posttoday

จรรยาบรรณกรณีการรายงานข่าว 'ปอ-ทฤษฎี'

26 พฤศจิกายน 2558

จรรยาบรรณสื่อมวลชนกรณีการรายงานข่าว'ปอ-ทฤษฎี'รักษาตัวที่โรงพยาบาล

เฟซบุ๊ก จริยธรรมวารสารศาสตร์

นับตั้งแต่ ‘ปอ’ ทฤษฎี สหวงษ์ เข้ารับการรักษาตัวจากโรคไข้เลือดออกที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ การเป็นนักแสดงย่อมเป็นที่ชื่นชอบของผู้ติดตามผลงาน โดยเฉพาะศิลปินที่วางตัวได้เหมาะสมในสังคมและเป็นกันเองกับ ‘แฟนคลับ’ จึงทำให้สื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และสำนักข่าว ต่างติดตามนำผลการรักษา ความเคลื่อนไหวของครอบครัว และบุคคลในวงการบันเทิงที่ไปเยี่ยมไข้ มารายงานอย่างต่อเนื่อง

แต่วิธีการและเนื้อหาที่สื่อนำมารายงานนั้น กลับถูกตั้งข้อสังเกตจากผู้เกี่ยวข้องในการรักษาพยาบาล รวมทั้งผู้อื่นที่จำเป็นต้องไปรักษาตัวและไปเยี่ยมไข้ที่โรงพยาบาล บางรายตำหนิติเตียนด้วยถ้อยคำรุนแรง รวมไปถึงนักวิชาการนิเทศศาสตร์ที่เรียกร้องให้องค์กรวิชาชีพสื่อออกมาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อพฤติกรรมของนักข่าวที่ไปปักหลักเฝ้าข่าว

ประเด็นที่ถูกตำหนิติเตียน กล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้

๑. ความเหมาะสมในการนำภาพผู้ป่วยนอนเตียงคนไข้มาขึ้นหน้าหนึ่ง – ประเด็นนี้หมิ่นเหม่ต่อกฎหมาย ที่ระบุไว้ในมาตรา ๗ พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ถ้าผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยไม่ยินยอม

๒. การคิดแต่จะให้ได้ข่าวผู้ป่วยซึ่งเป็นคนบันเทิง โดยถือเอาการเป็น ‘บุคคลสาธารณะ’ แต่ไม่คำนึงถึงวิธีการที่ให้ได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสาร จนส่งผลกระทบต่อการทำงานของแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยคนอื่น ๆ ที่ต้องมาใช้บริการในโรงพยาบาล แล้วกลายเป็นว่า การทำงานของผู้สื่อข่าวไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น นี่ยังไม่กล่าวถึงการทำให้สถานพยาบาลซึ่งสุขอนามัยถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องสกปรกเลอะเทอะจากการเฝ้าข่าว รวมทั้งการเกาะติดข่าวกันทุกวัน ที่แม้ว่าวันหนึ่งคุณค่าข่าวจะลดลงไปตามกาลเวลา นักข่าวก็คงจะหายไปจากโรงพยาบาล แต่สิ่งที่นักข่าวทำไว้ในวันนี้ มีปัญหาขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะในสถานพยาบาลที่ต่างกันกับสำนักงานอื่น ๆ – ประเด็นนี้ สะท้อนความเป็นมืออาชีพที่ยังต้องคำนึงถึงวิธีการได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสารนั้นด้วยว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่

๓. การนำลูกของคนไข้ในวัยไร้เดียงสามารถสร้างความบันเทิง ด้วยการเปิดเพลงให้เด็กเต้น แล้วถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ไปประกอบข่าว – ประเด็นนี้ อาจดูว่านักข่าวมีความเห็นอกเห็นใจ แต่ก็มีคำถามในทางจริยธรรมว่า ใช่หน้าที่ของผู้สื่อข่าวหรือไม่ พิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้ว อาจถูกมองว่าเป็นการสร้างข่าวก็ได้เช่นกัน และยังเป็นภาพที่ขัดแย้งกับผู้ป่วยที่เป็นบิดากำลังอยู่ในภาวะที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์และพยาบาลอย่างใกล้ชิด

เรื่องต่าง ๆ ข้างต้น ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของคนในวิชาชีพสื่อมวลชนโดยรวม ขณะที่คำตำหนิติเตียนเหล่านี้ เชื่อว่าคนในวิชาชีพด้วยกันก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกัน

อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนบนสื่อสังคมนับตั้งแต่เกิดปัญหาเรื่อยมาจนถึงขณะนี้ น่าจะเป็นเครื่องเตือนสติเพื่อนร่วมวิชาชีพได้ไม่มากก็น้อย

สิ่งที่พึงตระหนักจากนี้ไป คือการทำงานอย่าง ‘มืออาชีพ’ และอย่าง ‘มีความรับผิดชอบ’

บรรยงค์ สุวรรณผ่อง
ประธานกรรมการจริยธรรมวิชาชีพ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
กรรมการควบคุมจริยธรรม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

ที่มา https://www.facebook.com/jr.ethics/photos/a.893276777401597.1073741827.893260010736607/1097950503600889/?type=3&__mref=message_bubble
รูปภาพ Instagram@portid

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”