สำรวจ ฝัน ค้นพบ

โดย...แหนง-ดู

แม้จะเคยดูแล้ว แต่เมื่อ The Secret Life Of Walter Mitty ถูกนำออกมาฉายอีกครั้งทางเคเบิลทีวี ก็อดไม่ได้ที่จะชมอีกสักรอบอย่างสนใจและตั้งใจ

หนึ่ง เพราะหนังเรื่องนี้พูดถึงเรื่องสื่อในยุคเปลี่ยนผ่านจากวงการสื่อสิ่งพิมพ์ที่จะเปลี่ยนเป็นสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างใกล้ตัว (ผู้เขียน) ทั้งยังปฏิเสธไม่ได้ว่า หนังเรื่องนี้ให้ความบันเทิง ทั้งสนุกสนาน ซาบซึ้ง และส่งเสริมจินตนาการให้บรรเจิด นอกจากนั้นแล้วหนังยังเต็มไปด้วยภาพอันสวยงามน่าประทับใจ สถานที่ซึ่งตัวละครเอก คือ วอลเตอร์
มิตตี้ (แสดงโดย เบน สติลเลอร์) เดินทางไปนั้น เชื่อว่าเกือบทุกแห่งเป็นจุดหมายปลายทางในความฝันของนักเดินทาง หรือนักท่องเที่ยว

หนังเรื่องนี้นำเสนอสิ่งที่เกิดขึ้นกับนิตยสารอายุร้อยกว่าปีอย่าง ไลฟ์ (Life) ที่มีคติ หรือคำขวัญว่า “To see the world, things dangerous to come to, to see behind walls, draw closer, to find each other, and to feel. That is the purpose of life.” แปลได้ความประมาณว่า ...เป้าหมายของชีวิต คือ การได้เดินทางไปท่องโลก เพื่อพบเผชิญกับเรื่องท้าทาย ได้มองเห็นสิ่งซึ่งซุกซ่อนไว้อย่างใกล้ชิด เพื่อค้นหา รวมทั้งรับรู้ถึงความรู้สึกกันและกัน

ทั้งมอตโต้ข้างบน รวมทั้งเนื้อหาและภาพจาก The Secret Life Of Walter Mitty กระตุ้นเร้าให้คนดูอยากออกเดินทาง และทำให้เรายอมรับว่า การเดินทางก็เป็นเรื่องแปลก ในก้าวแรกของการเดินทาง เราอาจไม่คาดหวังว่าจะพบหรือได้อะไร แต่สุดท้ายเรากลับได้พบและได้มากมายเกินไป บางครั้งเราออกเดินทางด้วยความมุ่งหวังบางสิ่ง แต่กลับได้พบเจอกลับสิ่งอื่นๆ แทน ก็คงเหมือนกับชีวิตนั่นแหละ หวังมากไปก็อาจจะผิดหวัง แต่สิ่งที่ไม่เคยวางแผนไว้กลับได้มา

กับทุกๆ การเดินทาง เราอาจจะวางแผนล่วงหน้าเพียงบางส่วน แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ บางสิ่งอาจจะไม่ได้เป็นไปตามนั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือแผนนั้นแหละ คือ ชีวิต

หนังเรื่องนี้กระตุ้นเร้าให้หลายคนรู้สึกอยากออกเดินทาง ในขณะที่บางคนไม่ได้อยากจะไปไหน แต่กลับได้เดินทางในความรู้สึกนึกคิดและตัวตนของเรา

ไม่ว่าจะเปิดประตูออกไปพบกับโลกภายนอก หรือส่องลึกเข้าไปใจจิตใจวิญญานของตน ล้วนเป็นการเดินทาง เพียงแต่...หนึ่ง เดินทางด้วยกาย อีกหนึ่ง เดินทางด้วยใจ

