ผู้ประกาศข่าวสาวหน้าหวาน รินรดา รวีเลิศ

โดย...วราภรณ์ ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

แฟนข่าวช่องเวิร์คพอยท์คงคุ้นหน้ากันดีกับหนึ่งในผู้ประกาศข่าวสาวหน้าหวาน หยก-รินรดา รวีเลิศ ประจำช่อง 1 ช่วงหกโมงถึงแปดโมงเช้าทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ด้วยดีกรีปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยมหิดล เธอจึงได้รับมอบหมายให้วิเคราะห์และการเล่าข่าวเศรษฐกิจและข่าวต่างประเทศด้วย

ความสามารถพิเศษด้านภาษาอังกฤษ ยังทำให้เธอได้รับบทบาทเป็นพิธีกรสองภาษาตามอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งงานการเป็นผู้ประกาศข่าวเป็นอาชีพที่สาวหุ่นกะทัดรัดใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก โดยกว่าจะได้มาทำอาชีพในฝันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยการเรียนรู้และการพัฒนาตัวเอง ทั้งด้านบุคลิกภาพและความรอบรู้ด้านข่าวสารอย่างไม่หยุดนิ่ง

 

“โอกาสแรกของหยกในการเป็นผู้ประกาศข่าว คือรายการ Wisdom Lady ช่อง RSU Wisdom TV เป็นช่องทางเคเบิล ของมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งก่อนหน้านั้นหลังเรียนจบก็ไปทำงานด้านอื่นๆ อยู่ 3 ปี รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง ก็นึกขึ้นได้ว่าจริงๆ แล้ว ทั้งตัวเองและคุณพ่อคุณแม่อยากให้หยกเป็นผู้ประกาศข่าว เพราะตอนหยกเกิดมาพ่อกับแม่ตั้งชื่อให้ว่า ศันสนีย์ ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวที่ดังมากในยุคนั้น

หยกเข้าคอร์สพัฒนาการอ่าน เข้าคอร์สอบรมด้านบุคลิกภาพ เติมอาหารสมองให้กับตัวเอง อ่านหนังสือพิมพ์ทั้งอาชญากรรม เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ข่าวต่างประเทศ 4 ฉบับ/วัน พอช่องหนึ่งเปิดรับสมัครผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ หยกก็ไป ก็ติดเข้ารอบลึกๆ แต่ตอนนั้นหยกยังเด็กไม่มีประสบการณ์ ติดเข้าไปรอบลึกคณะกรรมการให้อ่านข่าว ด้วยความตื่นเต้นเราก็อ่านไม่ค่อยราบรื่น อันนี้รู้สึกเอง” พอพลาดหวัง รินรดา ฝึกพัฒนาตนเองมาเรื่อยๆ จนได้เป็นผู้ประกาศข่าวเต็มตัวที่ช่อง 1 เวิร์คพอยท์มาได้ 1 ปีแล้ว เป็นช่วงการทำงานที่สอนประสบการณ์ชีวิตเยอะมาก

 

“หยกอ่านข่าวกับเพื่อนๆ อีกสองคนตลอด 2 ชั่วโมง มีทั้งข่าวการเมือง อาชญากรรม เศรษฐกิจ กีฬา และข่าวต่างประเทศ ซึ่งหยกได้รับมอบหมายให้อ่านข่าวเศรษฐกิจ ข่าวต่างประเทศเป็นหลัก แล้วก็ช่วยอ่านข่าวกีฬาบ้างเล็กน้อย หยกจึงอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งกว่าจะเก่งภาษาอังกฤษเข้าขั้นเป็นพิธีกรสองภาษาได้ มีแรงผลักดันช่วงอายุ 16 ปี ไปเที่ยวต่างประเทศ ได้ยินเพื่อนคุณพ่อใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดีมากๆ แตกต่างจากหยกที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ เลยรู้สึกว่าเราต้องพัฒนาตัวเองด้านภาษาอังกฤษ ก็เลยไปลงเรียนอยู่นานหลายปี” นอกจากฝึกผ่านการอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษแล้ว ยังฟังเพลงเพื่อเรียนรู้คำศัพท์และดูหนังเพื่อฝึกการฟังและเรียนรู้ศัพท์สแลงต่างๆ

การมีอาชีพเป็นผู้ประกาศข่าว ด้านบุคลิกภาพและความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ ควรดูดีตั้งแต่เปิดหน้า เนื่องจากงานข่าวเป็นงานที่เน้นความน่าเชื่อถือ ดังนั้นจึงต้องน่าเชื่อถือที่การพูด ควรนั่งหลังตรง ข้อมูลต้องไม่ผิด ทำให้ทุกเช้าเธอต้องอ่านหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ข่าวต่างประเทศ และข่าวอาชญากรรม เพื่อนำข้อมูลความรู้เก็บใส่สมอง สามารถหยิบมาใช้ได้ขณะทำงานอยู่หน้ากล้อง

