posttoday

ธรรมาภิบาลแบบไทยๆ

07 ธันวาคม 2558

สมผล ตระกูลรุ่ง

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง

ทรัพย์สินเงินทองเป็นของต้องตาต้องใจ ผลประโยชน์ใครๆ ก็อยากได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ ที่การแสวงหากำไรเป็นวัตถุประสงค์หลัก

ในทางกฎหมาย ไม่มีบทบัญญัติใดห้ามคนร่ำรวย แต่กฎหมายจะพิจารณาถึงวิธีการที่ทำให้ร่ำรวย หากใช้วิธีการในกรอบของกฎหมายย่อมไม่มีความผิด แต่หากการร่ำรวยเกิดจากการกระทำนอกกรอบของกฎหมาย ผู้กระทำย่อมมีความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติ

การทำธุรกิจหรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกคือ ค้าๆ ขายๆ เป็นเรื่องของบุคคลในครอบครัว เป็นธุรกิจของครอบครัว หรือถ้าจะขยายวงออกไปก็เป็นเรื่องของเพื่อนๆ คนที่รู้จักกันจึงจะมาลงทุนด้วยกัน โดยพื้นฐานแล้วคงไม่มีใครที่คิดจะทำธุรกิจแล้วแบ่งกำไรให้ผู้อื่นที่ไม่รู้จักกัน แต่เรื่องแบบนี้ฝรั่งเขาคิดไปไกล คิดรูปแบบธุรกิจที่เป็นบริษัทมหาชน ให้บุคคลทั่วไปมาถือหุ้นแล้วแบ่งผลกำไรให้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นพ่อพระที่เผื่อแผ่กำไรให้คนอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฝรั่งมีเจตนาที่จะระดมทุนจากประชาชนแทนการกู้เงินจากสถาบันการเงิน แต่ใช้เหตุผลที่ดูสวยหรู โฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นการกระจายหุ้นให้ประชาชน ให้ประชาชนเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่

ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ใช่เจ้าของบริษัทมหาชน ไม่มีอำนาจบริหาร ไม่มีสิทธิที่จะรู้สถานะที่แท้จริงของบริษัท ข้อมูลที่เปิดเผยเป็นข้อมูลที่เจ้าของที่แท้จริงได้กลั่นกรอง คัดเลือกแล้วว่าจะให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยรู้เพียงใด ผู้ถือหุ้นจึงไม่ใช่เจ้าของ

การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จึงเป็นเรื่องที่ต้องคัดเลือกบริษัทที่เจ้าของเป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม และต้องยอมรับว่าเป็นการปล่อยกู้ประเภทหนึ่ง ผลตอบแทนที่ได้รับคือเงินปันผล

และถ้ายอมรับความจริงกันแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่ในโลกไม่ได้หวังเงินปันผล แต่หวังส่วนต่างจากราคาหุ้น ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเล่นการพนัน จึงมีศัพท์เรียกกันในวงการว่า เจ้ามือ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเจ้าของกิจการนั่นเอง และแน่นอนว่าจะต้องมีคนที่ฉลาดแกมโกง ใช้วิธีการสร้างกำไรด้วยการปั่นหุ้น

ฝรั่งเป็นคนคิดระบบอย่างนี้ แต่ฝรั่งเองมีข้อดีตรงที่ผู้บริโภคเสียงดัง ผู้ถือหุ้นรายย่อยจึงได้รับความคุ้มครอง (หลังจากที่เจ้าของธุรกิจร่ำรวยไปมากมายแล้ว) ฝรั่งจึงพยายามออกกฎระเบียบป้องกันการทุจริต หรือการเอารัดเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อย นำเอาหลักปกครอง การบริหารบ้านเมืองที่ดี ที่เรียกว่า Good Governance หรือหลักธรรมาภิบาล มาใช้กับบริษัท เป็นการกำกับดูแลกิจการบริษัทที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ที่เรียกว่า บรรษัทภิบาล หรือ Corporate Governance เรียกย่อๆว่า CG

ฝรั่งพยายามออกกฎเกณฑ์มากมายที่ไม่ให้เจ้าของผู้บริหารเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อย มีการกำหนดโทษถึงจำคุกสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน ทั้งนี้เพราะเจ้าของผู้บริหารจะรู้ดีว่ากิจการของบริษัทเป็นอย่างไร สถานะมั่นคงหรือไม่ จะมีโครงการหรือเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทขึ้นหรือลง ที่เรียกว่าข้อมูลภายใน Insider  

หากผู้บริหารใช้ข้อมูลภายในที่คนอื่นไม่รู้ไปซื้อขายหุ้น ย่อมได้เปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างแน่นอน ถือเป็นการทุจริตอย่างหนึ่ง ประเทศไทยเราเองก็มีกฎหมายคุ้มครองผู้ถือหุ้นรายย่อย คือ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ห้ามการใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้น