สำหรับบางคน การเดินทางก็คือการเดินทาง …ไม่ได้ตั้งใจใช้คำเพื่อยอกย้อนเล่นวาที หรือพูดให้งงงัน สำหรับบางคนเขาออกเดินทางเพื่อเดินทาง โดยไม่สนใจจุดหมายปลายทาง คือ ที่ไหน ที่เคยไป หรือไม่เคยไป แต่ความสำคัญอยู่ที่ระหว่างการเดินทาง คนบางคนแม้จะเป็นแค่การเดินทางจากบ้านไปทำงาน ก็สามารถทำให้เป็นเรื่องน่าสนใจได้ บางครั้งเพียงเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางเท่านั้นก็จะได้พบเห็น ได้มุมมองที่แตกต่างไปด้วย

คนที่หลงใหลคลั่งไคล้การเดินทาง หลายคนอาจจะเห็นเหมือนกันว่า การตื่นขึ้นมาและได้อยู่คนเดียวในเมืองแปลกหน้า ซึ่งแวดล้อมด้วยคนที่ไม่คุ้นเคย เป็นความรู้สึกอันแสนพึงใจ แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่กว่าจะตระหนักถึงคุณค่า หรือความงดงามของการเดินทางครั้งนั้น ก็ต่อเมื่อเราได้กลับถึงบ้าน ได้นอนลงบนเตียงหลังเดิม หรือหมอนใบเก่า

หากไม่มีการเดินทาง เรื่องผจญภัยก็อาจจะไม่เกิดขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งการค้นพบคำตอบที่หามาทั้งชีวิต การเดินทางไปยังดินแดนที่ดีกว่า งดงามกว่า ทำให้เรากลับมาปรับปรุงตัวเอง แต่ถ้าต้องเดินทางไปยังดินแดนที่ยากแค้นลำบาก เราก็จะได้เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับมัน

บิดาแห่งการผจญภัยอย่าง มาร์ค ทเวน เคยบอกว่า “20 ปีต่อจากนี้ คุณอาจจะรู้สึกผิดหวังเสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำมากกว่าในสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว เพราะฉะนั้นปลดเงื่อนเชือกออก แล้วแล่นเรือออกไปจากท่าที่ปลอดภัย ให้ใบเรือกินลม แล้วออกไปสำรวจ ฝัน และค้นพบ...”

การเดินทางของ วอลเตอร์ มิตตี้

The Secret Life of Walter Mitty หนังปี 2013 สร้างจากเรื่องสั้นที่มีชื่อเสียงของ เจมส์ เทอร์เบอร์ นักเขียนชาวอเมริกันซึ่งทำให้เกิดคำว่า Mittyesque ที่หมายถึง คนซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในโลกของความฝันมากกว่าโลกของความเป็นจริง หรือคนที่จงใจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่า เขาเป็นในสิ่งที่ไม่ได้เป็น

หนังเรื่องนี้แสดงนำและกำกับโดยเบน สติลเลอร์ เล่าเรื่องของ วอลเตอร์มิตตี้ หนุ่มใหญ่ช่างฝัน (กลางวัน) ที่เป็นคนแปลกๆ ในสายตาคนภายนอก เขามีชีวิตเรียบง่ายในนิวยอร์กเป็นพนักงานที่อาจจะเงียบและมีคนรู้จักน้อยที่สุดในนิตยสารไลฟ์ ส่วนหัวใจก็ว่างเปล่า เพราะไม่กล้าแม้จะทำความรู้จักกับสาวที่พึงใจ เมื่อแผนกฟิล์มเนกาทีฟที่เขาทำอยู่มีปัญหา เพราะภาพสำหรับปกสุดท้ายของไลฟ์โดยช่างภาพอินดี้ไร้ร่องรอยอย่าง ฌอน โอคอนเนอร์(ฌอน เพนน์) หายไป วอลเตอร์ มิตตี้จึงต้องสืบค้นตามหาไปทั่วโลกเพื่อให้ทันเดดไลน์

การเดินทางหาช่างภาพและภาพปกทำให้ มิตตี้ ได้ออกเดินทางผจญภัยเผชิญโลก และค้นพบความหมายของชีวิต ซึ่งไม่ใช่การฝันกลางวันหรือฝันไปวันๆ แต่ต้องอยู่กับปัจจุบันกาลและออกเดินทางเพื่อค้นพบทั้งโลกและตัวเอง