posttoday

ณวัฒน์ พลังวิทย์วัฒนา กับเครื่องประดับที่ไม่ธรรมดา

02 พฤศจิกายน 2558

ตี้-ณวัฒน์ พลังวิทย์วัฒนา บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการทำเครื่องประดับแบรนด์ “ธรรมดา สตูดิโอ” (Thammada Studio)

โดย...ภาดนุ ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

ตี้-ณวัฒน์ พลังวิทย์วัฒนา บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการทำเครื่องประดับแบรนด์ “ธรรมดา สตูดิโอ” (Thammada Studio) ว่าเริ่มมาจากการที่เขาเรียนจบทางด้านการออกแบบเครื่องประดับ (Jewelry Design) จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งตอนเรียนเขาต้องออกแบบเครื่องประดับเป็นประจำอยู่แล้ว พอเรียนจบมาจึงคิดทำธุรกิจเปิดร้านเครื่องประดับเล็กๆ ที่ตัวเองออกแบบเองซะเลย

“ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบงานดีไซน์และงานอาร์ตอยู่แล้ว ผมกับแฟน (นิ้ง-ชาลิตษร วรวุฒิคุณา) ซึ่งเรียนจบด้านออกแบบเครื่องประดับมาเหมือนกัน จึงตกลงกันว่าเราจะช่วยกันออกแบบและเช่าที่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักรเพื่อเปิดร้าน ซึ่งผมมองว่าตลาดเครื่องประดับในเมืองไทยยังมีช่องว่างสำหรับงานที่เน้นเรื่องดีไซน์อยู่

แม้คนไทยส่วนใหญ่ยังคิดว่างานออกแบบจิวเวลรี่คืองานเกี่ยวกับเพชรพลอยก็ตาม แต่ผมต้องการนำเสนองานจิวเวลรี่ในอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งสำหรับผมนอกจากงานเพชรพลอยแล้ว ยังมีงานที่เน้นไอเดียและดีไซน์เข้ามาด้วย ตามคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่เราคิดกันไว้”

ณวัฒน์ พลังวิทย์วัฒนา กับเครื่องประดับที่ไม่ธรรมดา

 

ตี้ เผยว่า อย่างเครื่องประดับแหวนคอลเลกชั่นพวงมาลัยที่เขาออกแบบไว้ เขาได้แรงบันดาลใจมาจากพวงมาลัยดอกไม้จริงๆ หรืออย่างเครื่องประดับคอลเลกชั่นกระจกสี เขาก็ได้แรงบันดาลใจมาจากกระจกสีที่วัดโพธิ์ รวมทั้งเครื่องประดับคอลเลกชั่นจักสานก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานหัตถกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีงานที่เป็นเครื่องประดับแนวแฟชั่นรูปแบบอื่นๆ ที่พวกเขาทำเสริมเข้ามาเพื่อทดลองตลาดอีกด้วย

“ที่พวกเราออกแบบหลากหลายดีไซน์ เพราะผมอยากนำเสนอให้เป็นงานประติมากรรมขนาดย่อที่ยังอยู่บนพื้นฐานของการสวมใส่เป็นเครื่องประดับของคนได้ งานของเราจะไม่ได้เป็นแนวอาร์ตหนักๆ จนใส่ไม่ได้เลย ซึ่งผมกับแฟนมีแนวคิดคล้ายกัน นั่นคืออยากนำเสนอไอเดียให้ผู้ที่ชื่นชอบงานดีไซน์ได้สัมผัสกัน เท่าที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่จะนิยมแหวนและกำไล ส่วนฝรั่งต่างชาติจะชอบสร้อยยาวๆ หรือจี้ซะมากกว่า”

