posttoday

เตรียมรับมือยุคM2M เมื่ออุปกรณ์สื่อสารกัน

12 ธันวาคม 2558

การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ (Machine-to-Machine-M2M) เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว และนับวันจะยิ่งขยายตัวมากขึ้น

โดย...OnePen

การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ (Machine-to-Machine-M2M) เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว และนับวันจะยิ่งขยายตัวมากขึ้นจากอิทธิพลของ Internet of Things (IoT) ซึ่งเป็นยุคของการเชื่อมต่อกับทุกสิ่ง ที่ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลสำหรับการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ต่างๆ ทั่วโลก

ทั้งนี้ มีการประเมินไว้ว่า จะเกิดการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ถึง 2-5 หมื่นล้านชิ้นทั่วโลกในปี 2563 ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการติดต่อสื่อสารและขับเคลื่อนความมีประสิทธิภาพเชิงปฏิบัติการ ทำให้ปัจจุบันผู้จำหน่ายด้านบริการภาคสนามกำลังให้ความสนใจแก่ M2M และมุ่งหวังที่จะลงทุนเพื่อได้รับประโยชน์จาก M2M แบบบูรณาการ

ศรีดาราน อรูมูแกม รองประธานบริษัท ไอเอฟเอส ภูมิภาคอาเซียนตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า M2M ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เกิดขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว แต่กำลังกลายเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จเนื่องจากการเชื่อมต่อกันทั่วโลกในทุกวันนี้ โดยจะเห็นได้ว่า M2M มีอยู่มากในอุตสาหกรรมสื่อสารคมนาคมและรถยนต์ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Appliance) ภายในบ้านและระบบรักษาความปลอดภัย ระบบการควบคุมการทำงานภายในบ้าน สามารถแจ้งเตือนคุณผ่านอุปกรณ์มือถือโดยเชื่อมต่อกับระดับการใช้พลังงานและการแจ้งเตือนอื่นๆ จะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากการบริโภคพลังงานและดูแลบ้านจากระยะทางที่ไกลได้มากยิ่งขึ้น

เตรียมรับมือยุคM2M เมื่ออุปกรณ์สื่อสารกัน

 

ขณะที่ในมุมมองในแวดวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในงานบริการภาคสนาม หรือ Field Service ตัวเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งบนอุปกรณ์จะทำให้องค์กรด้านการบริการสามารถเปลี่ยนจากปฏิกิริยาแบบตั้งรับ (Reactive Model) ที่โดยปกติจะตอบสนองต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ไปเป็นปฏิกิริยาแบบเชิงรุก (Proactive Model) ที่ซึ่งผู้ปล่อยสินค้าและช่างเทคนิคในพื้นที่สามารถได้รับการแจ้งบนอุปกรณ์ของพวกเขาได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิดและระยะเวลาที่ระบบเกิดขัดข้อง (Down-time) ช่างเทคนิคสามารถไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในพื้นที่ก่อนที่ปัญหาจะซับซ้อนไปมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงก่อให้เกิดการพัฒนาในด้านความพึงพอใจของลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น M2M ในแวดวง Field Service จะทำให้องค์กรบริการสามารถลดเวลาในการทำงาน ปรับปรุงอัตราเวลาการแก้ไขครั้งแรกด้วยระบบการวินิจฉัยที่ดียิ่งขึ้น (ตัวเซ็นเซอร์จะติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์ของช่างเทคนิคและตรวจหาความผิดพลาดหรือปัญหาที่เกิดขึ้นจริง) ลดปัญหาเรื่องสินค้าคงคลัง (หากช่างมีการวินิจฉัยที่แม่นยำก่อนที่จะถึงเครื่องมือ พวกเขาก็จะมาถึงเขตสถานที่ทำงานก่อน) ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (การเดินทางไปหาลูกค้าหรือคลังสินค้าก็จะลดลง)

เตรียมรับมือยุคM2M เมื่ออุปกรณ์สื่อสารกัน

 

ความชาญฉลาดอีกอย่างหนึ่งที่ M2M สามารถช่วยประหยัดเวลาการทำงานลงในช่วง 2 ปีมานี้คือ การวัดที่ชาญฉลาด เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีก่อน การวัดส่วนมากเกิดขึ้นจากการส่งช่างหรือวิศวกรไปยังพื้นที่หรือบ้านของลูกค้าสำหรับการวัดค่าการใช้พลังงาน แต่ในปัจจุบันเครื่องวัดอัจฉริยะสามารถให้ข้อมูลดังกล่าวแก่องค์กรได้แล้ว โดยไม่ต้องมอบหมายให้พนักงานไปลงพื้นที่ ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดแรงงานส่วนเกิน ลดค่าเดินทาง และลดการเดินทางสำหรับการบริหารผลการปฏิบัติงาน เพราะเครื่องวัดอัจฉริยะสามารถวิเคราะห์ผลการปฏิบัติงานของตัวเองได้

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า M2M จะมีบทบาทเปลี่ยนแปลงวิธีที่การรับมือกับ Field Service โดยข้อดีคือ การลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะอุปกรณ์สามารถบอกเราว่าเมื่อไหร่ที่ลูกค้าต้องการบริการและประเภทของบริการที่ลูกค้าต้องการจะช่วยประหยัดเงินขององค์กร และช่วยสร้างความพึงพอใจของลูกค้าให้สูงขึ้นอีกด้วย

การก้าวกระโดดไปข้างหน้าอันยิ่งใหญ่จะก่อให้เกิดมาตรฐานของอุตสาหกรรม เมื่อข้อกำหนดและวิธีการในการติดต่อสื่อสารต่างได้รับการกำหนดเป็นมาตรฐานเดียวกัน ในท้ายที่สุดแล้ว M2M จะกลายเป็นแนวทางหลักใน Field Service ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการด้านการซ่อมตู้เย็น ผลิตชิปคอมพิวเตอร์หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกนัยหนึ่งก็คือ M2M คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อีกต่อไป

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"