 

“หยกอยากเป็นผู้ประกาศข่าวที่คนให้ความเชื่อถือค่ะ ดังนั้นเวลาทำงานเราต้องควรเป็นคนมีความรอบรู้เหนือจากเรื่องที่เรากำลังจะเล่า เช่น ตอนนี้ข่าวการก่อวินาศกรรมที่ฝรั่งเศสดังมาก นอกเหนือจากการรายงานข่าวว่ามีคนตายคนเจ็บเท่าไร ซึ่งทุกช่องต้องรายงานเหมือนๆ กัน แต่เราสามารถทำการบ้านมากกว่านั้นได้ไหม เช่น วิเคราะห์ว่าทำไมปารีสจึงเป็นเป้า ดังนั้นเราควรวิเคราะห์ได้ลึกและมากขึ้น จำเป็นที่เราควรหาข้อมูลช่วยทีมข่าวด้วย

อยู่หน้ากล้องหยกมีหน้าที่เล่าเรื่องจากความเข้าใจ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความน่าเชื่อถือทั้งข้อมูลความถูกต้อง จังหวะการเล่าและน้ำเสียง มีบุคลิกภาพที่จริงจัง ซึ่งข่าวต่างประเทศและเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่หยกต้องใส่ใจ เช่น รายงานข่าวเรื่องจีดีพีปลายปีนี้ประเมินได้เท่านี้ เราจะบอกคนได้ไหมว่าทำไมคนต้องฟังข่าวเศรษฐกิจ เราย่อยข่าวให้เล็กลง เข้าใจง่ายขึ้นเพราะฐานคนดูของเราอยู่ต่างจังหวัดเยอะมากค่ะ” หรือข่าวเศรษฐกิจด้านการลงทุน ภาพรวมบริษัททำไมเจ้านี้ลงทุนเพิ่ม เช่น ธุรกิจด้านการสื่อสาร ซึ่งการขยับตัวลงทุนในภาคธุรกิจต่างๆ เธอยังสามารถหยิบมาใช้ในการดำเนินชีวิตในการออมเงินได้อย่างดีอีกด้วย

 

รินรดา บอกว่า ต้องฝึกฝนทุกอย่าง รวมทั้งเทคนิคการแต่งหน้าด้วย เสื้อผ้าหน้าผมก็ต้องเป๊ะ โดยวิธีง่ายๆ คือฝึกฝนจากยูทูบ “โชคดีที่อ่านข่าวในชีวิตประจำวันเรามีสปอนเซอร์ด้านเสื้อผ้าอยู่แล้ว แต่หากถามถึงบุคลิกส่วนตัวบางมุมหยกอาจดูมีเซ็กซี่แบบเข้มๆ ดุๆ บ้าง (หัวเราะ) แต่จริงๆ หยกเป็นสาวหวาน แต่เพื่อนๆ มองเราว่าเราดูเหมือนเป็นคนดุ เฉียบขาดและดูเข้มงวด” นอกจากสวยภายนอกแล้ว การสวยจากภายในก็ต้องดูแล เช่น การเลือกรับประทาน การบำรุงผิวพรรณและการออกกำลังกายต้องใส่ใจ

“ตอนนี้หยกกำลังไดเอทอยู่ค่ะ งดกินแป้ง เพราะเริ่มลดน้ำหนักได้ยาก แตกต่างจากเมื่อก่อนที่แค่ลดข้าวเย็นก็ผอมแล้ว ตอนนี้เน้นวิ่งออกกำลังกายบนลู่วิ่ง โดยอาศัยวิ่งที่ฟิตเนสของออฟฟิศ การดูแลสุขภาพกับอาชีพ เรื่องกินต้องระวังค่ะ เช่น ไม่กินมัน ไม่กินอะไรเย็นๆ เช่น ไอศกรีมเพราะเดี๋ยวจะทำให้ไอ เวลาอยู่หน้ากล้องจะไอก็ต้องมีเทคนิค จะจามก็ต้องส่งซิกแนลให้เพื่อน หรือเอามือปิดจมูกตอนเพื่อนอ่านข่าว หรือมีน้ำมูกก็ต้องเอามือปาดจมูกหลังกล้อง อยู่หน้ากล้องเราไม่ควรลวงแคะแกะเกา จะทำให้ดูไม่ดี เรียกว่าอยู่หน้ากล้องต้องใช้ไหวพริบช่วยกัน แต่ก่อนทำงานต้องเตรียมตัวให้พร้อม หยกเคยเรียนด้านพัฒนาบุคลิกภาพจากอาจารย์อภิลักษณ์ ท่านสอนว่า เกิดเป็นผู้ประกาศโลกจะแตก ก็จะตัดเข้าหน้าผู้ประกาศก่อน ดังนั้นเราต้องพร้อมตลอดเวลา เพราะทุกวินาทีอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เสมอค่ะ”