว ในแง่ของความร่วมมือทางธุรกิจนั้น ไทยกับบังกลาเทศมีความร่วมมือกันมานานหลายปี จนกระทั่งมีสภาธุรกิจ ไทย-บังกลาเทศ มาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งก็อาจเป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการให้เสรีภาพแก่นักลงทุน พร้อมกันนี้ก็ยังมีใช้การทูตเชิงพาณิชย์เป็นเครื่องมือช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอีกทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ ยังไม่เกิดเป็นรูปธรรมนัก จึงยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลของบังกลาเทศ อย่างเป็นจริงเป็นจัง เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศมีความรู้จักมักคุ้นกันเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังไม่มีบริษัทนำเที่ยวใดที่กล้าพอจะโปรโมทการท่องเที่ยวบังกลาเทศอย่างสุดตัวเพราะข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เช่น ตลาดที่จำกัดของนักท่องเที่ยวซึ่งจะต้องเป็นกลุ่มที่มีความชอบเฉพาะทาง อีกทั้งองค์ประกอบอื่นๆ ในการจัดทัวร์ก็น่าจะเป็นปัญหาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยานพาหนะ ที่พัก อาหาร และห้องน้ำ ซึ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทำให้บริษัททัวร์โดนตำหนิอยู่บ่อยครั้ง
ต่างๆ นานาเหล่านี้ก็เลยทำให้มีคนที่รู้จักบังกลาเทศ อยู่แค่2 กลุ่ม คือ กลุ่มนักการทูต ที่จำเป็นต้องรู้จักบังกลาเทศโดยหน้าที่ และกลุ่มนักธุรกิจที่จำเป็นต้องรู้จักบังกลาเทศเพราะผลประโยชน์ แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว เราแทบจะไม่เหตุจูงใจใดๆ เลยที่จะทำให้รู้สึกอยากรู้จักประเทศนี้ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ดึงดูดคุณละก็ คุณต้องไปบังกลาเทศ
1.ป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อ Sundarbans forest อันเป็นบ้านเกิดของเสือเบงกอล ตั้งอยู่ในประเทศนี้
2.การถ่ายรูปชีวิตคนและท้องถนน เป็นสิ่งที่สนุกสนานมากในบังกลาเทศ
3.เมืองหลวงที่ไม่มีความเงียบเหงา ที่ชื่อ ธากา อยู่ในประเทศนี้
4.จักรยานถีบสามล้อที่เรียกว่า ริคชอว์ มีจำนวนมากเสียจนเรียกธากาว่าเป็นเมืองแห่งริคชอว์
5.ชาวประมงบังกลาเทศสามารถฝึกตัวนากให้ช่วยจับปลาได้
6.เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่บังกลาเทศราคาถูกกว่าที่ขายในตลาดนัดของประเทศไทย
7.บังกลาเทศคือดินแดนที่พุทธศาสนาเคยรุ่งเรือง และมีโบราณสถานหลงเหลืออยู่จำนวนมาก
8.หาดทรายธรรมชาติต่อเนื่องยาวที่สุดในโลก ชื่อหาด Cox’s bazar ตั้งอยู่ในประเทศบังกลาเทศ
9.ผู้โดยสารนั่งบนหลังคารถไฟโดยไม่ต้องมีราวกันตก และสามารถยืนโดยสารเรือพายข้ามฟากได้โดยไม่ต้องมีราวจับ
10.ชาวบังกลาเทศเป็นประเทศเดียวที่ผู้คนต่อสู้จนล้มตาย เพื่อให้ภาษาของตัวเองได้เป็นภาษาประจำชาติ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้ารู้สึกสนใจบังกลาเทศขึ้นมาบ้างแล้ว และอยากจะทำความรู้จักกับประเทศนี้ในแง่มุมอื่นๆ ให้มากขึ้น ก็คงต้องแนะนำให้ย้อนไปทำความเข้าใจการเกิดขึ้นของประเทศนี้กัน
หากมองในแง่ของการเป็นประเทศแล้ว บังกลาเทศก็คงเป็นแค่ประเทศใหม่ที่มีอายุเพียง 40 กว่าปีเท่านั้นเอง แต่ถ้ามองย้อนประวัติศาสตร์ของดินแดนแถบนั้น ก็จะพบว่าดินแดนที่เป็นประเทศบังกลาเทศปัจจุบัน มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปีเลยทีเดียว ซึ่งภายใต้ระยะเวลากว่าพันปีที่ผ่านมา ได้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายบนดินแดนแห่งนี้ ซึ่งเคยมีความรุ่งเรืองของหลายศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ ฮินดู และอิสลาม ตลอดจนเรื่องราวการต่อสู้เพื่อเอกราชอีกหลายยุคหลายสมัย แต่ที่ชาวบังกลาเทศเขาถือว่าเป็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ก็คงเป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้รับเอกราชจากปากีสถาน