การทำผิด Insider Trading ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่บุคคลนั้นๆ ได้รับไว้ หรือพึงจะได้รับเพราะการกระทำฝ่าฝืนดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ค่าปรับดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข่าวการปรับผู้บริหาร CPALL บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ใช้ข้อมูลภายในไปซื้อหุ้น MACRO ดักรอไว้ก่อนที่ CPALL จะไปซื้อหุ้นส่วนใหญ่จากเจ้าของ MACRO เป็นข่าวที่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ CG ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย

CPALL บริษัทที่มีเจ้าสัวใหญ่ของ CP เป็นประธานกรรมการ ที่ผ่านมา CPALL สร้างภาพเป็นนักบุญ สนับสนุนการปฏิบัติธรรม แต่ผู้บริหารกลับทำผิดกฎหมายเสียเอง และจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ยอมรับว่าทำผิด โดย ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บอกว่า ถ้ารู้ว่าผิดก็จะไม่ทำ ส่วนถ้าผู้ถือหุ้นจะทิ้งหุ้น “หากจะเลือกบริษัทที่มีธรรมาภิบาล แต่ผลกำไรไม่ดีก็แล้วแต่” และยืนยันที่จะไม่ลาออก  

คนระดับประธานกรรมการบริหารจะไม่รู้เลยหรือว่า ตนเองซื้อหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายใน และที่พูดว่า หากจะเลือกบริษัทที่มีธรรมาภิบาลแต่ผลกำไรไม่ดีก็แล้วแต่นั้น เท่ากับเป็นการรับสารภาพไปแล้ว และสะท้อนให้เห็นถึงการไม่ให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลของบริษัท

บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของไทยถือเอาผลกำไรเป็นธรรมาภิบาล คงเหมือนกับทีวีช่อง 3 ที่ผู้เล่าข่าวคนดังถูกดำเนินคดีทุจริต แต่เรตติ้งดีผู้บริหารก็ยังคงให้อ่านข่าวต่อไป ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิบัติ

คนรวยในประเทศไทยเราจึงตั้งเป้า ขอเป็นคนรวยโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ

ความผิดอย่างนี้สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับผู้ถือหุ้นของ CPALL กระทบกับความเชื่อถือของตลาด แต่ผู้กระทำผิดได้รับเพียงโทษปรับ ถ้าเปรียบเทียบกับคนร้ายเข้าไปปล้นเงินใน 7-11 ซึ่งได้ครั้งละไม่ถึงหมื่นบาท แต่คนทำผิดต้องติดคุก แต่ผู้บริหารทำผิดสร้างความเสียหายเป็นเงินร้อยล้านพันล้านกลับถูกลงโทษเพียงถูกปรับ ซึ่งขนหน้าแข้งของเจ้าสัวเหล่านี้ไม่ได้หลุดร่วงแม้แต่น้อย

ในต่างประเทศ เพียงแค่รู้ข้อมูลจาก CEO ของบริษัท ก็ยังติดคุกไปแล้ว คือคดี Martha Stewart แม่บ้านที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจ จนเป็นแบบอย่างของคนอเมริกันที่ขายหุ้นในบริษัทยา โดยรู้ข้อมูลภายในว่า FDA จะไม่อนุมัติให้ขายยามะเร็งและจะทำให้หุ้นตก ซึ่งเมื่อขายหุ้นไปแล้วหุ้นก็ตกจริงๆ ความผิดของเธอนอกจากถูกปรับแล้ว ยังถูกจำคุก 5 เดือน กักบริเวณ 5 เดือน ส่วนเจ้า CEO นั้น นอกจากถูกปรับแล้ว ยังเจอคุก 7 ปี 3 เดือน      

โทษที่ผู้กระทำผิดในทางเศรษฐกิจได้รับนี้ถือว่าจิ๊บจ๊อย คุ้มค่ากับความเสี่ยง เพราะถ้ารอดก็กำไรมหาศาล กำไรอย่างง่ายๆ ผู้บริหารลูกเจ้าสัวใหญ่ก็ยังออกมาปกป้องว่าไม่ได้กระทำผิด

ถ้า ก.ล.ต.ผู้คุมกฎลงโทษได้เพียงเท่านี้ CG ในตลาดหลักทรัพย์ของเราก็คงเป็นแบบไทยๆ ที่แมลงเม่าทั้งหลายยังคงเป็นเหยื่อต่อไป

ข่าวล่าสุด

SCB WEALTH กวาด 6 รางวัลระดับโลก สะท้อนความเป็นเลิศในทุกมิติการบริหารความมั่งคั่ง