ตี้ บอกว่า ในช่วงที่เรียนอยู่เขาได้รับการปลูกฝังเรื่องกระบวนการในการออกแบบมาอย่างดี แต่ในเมืองไทยถ้าเป็นงานดีไซน์ที่เป็นอาร์ตจ๋ามากๆ ราคาก็มักจะแพง และรูปแบบของเครื่องประดับจะใส่ยากมาก เขาจึงปรับดีไซน์ให้ใส่ง่ายและสามารถใส่ติดตัวได้ทุกวัน โดยปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนไทยด้วย ซึ่งการออกแบบนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็มีอุปสรรคในช่วงเริ่มต้นที่ต้องติดต่อกับโรงงานผลิตอยู่บ้าง เพราะงานเครื่องประดับนั้นมีรายละเอียดหลายขั้นตอน ทั้งต้องเอาแบบไปให้ช่างดู และอื่นๆ เรียกว่าติดต่อกันมานานจนตอนนี้สนิทกับช่างไปแล้ว

ณวัฒน์ พลังวิทย์วัฒนา กับเครื่องประดับที่ไม่ธรรมดา

 

“เวลาออกแบบเราจะทำทีละคอลเลกชั่นให้จบเป็นพาร์ตไปตามไทม์ไลน์ที่เราวางไว้ อย่างงานชิ้นแรกที่เริ่มทำจะเป็นแหวนพลอยที่ถูกผ่าออก แล้วนำมาขึ้นรูปเป็นแหวน เราลองทำดูว่าถ้าเป็นแบบนี้แล้วลูกค้าจะตอบรับมั้ย ซึ่งดีไซน์จะไม่ใช่รูปแบบเดิมๆ จะดูทันสมัยขึ้น ซึ่งช่วงแรกๆ ที่ติดต่อกับโรงงานก็สั่งน้อยๆ ก่อนเพื่อทดลองตลาด ถ้าผลตอบรับดีเราก็จะผลิตมากขึ้น โดยพยายามออกแบบเครื่องประดับให้ได้ 3-4 คอลเลกชั่นต่อปี แต่ปีแรกที่เริ่มเปิดร้านใหม่ๆ เราออกแบบได้แค่ 3 คอลเลกชั่น เพราะไม่อยากจะกดดันตัวเองจนเกินไป แต่เมื่อเข้าปีที่ 2 เราก็ออกแบบได้ 4 คอลเลกชั่นแล้วครับ”

ตี้ เสริมว่า ตั้งแต่เปิดร้านมา ปัจจุบันนี้ก็เริ่มสบายใจได้ เพราะทุกวันนี้มีลูกค้าชอบและตอบรับงานดีไซน์ของพวกเขามากยิ่งขึ้น ทำให้พวกเขามีกำลังใจในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานออกมาสู่สายตาลูกค้าอยู่เรื่อยๆ

“เราเริ่มเปิดร้านเมื่อเรียนจบได้สักพัก ฉะนั้นทุนในการเริ่มต้นธุรกิจจึงไม่มากนัก โดยเราเอาเงินเก็บที่มีมารวมกันและเริ่มลงทุนด้วยเงิน 1 แสนบาท หลังจากเปิดมา 2 ปี ตอนนี้อยู่ตัวแล้วครับ ลูกค้าส่วนใหญ่ของเราจะเป็นวัยรุ่นชาวไทยนี่แหละ แต่ก็มีผู้ใหญ่บางคนที่ชอบงานดีไซน์ก็มาเป็นลูกค้าเราเหมือนกัน แล้วก็มีลูกค้าต่างชาติ ทั้ง ฝรั่ง เกาหลี สิงคโปร์ และฮ่องกงด้วย

ณวัฒน์ พลังวิทย์วัฒนา กับเครื่องประดับที่ไม่ธรรมดา

 