แรกเริ่มเดิมทีเลย ดินแดนที่เป็นบังกลาเทศในปัจจุบันนี้เป็นส่วนหนึ่งของชมพูทวีป และเมื่ออังกฤษเข้ายึดครองตั้งแต่ปี 2300 ชมพูทวีปก็ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษร่วม 200 ปี ซึ่งนั่นมีส่วนทำให้ชาวบังกลาเทศรับอิทธิพลจากอังกฤษมาจนถึงทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นการดื่มชา และการเล่นกีฬาคริกเก็ต
ภายหลังที่ชมพูทวีปได้รับเอกราชจากอังกฤษ ช่วงปี 2490 ดินแดนผืนใหญ่ก็ถูกแบ่งแยกเป็นประเทศต่างๆ ซึ่งสมัยนั้นเรียกบังกลาเทศว่า “ปากีสถานตะวันออก” เพราะเป็นส่วนหนึ่งของประเทศปากีสถาน ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่าปากีสถานตะวันตก
ประชากรส่วนใหญ่ของปากีสถานตะวันออกเป็นชาวเบงกาลี ที่มีวัฒนธรรมและภาษาพูดเป็นของตนเองแตกต่างจากปากีสถานตะวันตกโดยสิ้นเชิง เพราะที่นั่นเป็นชาวปากี และใช้ภาษาอูรดู
สมัยนั้นรัฐบาลปากีสถานตะวันตกบังคับให้มีการใช้ภาษาอูรดูเป็นภาษาประจำชาติ ทั้งที่สัดส่วนของคนที่ใช้ภาษาเบงกาลีมีมากกว่า จึงนำไปสู่การเรียกร้องให้ภาษาเบงกาลีได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม ซึ่งก็แลกด้วยชีวิตของนักศึกษาจำนวนหนึ่ง และจบลงได้การยอมรับภาษาเบงกาลีในที่สุด แต่ก็ใช้เวลานานพอสมควร
ซึ่งที่กรุงธากาจะมีอนุสรณ์สถานที่ชื่อว่า Shaheed Minar ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงผู้เสียชีวิต จากการต่อสู้เรียกร้องของนักศึกษา ในปี 2495 และทุกวันนี้องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 21 ก.พ.ของทุกปี เป็นวันสากลแห่งภาษาแม่อีกด้วย
ปากีสถานตะวันออกและปากีสถานตะวันตกส่อเค้าของการแบ่งแยกมานานหลายปี กระทั่งชาวเบงกาลีในปากีสถานตะวันออกทนไม่ไหว เพราะไม่พอใจการบริหารงานของรัฐบาลกลางที่อยู่ในปากีสถานตะวันตก เนื่องจากถูกแสวงหาประโยชน์และได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม สร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ จึงเกิดการต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนในเวลาต่อมา ภายใต้การนำของ ชีค มูจีป Sheikh Mujibur Rahman (บิดาของนาง Sheikh Hasina Wazed นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2514 และตั้งชื่อประเทศใหม่ว่า สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ
ในช่วงแรกของการประกาศเอกราชนั้นก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะทางปากีสถานตะวันตกเองก็ไม่ยอมและมองเป็นการก่อกบฏ จึงส่งกองกำลังเข้าปราบปรามแต่ก็ได้ยักษ์ใหญ่อินเดียเข้าให้การช่วยเหลือ จนบังกลาเทศรอดพ้นมาได้ ดังนั้น อินเดียจึงเป็นแทบทุกสิ่งทุกอย่างของบังกลาเทศเลยก็ว่าได้
วัฒนธรรมการกิน การแต่งกาย และประเพณีหลายอย่างของบังกลาเทศก็เหมือนกับอินเดียตะวันออกอย่างชัดเจน รวมทั้งการค้าขายต่างๆ ก็ต้องพึ่งพิงอินเดียมาจนถึงทุกวันนี้
นั่นคือจุดเริ่มต้นของประเทศบังกลาเทศ ประเทศที่มีเอกราชเป็นของตนเอง มีเรื่องราวในอดีตมากมาย มีศาสนสถานหลายศาสนา ทั้งพุทธ ฮินดู และอิสลาม แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ความน่าสนใจทั้งหมดของประเทศนี้ เพราะยังมีเรื่องราวในแง่มุมอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้ประเทศนี้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ซึ่งเราจะนำมาเล่าให้ฟังในตอนต่อๆ ไป


