น้ำลัด...ที่พลัดพราก
บ้านน้ำลัด คือหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ในเขต อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์
โดย...เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข [email protected]
บ้านน้ำลัด คือหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ในเขต อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ มีด่านตำรวจตระเวนชายแดนตั้งอยู่บริเวณแยกทางเข้าหมู่บ้าน ให้พอสังเกตได้ว่ากำลังเข้าเขตพื้นที่เข้มงวดด้านความมั่นคง
“น้ำลัด” ที่เป็นชื่อของหมู่บ้าน น่าจะมาจากสภาพภูมิประเทศที่ด้านหลังของหมู่บ้านมีลำน้ำที่ทอดยาวมาจาก จ.น่าน ลัดเลาะไหลลงสู่แม่น้ำปาด ที่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์
ปกติชีวิตผมไม่มีทางที่จะมายังพื้นที่แห่งนี้ได้เลย หากไม่มีงาน เพราะไม่เคยอยู่ในสารบบการเดินทางท่องเที่ยวของผม และที่สำคัญ มันไกลมากจากถนนสายหลักเข้าไปผ่านหลายอำเภอกว่าจะถึงบ้านโคก
“ไม่หนาว ไม่ไกล ไม่ใช่บ้านโคก”
เป็นคำขวัญประจำอำเภอนี้ แสดงให้เห็นถึงความห่างไกล และสภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศแบบแนวชนบท
ผมไปบ้านน้ำลัดครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน แน่นอนว่าการไปพื้นที่นี้ของผมหมายความว่า
“ที่นี่...มีเด็กหาย”
ผมรับแจ้งเหตุเด็กชายวัย 12 ปี หายออกจากบ้านหมู่บ้านน้ำลัดอย่างลึกลับ ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งชี้ว่าเด็กจะหนีออกจากบ้านเอง เพราะหมู่บ้านห่างไกลมาก หากเขาจะหนีออกจากบ้าน จะต้องเดินและนั่งรถประจำทางออกมา ซึ่งจะต้องมีคนเห็นเขา แต่ปรากฏว่าแทบไม่มีเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กชายคนนี้เลย
ผมเทียวลงไปในพื้นที่บ้านน้ำลัดหลายครั้ง เพื่อสืบสวนการหายตัวไปของเด็กชายคนนี้ สมมติฐานจำนวนมากถูกนำมาตั้งเป็นประเด็น
คืนก่อนวันที่เด็กหายไปมีฝนตกทั้งวันทั้งคืน ยาวต่อเนื่องมาจนถึงเวลาที่เด็กน่าจะหายตัวไป พยานคนสุดท้ายที่เห็นเด็กชายคนดังกล่าว คือ หญิงเจ้าของร้านขายของชำในหมู่บ้าน ที่ระบุว่า พบเห็นเด็กในช่วงเวลาประมาณสิบโมงเช้าของวันที่เด็กหายไป เด็กชายมาซื้อขนมจำนวน 6 ห่อ ด้วยเงิน 30 บาท ซึ่งยังเป็นที่กังขากันว่าใครให้เงินเด็กถึง 30 บาทเพื่อมาซื้อขนม หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเด็กชายคนดังกล่าวอีกเลย
ด้วยความที่วันเกิดเหตุมีฝนตกตลอดวันตลอดคืน กระแสน้ำที่ลำน้ำท้ายหมู่บ้านจึงมีลักษณะไหลเชี่ยวคล้ายน้ำป่าพัด จึงมีความสงสัยกันว่าเด็กอาจเกิดอุบัติเหตุระหว่างการข้ามลำน้ำ เพราะเด็กชอบข้ามลำน้ำไปไร่ของญาติที่อยู่ในหุบเขาถัดไปจากลำน้ำนี้
การค้นหาในลำน้ำทำอยู่หลายวัน กระทั่งหลายเดือนต่อมาเมื่อน้ำแห้ง ก็มีการลงงมกันอีกครั้งด้วยนักประดาน้ำที่มีความเชี่ยวชาญ ตลอดจนนำรถตักมาขุดบริเวณโคลนที่ทับถมกัน แต่ก็ยังไม่พบร่างของเด็กชายที่หายไป
ท้ายสุด ผมจัดประชาคมหมู่บ้าน อยากฟังข้อคิดเห็นของชาวบ้านต่อเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเด็กจมน้ำ ชาวบ้านซึ่งหากินกับลำน้ำสายนี้มาตลอดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เด็กไม่น่าจะจมน้ำเสียชีวิต เนื่องจากชาวบ้านออกหาปลาในลำน้ำโดยตลอด ช่วงน้ำแห้งก็ไม่พบวัตถุใดๆ เกี่ยวกับเด็กในลำน้ำนี้เลย
การตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็ก หากไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุก็ต้องมาพิจารณาที่ปัญหาครอบครัวควบคู่กันไปด้วย แม้ว่าครอบครัวของเด็กจะแยกทางกัน พ่อแม่ต่างมีครอบครัวใหม่ แต่ทั้งสองครอบครัวก็ยังคงอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ไม่มีปมขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องการแย่งความปกครองบุตร เพราะในแต่ละสัปดาห์เด็กจะสลับไปนอนได้ทั้งบ้านพ่อและบ้านแม่ ประเด็นปัญหาเรื่องครอบครัวจึงถูกตัดออก
เมื่อเด็กไม่ได้หายไปจากอุบัติเหตุ หรือปัญหาครอบครัว ก็เหลือเพียงไม่กี่ประเด็น ซึ่งนั่นอาจหมายถึงเด็กถูกลักพาตัวไป ทั้งจากคนใกล้ชิดในชุมชน หรือคนนอกที่บังเอิญผ่านมา
ถนนเส้นหลักที่ผ่านหมู่บ้านน้ำลัด เป็นทางหลวงชนบทที่มุ่งหน้าไปยัง จ.น่าน ส่วนในทางกลับกันก็มุ่งหน้าสู่ อ.น้ำปาด โดยส่วนใหญ่เส้นทางนี้มักเป็นคนในพื้นที่ที่ใช้สัญจรผ่านไปมา คนนอกส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าตลาดนัดที่เข้ามาขายของบริเวณชายแดนในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์
ผมทำงานติดตามเด็กหายมาหลายปี พบว่าทุกครั้งที่มีเด็กหายตัวไปในลักษณะคล้ายการลักพาตัวเด็ก จำเป็นที่จะต้องตีกรอบพื้นที่ว่ามีใครอยู่ในบริเวณดังกล่าวที่เด็กหายตัวไปบ้าง เขาเหล่านั้นย่อมอาจเป็นผู้ต้องสงสัยในการหายตัวไปของเด็ก
การติดตามหาเด็กหายในสหรัฐอเมริกาของ FBI ก็เช่นกัน เมื่อมีเด็กหายในพื้นที่ FBI และตำรวจประจำท้องถิ่นก็จะตีกรอบบริเวณดังกล่าว เพราะคนร้ายอาจจะพาเด็กออกไปไม่ไกลจากพื้นที่ หรือเป็นคนพื้นที่เสียเองที่เป็นผู้ก่อเหตุ FBI จะใช้วิธีการเคาะประตูตามบ้านต่างๆ ที่เด็กน่าจะเดินผ่าน และขอเข้าไปคุยด้วย โดยไม่จำเป็นต้องมีหมายค้น เพราะส่วนใหญ่ทุกคนจะแสดงความบริสุทธิ์ใจในการพูดคุยหรือให้ตรวจค้น ส่วนหากใครไม่ยินยอมให้เข้าไปตรวจค้น ก็อาจตกเป็นผู้ต้องสงสัย และเจ้าหน้าที่จะขอหมายศาลเข้าไปตรวจสอบทันที
ในขณะที่บ้านน้ำลัด ซึ่งมีประชากรอยู่ไม่ถึง 50 หลังคาเรือน เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ทุกคนรู้จักกันหมด และหลายครอบครัวเป็นญาติกัน การที่ตำรวจหรือฝ่ายสืบสวนเข้าไปพบกับครอบครัวหรือบุคคลใดในหมู่บ้าน ก็มักนำไปลือกันว่าบุคคลนั้นอาจเป็นผู้ต้องสงสัยที่พาตัวเด็กไป กลายเป็นเรื่องเล่าลือนินทากันในชุมชนและขยายไปนอกหมู่บ้านในที่สุด
ประเด็นความขัดแย้งในชุมชนก็มีเหตุให้ต้องรับฟัง กระนั้นการสืบสวนจึงต้องทำไปด้วยความรอบคอบ หากมีผู้กระทำผิดอยู่ในพื้นที่ ย่อมไม่มีใครรับสารภาพจนกว่าจะหาพยานหลักฐานได้ ในขณะที่การที่จะบอกว่าคนในพื้นที่อาจเป็นผู้ก่อเหตุก็กลายเป็นเรื่องหมิ่นประมาทคนทั้งชุมชน เป็นเรื่องอ่อนไหวในการทำงานสืบสวนและการตั้งประเด็นสมมติฐาน
ผมลงพื้นที่ไปบ้านน้ำลัดมากกว่า 5 ครั้ง นำทีมตำรวจสืบสวนลงไปในพื้นที่หลายชุด มีทีมกู้ภัย นักค้นหาใต้น้ำลงไปพิสูจน์ทราบจนหมดข้อสงสัยเรื่องอุบัติเหตุ ใช้งบประมาณเกินกว่า 1 แสนบาท ในการติดตามหาตัวเด็กคนนี้
นี่ครบรอบ 2 ปีที่เด็กคนนี้หายไป และนี่คืองานยากเรื่องการพลัดพรากของผู้คน
และผมจะต้องกลับไปที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้อีก เพราะเมื่อสสารไม่มีวันสูญสลาย เด็กหายก็เช่นกัน
แล้วผมจะกลับไปบ้านน้ำลัดอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกว่าความจริงจะปรากฏ