นอกจากขายที่ร้าน ‘Thammada Studio’ ที่ตลาดนัดสวนจตุจักรโครงการ 2 ซอย 41/2 แล้ว เรายังเปิดขายทางออนไลน์ด้วย นั่นคือ IG : thammada_design และ Facebook : thammada.studio ซึ่งลูกค้าทางออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีทั้งไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น ซึ่งเคยมาซื้อที่หน้าร้าน พอกลับไปแล้วเพื่อนๆ เห็นก็อยากได้บ้าง ก็พากันสั่งซื้อมาทางออนไลน์เยอะ จะพูดว่าการดีไซน์ของเราถูกโฉลกกับคนเอเชียก็ว่าได้ครับ” (หัวเราะ)

ตี้ เสริมว่า หลังจากขายเครื่องประดับแบรนด์ตัวเองทั้งหน้าร้านและออนไลน์ไม่ถึงปีก็ได้เงินที่ลงทุนไปคืนมาหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขาจึงมุ่งมั่นอยู่กับการออกแบบเครื่องประดับให้ได้ปีละ 3-4 คอลเลกชั่นอย่างจริงจัง โดยบางช่วงอาจแทรกงานออกแบบมินิโปรเจกต์เข้าไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับการตอบรับที่ดี

“จริงๆ แล้วเครื่องประดับแต่ละคอลเลกชั่นที่วางโชว์ที่หน้าร้าน จะเป็นเครื่องประดับตัวอย่างให้ลูกค้าดูเป็นสเกลแล้วค่อยสั่งให้เข้ากับสรีระของตัวเอง เช่น แหวน ก็มีรอบวงตั้งแต่ 50-54 มม. ซึ่งเป็นไซส์มาตรฐานของคนทั่วไป แม้แต่ในออนไลน์ก็จะมีสเกลบอกไว้ด้วยเช่นกัน นอกจากออกแบบเครื่องประดับมาขายที่ร้านแล้วบางครั้งผมยังส่งผลงานเข้าประกวดด้วยครับ อย่างคอลเลกชั่นพวงมาลัย กระจกสี และจักสาน ก็เคยส่งเข้าประกวดในงาน Demark Award (Design Excellence Award) จนได้รับรางวัลการออกแบบดีเด่นมาด้วยครับ”

ณวัฒน์ พลังวิทย์วัฒนา กับเครื่องประดับที่ไม่ธรรมดา

ตี้ ทิ้งท้ายว่า ในอนาคตเขาตั้งใจจะออกแบบเครื่องประดับให้มีดีไซน์และมุมมองที่แปลกใหม่มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นยังต้องมีการเช็กฟีดแบ็กจากลูกค้าให้มากขึ้นอีกด้วย

“การเริ่มต้นธุรกิจแม้เป็นสิ่งที่ยากสำหรับเราก็จริง เพราะเราเรียนด้านดีไซน์มา แต่ช่วงแรกๆ ที่ลงมือทำเราก็ถือว่าเราได้เรียนรู้วิธีบริหารจัดการแบบค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ อย่างเดือนไหนถ้ารายได้ไม่ครอบคลุมกับค่าใช้จ่าย เราสามารถลดส่วนไหนลงได้ก็ลด โดยตั้งเป้าหมายไว้และบริหารต้นทุนให้ลงตัวทุกๆ เดือน ซึ่งก็ดีใจมากที่ผ่านมาได้ด้วยดี

แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของเราก็คือ เราจะหยิบสิ่งที่เห็นในชีวิตประจำวันมาปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนและอาชีพนักออกแบบเครื่องประดับของเรา ซึ่งงานออกแบบนั้นมันไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ มาก็สามารถนำมาต่อยอดและสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้เรื่อยๆ

ผมจึงอยากแนะนำวัยรุ่นที่กำลังคิดทำธุรกิจว่า ให้หาสิ่งที่ตัวเองรักและชอบเพื่อต่อยอดเป็นธุรกิจของตัวเองให้ได้ และทำอย่างรอบคอบ อย่าคิดว่าทำแค่เป็นงานอดิเรก ต้องกล้าที่จะทำเป็นธุรกิจ เพราะหากเรามีความตั้งใจจริง ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ครับ”

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้